มังกรผู้ทรงพลัง นิยาย บท 353

เรซูเม่เป็นของหวงชง เขามาสมัครงานที่เทียนไล่แคปปิตอล

คนอย่างหวงชงที่มีอดีตอันรุ่งโรจน์มากมาย ไม่ว่าจะไปสมัครงานที่ไหน ล้วนมีแต่คนต้อนรับ

ดังนั้น หยางกวนกวนจึงไม่กล้าตัดสินใจเอง เลยเอาเรซูเม่ไปไว้ที่โต๊ะทํางานของฉีเติ่งเสียน

ฉีเติ่งเสียนรู้สึกว่าหวงชงคนนี้ไหวพริบดี เขาเพิ่งปฏิเสธเขาไปเมื่อวาน วันนี้เขาก็มาสมัครงานที่บริษัทเลย

"ห้ามรับเข้าทำงาน" ฉีเติ่งเสียนพูดอย่างเรียบเฉย

"ทําไมไม่รับเข้าล่ะ?" หยางกวนกวนชะงัก รู้สึกว่าคนนี้เป็นคนมีความสามารถ ก็เลยสงสัยขึ้นมาทันที

ฉีเติ่งเสียนตอบว่า "ผมเป็นเจ้านาย ยังต้องให้เหตุผลกับคุณที่เป็นเลขาด้วยเหรอ?"

หยางกวนกวนโมโหทันทีและพูดว่า "เจ้านายก็ไม่สามารถทําตามอําเภอใจได้ ไม่งั้นคุณจะหาฉันมาเป็นเลขาทําไม? หวงชงเป็นบุคลากรที่บริษัทต้องการ คุณต้องให้เหตุผลที่จะไม่รับเข้าทำงานกับฉัน ฉันถึงจะไปตอบเขาได้!"

ฉีเติ่งเสียนก็โมโหเหมือนกัน พูดด้วยความโกรธว่า "ผมบอกว่าไม่รับก็ไม่รับ คุณเก่งจริงก็ไปเปิดบริษัทรับเขาทำงานเองสิ!"

หยางกวนกวนกัดฟันมองฉีเติ่งเสียนพูดอย่างไม่ยอมอ่อนข้อว่า "ไม่ได้ คุณต้องให้เหตุผลที่สมเหตุสมผลกับฉัน! เขาเป็นคนที่มีพรสวรรค์ยากที่จะเจออีก พลาดไปแบบนี้ไม่ได้"

ฉีเติ่งเสียนถอนหายใจและพูดว่า "โอเค คุณเก่ง เขาอยากเป็นลูกศิษย์ของผม แต่ผมไม่อยากรับลูกศิษย์ ดังนั้น ไม่อยากรับเขามาทำงาน"

หยางกวนกวนอึ้งไปสักพัก

"ผมเข้าใจความรู้สึกของคุณ แต่เหตุผลส่วนตัวแบบนี้อย่ามาใช้ที่บริษัท! บริษัทไม่ได้เป็นของคุณคนเดียว ทุกคนต้องพึ่งพาบริษัทเพื่อหาเงิน"

"ดังนั้น ข้อเสนอนี้ของคุณ ผมไม่เห็นด้วย!"

"ฉันคิดว่า คนคนนี้ เราต้องรับเข้าทำงาน และสามารถมอบหมายงานสําคัญได้"

หยางกวนกวนเห็นต่าง ในด้านการทํางาน เธอจริงจังมาก และรู้สึกว่าหวงชงเป็นคนที่มีพรสวรรค์ที่หายากจริงๆ ถ้าปล่อยไปแบบนี้มันน่าเสียดายเหลือเกิน

ฉีเติ่งเสียนพูดอย่างหงุดหงิดว่า "เห้ย ผมเป็นเจ้านายหรือคุณเป็นเจ้านาย?"

หยางกวนกวนยืนหยัดในความคิดเห็นของตัวเองมากจนตบโต๊ะของเจ้านายฉีเติ่งเสียน ไม่ว่ายังไงก็ต้องจ้างหวงชงเข้ามาในบริษัท

"ถ้าคุณยืนหยัดในความคิดเห็นของตนเอง ฉันจะส่งเรซูเม่นี้ให้ประธานเซี่ยง!"

"ถ้าฉันจําไม่ผิด ประธานเซี่ยงมีหุ้นส่วนในเทียนไล่แคปปิตอลมากกว่านะ"

"ฉันคิดว่า เธอคงเห็นด้วยกับการตัดสินใจของฉันแน่นอน!"

ในที่สุดหยางกวนกวนก็ใช้ไม้ตาย ปล่อยทีเด็ดของตัวเองออกมา

สุดท้ายฉีเติ่งเสียนก็ถูกหยางกวนกวนบังคับอย่างจนใจและพูดว่า "เออๆๆ งั้นก็จ้างมาก่อนเถอะ สํารวจดูแล้วค่อยดูว่าสามารถมอบภารกิจสําคัญให้ทำได้หรือเปล่า พอใจยัง? เลขาหยาง!"

หยางกวนกวนหัวเราะด้วยความพึงพอใจและพูดว่า "ให้มันได้งี้สิ! ประธานฉีคุณต้องพิจารณาเพื่อบริษัทก่อน แล้วค่อยไปนึกถึงความรู้สึกส่วนตัวของคุณเอง"

ฉีเติ่งเสียนรู้ว่าหยางกวนกวนให้ความสําคัญกับบริษัทเทียนไล่แคปปิตอลเป็นอย่างมาก เพราะบริษัทนี้เป็นแพลตฟอร์มที่สําคัญสําหรับเธอ เกี่ยวข้องกับอนาคตของเธอ

ดังนั้น เรื่องที่หยางกวนกวนตบโต๊ะเถียงกับเขา เขาก็ไม่ได้โกรธอะไรมาก

แค่รู้สึกว่าเลขาน้อยคนนี้ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง จะโน้มน้าวเขาอ่ะได้ แต่ทำไมต้องแข็งกร้าวขนาดนี้ ถึงขั้นเอาชื่อเซี่ยงตงฉิงมาข่มขู่เขาด้วย?

แค่ปลดกระดุมเสื้อสองเม็ดไม่ได้เหรอ หรือนัดเขาเล่นแบดมินตันอะไรงี้ก็ได้นิ?

ถ้าใช้วิธีที่อ่อนโยนแบบนี้ เขารับปากอย่างไม่รีรอแน่นอน!

ถึงเวลานั้น สีหน้าทุกคนก็คงดีกว่านี้

"EQต่ำ" ฉีเติ่งเสียนแอบประเมินหยางกวนกวนในใจ จากนั้นก็ภูมิใจเล็กน้อย ตัวเองมีสิทธิ์ที่จะใช้สามคํานี้วิจารณ์คนอื่นแล้ว

ตอนนี้ฉีเติ่งเสียนขี้เกียจที่จะไปยุ่งเรื่องของคนอื่นจริงๆ หวงชงบอกว่ามีหนี้แค้น งั้นถ้าหากเขาเป็นอาจารย์ของหวงชงขึ้นมาจริงๆ เขาก็ต้องช่วยหวงชงรับผิดชอบส่วนหนึ่งด้วย

ถึงตอนนั้นมีคู่อริมาเคาะประตูบ้าน เขาที่เป็นถึงอาจารย์ จะยื่นมือช่วยหรือไม่ช่วยกันแน่?

เห็นฉีเติ่งเสียนมีความคิดทันสมัยหลายอย่างแบบนี้ แต่ด้านศิลปะการต่อสู้ยังคงปฏิบัติตามกฎและเหตุผลในวงการของมันเอง

นักรบในสังคมแบบเก่าต้องรับลูกศิษย์ แต่จะพิถีพิถันมาก ต้องทดสอบบุคลิกดีๆ พรสวรรค์กลับเป็นอันดับสอง

ฉีเติ่งเสียนขี้เกียจที่จะพูดอะไรกับเขาเยอะ โทรศัพท์เข้าพอดีจะไปรับพัสดุข้างนอก

พัสดุถูกส่งมาจากเรือนจําโยวตู เป็นเถ้ากระดูกของเซี่ยงตงเหลย

"ส่งเถ้ากระดูกนี้มาให้เซี่ยงตงฉิง สําหรับเธอแล้ว เป็นการทำร้ายจิตใจเธออีกครั้ง" ฉีเติ่งเสียนถือโกศและถอนหายใจในใจ

เซี่ยงตงเหลยหาเรื่อง เป็นคุณชายเศรษฐีผู้ดีๆไม่เป็น ดันไปขายอาวุธอะไรนั่น แถมยังกล้าทำงานสีเทา แต่สุดท้ายกลับพาดพิงทั้งครอบครัว

ฉีเติ่งเสียนลูบโกศเบาๆ แอบถอนหายใจว่า "เหล่าเซี่ยง นายสบายใจได้เลย น้องสาวนายผมจะดูแลเอง"

"โอ้ะ ประธานฉี ยังมีจดหมายอีกฉบับให้คุณเซ็นรับครับ" หลังจากฉีเติ่งเสียนเซ็นรับโกศแล้ว พนักงานก็หยิบจดหมายออกมาอีกฉบับหนึ่ง

ฉีเติ่งเสียนเห็นลายเซ็นบนจดหมาย ฟู่เฟิงหยุนงั้นเหรอ

เขาแกะออกมา บ่นพึมพำ

"ฟู่เฟิงหยุน นี่ต้องการให้ผมเป็นหนี้บุญคุณเขางั้นเหรอ?" ฉีเติ่งเสียนถือจดหมายและครุ่นคิด

ในใจเขาดิ้นรนขึ้นมาบ้าง

การเป็นหนี้บุญคุณของฟู่เฟิงหยุนครั้งนี้ ต่อไปคงเป็นหนี้อีกจํานวนมากอย่างไม่ต้องสงสัย

แต่ถ้าไม่รับไว้ ก็ยากที่จะปฏิเสธสิ่งล่อใจนี้เหลือเกิน

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มังกรผู้ทรงพลัง