ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่ นิยาย บท 914

เต๊ง!

10 นาทีผ่านไปอย่างรวดเร็ว เสียงระฆังดังขึ้นอีกครั้ง

ติดตามกับเสียงระฆังที่ดังขึ้น นักพรตเต๋าชิงเฟิงก็ได้ยืนขึ้น ก้าวขึ้นหน้ามาสองสามก้าว เบ่งลมปราณส่งเสียงพูดว่า “ขอทุกคนช่วยเงียบก่อนด้วย!”

หลังจากเสียงนักพรตเต๋าชิงเฟิงพูดออกมา สภาพเสียงจอแจแต่เดิมทั่วบริเวณสนามประลองยุทธค่อย ๆ เงียบลง

รออยู่สักพักหนึ่ง เห็นทุกคนต่างไม่ได้ส่งเสียงคุยกันแล้ว นักพรตเต๋าชิงเฟิงผงกหัวแสดงความพอใจ สะบัดแซ่ปัดฝุ่นในมือขึ้น แล้วจึงเอ่ยปากพูดต่อ “ทุกท่าน เมื่อวานนี้พวกเราก็ได้เห็นผู้เข้ารอบเตรียมชิงตำแหน่งผู้นำยุทธภพคนใหม่กันแล้ว ช่างได้ความรู้สึกที่ว่าคลื่นลูกหลังมาแรงจริง ๆ ไม่คิดว่าในการชุมนุมจอมยุทธในครั้งนี้ จะมียอดคนเก่งในวัยหนุ่มมากมายขนาดนี้ นี่คือบุญวาสนาในวงยุทธจักรของประเทศจีนเราจริง ๆ เชื่อว่าการที่มีพวกท่านอยู่ พวกเราจะต้องก้าวเข้าสู่ความสุดยอดอีกรูปแบบหนึ่งแน่นอน!”

เปาะ เปาะ เปาะ !

เสียงปรบมือดังไปทั่วบริเวณ หลังจากเสียงพูดนักพรตเต๋าชิงเฟิงจบลง

หยุดรอพักหนึ่ง นักพรตเต๋าชิงเฟิงแบมือสองข้างทำท่าบอกให้สงบลง เมื่อเสียงปรบมือเงียบสนิทลง จึงพูดต่อไปว่า “เชื่อว่าทุกท่านก็คงอดใจรอกันไม่ไหวแล้ว ข้านักพรตเฒ่าก็จะไม่โอ้เอ้พูดมากละ ต่อไปนี้การชุมนุมยุทธจักรวาระสอง เริ่มขึ้น ณ บัดนี้!”

ปรมาจารย์ไร้เจตสิก ก็ได้เดินขึ้นมาตามจังหวะนั้น พูดเสียงขรึม “ระเบียบขั้นตอนก็เป็นไปตามที่เคยปฏิบัติในปีก่อน ๆ จะประลองกันอย่างไรก็ได้ คิดจะท้าประลองกับใคร ก็เชิญขึ้นเวทีมาพบกันเองได้เลย!”

พูดจบปรมาจารย์ไร้เจตสิกกับนักพรตเต๋าชิงเฟิงก็ถอยกลับเข้าที่ ไม่ได้คิดรีบร้อนจะไปขึ้นเวที

และในขณะนั้นเอง ข้างล่างเวทีก็มีคนขยับตัวคนหนึ่ง มุ่งกระโดดขึ้นบนเวที ในมือถือมีดง้าว ชี้ปลายมีดง้าวไปที่ชายฉกรรจ์รูปร่างหนาปึก พูดเสียงเยือก “หลี่ซัน แกขึ้นมาเลย สิบปีก่อนข้าแพ้แกไป วันนี้ข้าจะขอล้างอายของครั้งที่แล้ว!”

“ไอ้ขี้แพ้ในมือข้า มีหรือข้าจะต้องกลัว!”หลี่ซันสะบัดเสียงออกจมูก พลิกตัวกระโดดข้ามไม้รั้วเวที ในมือก็ถือมีดง้าวเหมือนกัน “จ้าวสื้อ ในเมื่อสิบปีก่อนข้าเอาชนะแกได้ วันนี้ข้าก็จะเอาแกแพ้ไปอีกได้เหมือนกันแหละ!”

ขาดคำจากเสียงพูด ทั้งสองก็ได้เข้าต่อสู้กันแล้ว ดูฝีมือทั้งสองพอฟัดพอเหวี่ยงกันได้ แดนฟ้ากำหนดระดับกลาง ซึ่งคงยังเทียบไม่ได้แม้กระทั่งรุ่นหนุ่ม ประมาณว่าเป็นพวกกลุ่มกะเลวกะลาดหรือพวกพรรคเล็กพรรคน้อย

เวลาสั้น ๆ ช่วงไม่กี่นาที ทั้งสองฝ่ายก็แลกกันไปหลายสิบกระบวนท่า แกซัดมาข้าอัดไป สู้กันได้อย่างดุเดือด ดูมันสนุกกว่าดูพวกเด็กหนุ่มต่อสู้กัน ถึงจะยังไงด้วยเรื่องอายุบ่งให้เห็นอยู่ เรื่องรู้จริงในการใช้อาวุธ การพินิจในการออกกระบวนท่ามีดดาบนั้นไม่ใช่เด็กหนุ่มจะเทียบได้

จนท้ายสุดคนที่ชื่อหลี่ซันก็พลาดไปด้วยหนึ่งกระบวนท่าจบด้วยการแพ้ซ้ำรอยเมื่อสิบปีที่แล้ว เพียงแต่ว่าตอนนี้เป็นการประลองกันบนเวที หากว่าเปลี่ยนเป็นการต่อสู้เอาเป็นเอาตายกัน ใครจะตายในมือใครไม่มีทางรู้จริงได้

หลังจากหลี่ซันลงไปจากเวที ก็มีคนกระโดดขึ้นไปบนเวทีอีกคน เข้าต่อสู้กับจ้าวสื้อ การประลองยุทธบนเวทีก็ร้อนแรงขึ้นเรื่อยไปในการดำเนินต่อ

การเริ่มต้นในครั้งนี้ก็มีประเภทกลุ่มพื้นฐานระดับพรรคเล็กพรรคน้อย พวกเขาก็รู้ตัวเองดีในขีดพลังฝีมือตัวเอง จะไปเทียบกับยอดฝีมือแล้วยังห่างอีกไกล ที่ขึ้นเวทีมานี้ ก็เป็นเพียงมาเป็นส่วนประกอบเรียกน้ำย่อย ถึงยังไงในคนระดับยอดฝีมือ ในใจต่างก็มีความทระนงในศักดิ์ศรีอยู่ ไม่มีทางจะเร่งรีบออกแสดงตัว

ก็เหมือนอย่างปรมาจารย์ไร้เจตสิกกับนักพรตเต๋าชิงเฟิงพูดเปิดงานเสร็จ ก็กลับไปนั่งที่เดิม ไม่ได้ขึ้นเวทีในทันที

ผ่านไปอย่างรวดเร็ว สิบรายการต่อสู้ผ่านไป ยังไม่มีใครสามารถยืนหยัดอยู่ได้ครบถึงสิบรายการ โดยทั่วไปก็ได้แค่สองสามรายการก็ถูกโค่นลง ละจนถึงขณะนี้ พลังฝีมือของคนที่ขึ้นเวทีก็ยิ่งสูงขึ้นสูงขึ้น

บนเวที ประกายดาบเงามีดฉวัดเฉวียน อีกสองคนคู่ต่อสู้กำลังพันตูกันอย่างดุเดือด พลังฝีมือของทั้งสองก็คงอยู่ที่ฟ้ากำหนดระดับกลางขั้นสุดยอด ซึ่งห่างฟ้ากำหนดระดับปลายเพียงแค่อีกก้าวเดียว

“เหอะ ๆ”หลู่ซูหางหัวเราะ “ก็ไม่ใช่เพราะผลประโยชน์ที่เป็นตัวยั่วยุหรือ ทั้งสองฝ่ายต่างก็ต้องการจะเป็นผู้ควบคุมพรรค ต่างฝ่ายต่างไม่ยอมต่อกัน สุดท้าย ก็เป็นแบบนี้แหละ”

ได้ฟังที่หลู่ซูหางพูดมา เย่เทียนก็ส่ายหน้าด้วยรู้สึกเสียดายแทน พรรคใหญ่ระดับต้น สุดท้ายกลายมาเป็นแบบนี้ หากแม้นไม่เช่นนั้น แค่เพียงกระบวนท่ารวมพลังจู่โจมนี้ น่ากลัวตอนนี้คงไม่ใช่แค่เจ็ดพรรคใหญ่ แต่เป็นแปดพรรคใหญ่แล้ว

ไม่ทันรอเย่เทียนพูดตอบ หลู่ซูหางมองไปที่เวทีประลอง พูดเสียงหัวเราะว่า “เย่เทียน ทีเด็ดมาแล้ว มีของดีได้ดูกันละ!”

ได้ยินดังนั้น เย่เทียนอึ้งเล็กน้อย แล้วรีบย้ายสายตามองไปบนเวที

ที่เห็นบนเวทีนั้น ผู้เฒ่าผมขาวดอกเลาพลิกตัวอย่างกระฉับกระเฉง กระโดดขึ้นไปอยู่บนเวทีประลอง มือถือทวนยาวชี้ตรงไปเบื้องล่างเวที

“ตาเฒ่าหวงแกขึ้นมาเลย คราวที่แล้วแพ้ให้แก ข้าไม่เชื่อว่าครั้งนี้จะมาแพ้แกได้อีก ให้เร็วเลย รีบไสหัวขึ้นมา!”

“ฮา ฮา!”เสียงหัวเราะลั่นดังขี้นมา และฝูงคนก็กระจายออก ผู้เฒ่าผมหงอกขาวเหมือนกันก็เดินก้าวเอื่อย ๆ ขึ้นเวทีมา “ตาเฒ่าหลี่ สิบปีไม่ได้เห็นหน้า ยังระห่ำโผงผางเหมือนเดิมนะ อายุเข้ามาปูนนี้แล้ว ยังไม่คิดจะเปลี่ยนสันดานอีกหรือ?”

“เปลี่ยนบ้าเปลี่ยนบออะไร ใครไม่รู้จักสันดานของตาเฒ่าหลี่ อย่างข้า!” ตาเฒ่าหลี่สะบัดเสียงออกจมูก “ตาเฒ่าหวง ไม่ต้องพล่ามมาก!ก่อนนี้ข้าโดนแกถล่มจนแพ้ไปจากที่นี่ ข้าสาบานไว้แล้วว่าจะต้องเอาชนะคืนมาให้ได้จากที่นี่!ข้าทนมุฝึกฝนมาสิบปี ก็เพื่อวันนี้ มาเลย!”

“มา ๆ ๆ แต่ข้าบอกไว้ก่อนนะ เดี๋ยวถ้าแกแพ้แล้วอย่ากลับไปพาลที่บ้านหละ ถึงเวลานั้นยายแก่ที่บ้านแกจะได้ไม่ต้องไปกวนหาเรื่องข้า” ตาเฒ่าหวงพูดเสียงหัวเราะลั่น

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่