ข้ามภพมาเป็นแม่เลี้ยงของวายร้ายทั้งห้า นิยาย บท 281

หยูเฟยเชิงไม่สบอารมณ์

แม้ว่าจะเดินออกมานอกสำนักศึกษาแล้ว อารมณ์ที่เสียก็ยังไม่ดีขึ้น

"อาเชิง หากเจ้ารู้สึกว่าสอบได้ไม่ดี พวกเราพี่น้องช่วยเจ้าได้นะ"

หยูเฟยเชิงเหลือบมอง

"เจ้าคิดจะทำอะไร"

"แน่นอนว่า...ทำลายข้อสอบทิ้งน่ะสิ"

จ้าวอู่พูดด้วยน้ำเสียงอ่อยลง

"ถ้าหากไม่มีข้อสอบทุกคน แน่นอนว่าก็จะไม่สามารถบอกคะแนนได้"

"เจ้านี่โง่หรือเปล่า หากทำลายข้อสอบแล้วอย่างไร อาจารย์ต้องให้พวกเราสอบใหม่แน่"ซุนเหนียนซีมองด้วยสายตาบ่นด่าในใจ

"เจ้าช่วยคิดในเรื่องที่คนปกติเขาทำกันหน่อยได้มั้ย"

ใครจะอยากสอบใหม่?

นี่เป็นความคิดที่ไม่ดีเลย ไม่ต้องพูดถึงซุนเหนียนซี แม้แต่คนอื่นก็ต้องไม่เห็นด้วยแน่นอน

จ้าวอู่ก้มหัวทำตัวไม่ถูก

"ข้าแค่อยากช่วยให้อาเชิงเอง เขาดูอารมณ์ไม่ดีมาตลอดทาง"

"ไม่เป็นไรหรอก"ในที่สุดหยูเฟยเชิงก็พูดขึ้น

"พวกเจ้ากลับไปก่อนเถอะ ข้าจะเดินเล่นให้อารมณ์ดีสักหน่อย"

"เจ้าอยู่คนเดียวได้ใช่มั้ย ตระกูลหลิวกับชิงผิงอ๋องกำลังจับเจ้าอยู่นี่"หลี่อู๋เหลิงไม่รู้สึกไม่ว่างใจ

"ให้พวกข้าไปส่งเจ้าที่ตำหนักตงกงดีกว่า"

หากพูดถึงพระราชนัดดาไม่มีทางที่จะไม่มีองครักษ์ติดตาม แต่อย่างไรตอนนี้ก็เป็นช่วงเวลาสำคัญ

หากถ้าเกิดอะไรขึ้นกับหยูเฟยเชิง ตระกูล จ้าว หาน ซุน หลี่ สี่ตระกูลไม่มีที่ให้ร้องไห้แน่

"ข้าไม่เป็นไรจริงๆ "หยูเฟยเชิงปัดไม้ปัดมือ

"ยามนี้เป็นเวลากลางวัน ใครจะคิดฆ่าข้าตอนนี้กัน"

เวลาบ่ายแสงแดดจ้า ผู้คนต่างเดินผ่านกันไปมา ไม่มีอันตรายใดๆ

ถ้าหากในเวลานี้ มีใครที่คิดที่จะกล้าฆ่าคนก็คงเสียสติเต็มที

หลี่อู่เหลิง และคนอื่นๆคิดอยู่ครู่หนึ่งสักพักก็พยักหน้า

หยูเฟยเชิงให้ความมั่นใจกับพวกเขาอีกครั้งด้วยคำพูดประโยคสองประโยค

เมื่อทุกคนกลับไปแล้ว เขาก็หันตัวกลับและเดินไปอย่างไร้จุดหมายบนถนนต้าซี

พี่ชายกลับมาครานี้ เหมือนก้อนหินก้อนใหญ่ที่ทับอยู่ในใจเขา เขารู้สึกราวกับ ไม่เป็นตัวของตัวเอง แม้แต่หายใจก็ยังลำบาก

น่าแปลกที่จู่ๆ เขาก็นึกถึงหญิงสาวคนนั้นขึ้นมา

พูดไปแล้วตั้งแต่หยูเฟยเฉิงกลับมา เขา ทั้งสองก็ไม่ได้เจอกันมานานมากแล้ว

ถ้าหากนางปรากฏตัวให้เห็นก็ดี

หยูเฟยเชิงถอนหายใจ เขาเดินๆหยุดๆอยู่แถวร้านค้า

ถ้าหากหันกลับไปก็จะสามารถเห็น หญิงสาวที่เขาตามหากำลังเดินไปหาเขาที่สำนักศึกษาอย่างห่วงใย

ณ ขณะนั้น หยูเฟยเฉิงที่กำลังเดินเข้าไปในประตูสำนักศึกษา

หานมู่ที่ช่วยอาจารย์ส่งข้อสอบเสร็จแล้วกำลังกอดกระเป๋ายืนรอที่หน้าสำนักศึกษา เมื่อเห็นเขาเดินเข้ามา เจ้าเด็กตระกูลหานก็เริ่มกระโดดดีใจ

"อาเฉิง อาเฉิง"

หยูเฟยเฉิงยิ้มเล็กน้อยพร้อมเดินเข้ามา

"ผลสอบเป็นอย่างไรบ้าง"

"ใช้ได้เลย แต่ก็คงดีไม่เท่าท่านหรอก"หานมู่เกาหัว

"แต่ไม่เป็นไรหรอก"

พูดอย่างนี้แสดงว่ามั่นใจขึ้นมาในตัวเองแล้วล่ะสิ

หยูเฟยเฉิงยินดีด้วย

"ดูท่าช่วงนี้เจ้ากับเค่อจีเข้ากันได้ดีเลยล่ะสิ"

"ข้าเรียกเจ้าว่าอาเฉิงล่ะกัน ตกลงมั้ย ตามนี่ละกัน ยังไงข้าก็จะเรียกเจ้าเช่นนี้ เจ้าก็เรียกข้าว่าเยียนเอ๋อละกัร"

หยูเฟยเฉิงยังไม่ทันจะได้อ้าปาก

"นี่ ทำไมเจ้าไม่สนใจข้า ข้ามาที่นี่เพื่อที่จะแสดงความยินดีกับเจ้านะ หากเจ้าไม่ชอบงั้นก็ถือว่าข้าไม่ได้มาที่นี่แล้วกัน"หยูเยียนเอ๋อหันหลังกลับด้วยความโกรธ นางนับหนึ่งถึงสามในใจ

ช่างเถอะ ไม่มีใครรั้งนางไว้

หญิงสาวรู้สึกได้ถึงชัยชนะ นางหันกลับไปด้วยน้ำตาที่เอ่อคลอ

"ข้าทำค่าทำอันใดให้เจ้าโกรธกัน หากข้าทำให้ค่าทำให้เจ้าขุนเคืองตั้งแต่แรก ข้าต้องขอโทษเจ้าด้วย เรื่องคับข้องใขของเราก่อนหน้านี้ก็ถือว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นแล้ว แล้วทำไมยังไม่แล้วทำไมเจ้ายังเพิกเฉยข้าหรือต้องให้ข้าคุกเข่ากราบขออภัยท่าน"

คำพูดหยูเยียนเอ๋อทำให้คนรอบข้างเริ่มเห็นใจ

ผู้หญิงคนนี้ใครบอกให้นางก้มกราบคุกเข่าเขากัน

หยูเฟยเฉิงขมวดคิ้ว

ท่านแม่บอกอย่าไปสนใจผู้หญิงนางนี้ผู้หญิงนางนี้ไม่ใช่คนดีนัก

เขาถือว่าเขาไม่สนใจแล้ว

แต่ท่านแม่ไม่ได้บอกว่าจะทำอย่างไรเมื่อเผชิญกับการตอแยของผู้หญิงนางนี้

หยูเฟยเฉิงหมุนนิ้วของเขาและพูดอย่างเฉยเมยว่า

"เจ้ายังบอกว่าความคับข้องใจระหว่างเรายุติลงแล้ว ทำไมเจ้ายังมาหาข้าครั้งแล้วครั้งเล่า? หรือว่าข้ายังเป็นหนี้เจ้าอยู่"

พึง!

หยูเยียนเอ๋อรู้สึกว่าเหมือนเข่าอ่อน

ชายคนนี้มีปัญหาด้านการทำความเข้าใจหรือ?

นางกัดริมฝีปากล่างเบาๆ พลางน้ำตาคลอ นางรู้สึกผิดจริงๆ นางอยากจะร้องไห้แล้วจริงๆ

คนรอบข้าง รวมทั้งฉายเค่อจีมีสีหน้าเป็นลำบากใจเล็กน้อย

แต่หยูเฟยเฉิงยังคงมีใบหน้าที่สงบนิ่ง ไม่มีความวูบไหวใดๆ ในดวงตาของเขา

"เจ้า...เจ้ามันคนสกปรก" ในที่สุดหยูเยียนเอ๋อก็ทนไม่ไหวอีกต่อไปและจากไปพร้อมกน้ำตาที่คลอเบ้า

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ข้ามภพมาเป็นแม่เลี้ยงของวายร้ายทั้งห้า