มังกรผู้ทรงพลัง นิยาย บท 1993

ปฏิกิริยาแรกของลู่หยู่ไห่คือปฏิเสธ เธอไม่อยากขึ้นไปที่ห้องรับรองชั้นบนเลย

แต่ในห้องชั้นบนนั้น กลับเต็มไปด้วยบรรดาผู้นำในสถานีตำรวจและกรมใหญ่ หากเธอไม่ขึ้นไปแสดงตัวแล้วถูกคนอื่นรู้เข้า ก็มักจะถูกเล่นงานทางอ้อมภายหลังแน่นอน

“ไปสิ ทำไมจะไม่ไปล่ะ?” ฉีเติ่งเสียนกลับกล่าวเรียบ ๆ เขาเองก็พอดีอยากจะไปคุยกับจ้าวเทียนลู่

ตอนนี้ทั้งจิ่วเฮิงและจ้าวหงหนีต่างก็ได้แทรกซึมเข้าไปในฝั่งศัตรูแล้ว เขาจำเป็นต้องหารือกับจ้าวเทียนลู่เกี่ยวกับแผนการต่อไป ควรดำเนินการอย่างไรถึงจะเหมาะสมที่สุด

เจียงอวิ๋นยิ้ม ๆ พูดขึ้นว่า “พี่ชาย นายเป็นคนที่ไหนเหรอ? ได้ยินมาว่านายรู้จักกับผอ.กรมจ้าว แล้วทำไมฉันไม่เคยรู้มาก่อนเลย?”

ฉีเติ่งเสียนจึงพูดว่า “ฉันรู้จักคนเยอะ นายคิดว่าทุกคนที่ฉันรู้จัก นายจะต้องรู้จักหมดเลยหรือไง?”

เจียงอวิ๋นพยักหน้า “รู้จักก็แล้วไป พ่อฉันก็สนิทกับผอ.กรมจ้าวเหมือนกัน เดี๋ยวค่อยไปชนแก้วด้วยกันหน่อยก็แล้วกัน”

ฉีเติ่งเสียนไม่คิดจะต่อปากต่อคำกับหมอนี่ เขาจึงขึ้นไปชั้นสองและเข้าไปในห้องรับรอง ห้องนี้เป็นห้องแบบแม่ลูก มีโต๊ะหลักอยู่ตรงกลาง ส่วนด้านข้างใช้ฉากกั้นแบ่งออกเป็นโต๊ะย่อย

แขกสำคัญก็ย่อมต้องนั่งที่โต๊ะหลัก ส่วนพวกคนรุ่นหลังอย่างเจียงอวิ๋นก็จะนั่งอยู่โต๊ะข้างๆ

ห้องรับรองกว้างขวาง เสียงพูดคุยหัวเราะจากโต๊ะหลักที่อยู่อีกฝั่งนั้นเบาบางลงมากจนฟังไม่ค่อยชัด

“เสี่ยวลู่ คุณชายเจียงเห็นเธอเป็นเพื่อนถึงอยากช่วยเธอ เดี๋ยวตอนที่ผู้อำนวยการเจียงให้เขาไปชนแก้ว เธอก็ตามไปด้วย อย่างน้อยก็ทำให้รู้จักหน้ากับผอ.กรมจ้าวไว้ แบบนี้จะเป็นประโยชน์ต่ออนาคตของเธอนะ” เหอเลี่ยงพูดพร่ำข้างหูลู่หยู่ไห่ไม่หยุด จนฝ่ายหญิงเริ่มรู้สึกรำคาญขึ้นมาแล้ว

“รู้แล้ว!” ลู่หยู่ไห่ตอบกลับอย่างเย็นชา

เจียงอวิ๋นก็ได้รับคำสั่งจากเหอเลี่ยงเช่นกัน เขาเองก็อยากจะทำให้ฉีเติ่งเสียนขายหน้าในสายตาของสารวัตรลู่ จึงยิ้มพูดกับฉีเติ่งเสียนว่า “เดี๋ยวไปชนแก้วด้วยกันสิ ไหนบอกว่ารู้จักผอ.กรมจ้าวไม่ใช่เหรอ?”

“ให้ฉันชนแก้วกับเขา? ก่อนอื่นไปถามเขาก่อนว่าเขากล้ารับแก้วจากฉันไหม” ฉีเติ่งเสียนตอบเย็นๆ

เมื่อคำพูดนี้หลุดออกมา ทุกคนในห้องแทบจะกลั้นหัวเราะไว้ไม่อยู่ พวกเขาเคยเห็นคนชอบคุยโม้มาเยอะ แต่ไม่เคยเจอใครคุยโตได้ขนาดนี้มาก่อนเลย

ลู่หยู่ไห่เหมือนจะอยากพูดอะไรบางอย่าง แต่พอคิดไปคิดมาแล้วก็เงียบไป เธอรู้สึกว่าปล่อยให้ฉีเติ่งเสียนสั่งสอนคนพวกนี้บ้างก็ดี โดยเฉพาะถ้าได้ตบหน้าหนักๆ ให้เหอเลี่ยง จะได้ไม่ต้องมาเจอเรื่องน่าหงุดหงิดแบบนี้บ่อย ๆ

พูดตามตรง เธอไม่ได้ยึดติดกับการเลื่อนตำแหน่งขนาดนั้น ขอแค่ตั้งใจทำงานให้ดี เดี๋ยววันหนึ่งก็จะได้รับการเลื่อนขั้นเอง

แม้ว่าเธอจะยังไม่เคยเห็นฉีเติ่งเสียนแสดงความสามารถที่เหนือธรรมดาอะไรนัก แต่กลับเชื่อเขาโดยไร้เหตุผล และเหตุผลหนึ่งอาจจะเป็นเพราะหยางกวนกวน หยางกวนกวนในตอนนี้ทั้งบุคลิกและพลังเปล่งประกาย พอเหยียบแผ่นดินเมืองเทียนหร่างปุ๊บก็ล้มพวกค้าเด็กไปถึงสามคน เห็นชัดว่าไม่ใช่คนธรรมดาแน่นอน

เหอเลี่ยงหัวเราะเยาะเย้ย “แกไม่กลัวลมพัดลิ้นหักหรือไง ผอ.กรมจ้าวเป็นถึงระดับผู้นำสูงสุดของจังหวัดซีเทียน แกคิดว่าเขาจะลดตัวมาชนแก้วกับแกเหรอ? แกคู่ควรเรอะ?”

ฉีเติ่งเสียนพูดว่า “พนันกันหน่อยไหมล่ะ?”

เหอเลี่ยงตอบทันที “เอาสิ! ถ้าแกทำให้เขามาชนแก้วกับแกได้ ฉันจะให้แกห้าล้าน!”

ทุกคนในห้องได้ยินก็อดหัวเราะไม่ได้ ต่างมองฉีเติ่งเสียนด้วยสายตาเหมือนกำลังดูตัวตลก คิดว่าเขาเป็นพวกคุยโตแบบไม่กลัวตาย ถึงกับกล้าพูดใหญ่โตทั้งที่ผอ.กรมจ้าวก็นั่งอยู่ที่โต๊ะข้าง ๆ แค่นั้นเอง

“แม้แต่แมลงวันก็ยังเป็นเนื้อ ห้าล้านก็ห้าล้านแล้วกัน” ฉีเติ่งเสียนแลบลิ้นเลียริมฝีปากเบาๆ รู้สึกว่าเงินจำนวนนั้นน้อยไปหน่อย แต่ก็ยังพยักหน้าตอบตกลงอยู่ดี

ในเวลานั้นเอง ผู้อำนวยการเจียงก็เดินเข้ามา มองไปยังเจียงอวิ๋นและบรรดาคนรุ่นหลัง แล้วกล่าวว่า “พวกเธอมาเถอะ ไปชนแก้วกับผอ.กรมจ้าวหน่อย”

เจียงอวิ๋นพยักหน้ารับ แล้วลุกขึ้นทันที

“เสี่ยวลู่ก็อยู่นี่เหมือนกัน งั้นก็ไปด้วยเลย แสดงฝีมือให้เต็มที่หน่อยนะ” ผู้อำนวยการเจียงเห็นลู่หยู่ไห่ จึงยิ้มแล้วโบกมือเรียก

จ้าวเทียนลู่นั่งอยู่ที่หัวโต๊ะ พยักหน้าเล็กน้อย แล้วกวาดตามองผู้คนในห้องอย่างอ่อนโยน ก่อนจะกล่าวว่า “อืม…... ก่อนหน้านี้เพื่อนคนหนึ่งของผมก็เคยพูดถึงชื่อสารวัตรลู่เหมือนกัน บอกว่าเธอเป็นคนที่มีความรับผิดชอบสูง ความสามารถก็ยอดเยี่ยมมาก”

แต่พอสายตาของเขาหยุดลงที่ตัวของฉีเติ่งเสียน จ้าวเทียนลู่ก็ถึงกับตกใจ จนลุกขึ้นจากเก้าอี้ทันที

เจียงอวิ๋นซึ่งเอาแต่จับตามองฉีเติ่งเสียนมาตลอด กำลังรอดูว่าเจ้าหมอนี่ที่เอาแต่คุยโต พอเจอตัวจริงเข้าแล้วจะหน้าซีดเดินไม่ไหวไหม

แต่นาทีต่อมาคือ เขาเห็นจ้าวเทียนลู่รีบเดินมาทางฉีเติ่งเสียน จับมือเขาแน่นด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแล้วพูดว่า “โอ้ คุณฉี คุณมาที่นี่ได้ยังไงครับ”

คำทักทายของจ้าวเทียนลู่ ทำเอากลุ่มเจียงอวิ๋นและทายาทจากตระกูลต่างๆ แทบกลายเป็นหิน ทุกคนแทบไม่อยากเชื่อสิ่งที่ตัวเองเห็นและได้ยิน

“วันนี้พอดีกินข้าวอยู่ชั้นล่าง ได้ยินว่าคุณอยู่ข้างบน เลยขึ้นมาทักทายหน่อย แล้วก็มีเรื่องเล็กน้อยอยากคุยด้วย” ฉีเติ่งเสียนพูดเสียงเรียบ

“โอ๊ย แค่โทรศัพท์มาบอกสักคำ ผมก็ไปหาคุณเองแล้ว” จ้าวเทียนลู่หัวเราะ พูดด้วยท่าทีสนิทสนมเป็นกันเองสุด ๆ

ฉีเติ่งเสียนกวาดตามองโต๊ะอาหาร ก่อนจะพูดว่า “หรูหราดีนี่!”

คำพูดนั้นทำเอาจ้าวเทียนลู่ถึงกับชะงักไป รู้สึกใจหายวาบ

แต่ฉีเติ่งเสียนก็ไม่ใช่พวกที่ชอบจับผิดเรื่องเล็กน้อย สุดท้ายแล้วเขาก็ไม่ได้คิดจะมารีดไถอะไรจากจ้าวเทียนลู่ คนที่อยู่ระดับนี้ ต่อให้เจ้าตัวไม่อยากหรู แต่คนรอบตัวก็จะจัดให้หรูอยู่ดี...... แน่นอนว่า วงการนี้มันก็เป็นแบบนี้แหละ ถ้าไม่เข้ากับเขา ก็จะโดนกันออกไปทันที

บรรดาผู้นำที่นั่งอยู่รอบโต๊ะ ต่างก็มีสีหน้าแข็งทื่อ ไม่รู้เลยว่าเด็กหนุ่มคนนี้เป็นใครกันแน่ ทำไมถึงทำให้ผอ.กรมจ้าวถึงกับลุกขึ้นต้อนรับด้วยตัวเอง และประโยคเมื่อครู่ที่พูด ก็ทำให้พวกเขานั่งกันอย่างไม่สบายใจเลยแม้แต่น้อย

“พวกคุณตามสบายเถอะ ทางผมไม่มีอะไร เดี๋ยวพอรับแขกเสร็จแล้ว ก็มาหาผมก็พอ” ฉีเติ่งเสียนพูดอย่างสงบ

หลังจากพูดจบ เขาก็หมุนตัวกลับ เดินอ้อมฉากกั้น แล้วกลับไปนั่งที่โต๊ะข้างๆ ตามเดิม

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มังกรผู้ทรงพลัง