สวีเอ้าเสวี่ยมองจูจวินด้วยความตกใจและไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่เกิดขึ้น นี่เธอถูกผู้หญิงแบบนี้ตบงั้นเหรอ
เป็นแค่ผู้อำนวยการสาขาแต่กล้ามาตบหน้าเธองั้นเหรอ!
“ตอนนี้เธอดูไร้หนทางมาก เอาอย่างนี้แล้วกัน ฉันจะให้ทางเลือกเธอสองทาง”
“ทางแรก คุกเข่าลงและเลียฝุ่นออกจากรองเท้าของฉันให้สะอาด แล้วฉันจะปล่อยเธอไป”
“ทางที่สองคือจ่ายเงินมาซะ ไม่อย่างนั้นจุดจบของเธอคงน่าสมเพชไม่เบา!”
จูจวินจ้องหน้าสวีเอ้าเสวี่ยอย่างเอาเรื่อง สีหน้าของเธอเต็มไปด้วยความมั่นใจ ความรู้สึกของการเหยียบคนใหญ่คนโตที่อยู่สูงเกินเอื้อมไว้ใต้เท้ามันสดชื่นแบบนี้นี่เอง!
สวีเอ้าเสวี่ยลูบแก้มตัวเองเบาๆ ก่อนจะพูดว่า “เธอเคยคิดไหมว่านกฟีนิกซ์ที่กำลังตกต่ำมันคงสู้ไก่ไม่ได้ แต่สุดท้ายแล้วมันก็คือฟีนิกซ์”
จูจวินหัวเราะลั่นหลังจากได้ฟัง “เธอน่ะเหรอนกฟีนิกซ์! ฉันว่าแค่ไก่บ้านๆ เธอยังสู้ไม่ได้เลย! ถ้ากล้ามาจู้จี้กับฉันอีก วันนี้ฉันจะทำให้เธอตายเลยคอยดู!”
สวีเอ้าเสวี่ยพูดว่า “เธอพูดถูก ตอนนี้ฉันกำลังตกต่ำมาก ถึงขั้นต้องขายตัวเองเพื่อใช้หนี้ แต่เธอช่วยใช้สมองโง่ๆ ของเธอคิดให้ดีๆ หน่อยเถอะว่าผู้ชายที่สวีเอ้าเสวี่ยคนนี้ขายตัวให้ ใช่คนที่เธอควรหาเรื่องรึเปล่า”
หลังจากได้ยินสิ่งนี้ความสับสนก็ปรากฏบนใบหน้าของจูจวิน จากนั้นเธอก็หัวเราะเยาะ “นี่จะใช้บารมีคนอื่นมารังแกกันเหรอ คุณตัวอย่างเธอคิดจะมาขู่ฉันเหรอ”
เมื่อพูดประโยคนี้จบ เธอก็ตบหน้าของสวีเอ้าเสวี่ยอีกด้าน
สวีเอ้าเสวี่ยเอียงศีรษะและหันหน้ากลับมาอย่างไร้ความรู้สึก “เธอตบฉันสองครั้ง งั้นฉันก็จะคืนให้เธอสิบเท่า นั่นเท่ากับยี่สิบครั้ง”
“เอาคืนฉันเหรอ ฉันอยากจะรู้ว่าเธอมีสิทธิ์อะไรมาเอาคืนฉัน! ถ้าเธอยังไม่ตัดสินใจระหว่างทางเลือกสองทางที่ฉันให้ ฉันก็จะให้คนลากเธอไปขายที่ไนต์คลับ!” จูจวินพูดพลางแสยะยิ้ม
สวีเอ้าเสวี่ยสูดหายใจเข้าเฮือกใหญ่ก่อนจะหันไปพูดกับฉีเติ่งเสียน “ได้โปรดช่วยฉันด้วย!”
ฉีเติ่งเสียนยกเปลือกตาขึ้น ในที่สุดก็ทนไม่ไหวจนต้องเปิดปากแล้วสินะ
เขาเมินเฉยต่อทุกสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้า เพียงเพื่อให้สวีเอ้าเสวี่ยก้มหัวขอร้องเขา
“ได้สิ แต่ว่าคุณก็รู้ดีว่าถ้าจะให้ผมช่วยก็ต้องมีดอกเบี้ย!” ฉีเติ่งเสียนยืนขึ้นและพูดอย่างใจเย็น
สวีเอ้าเสวี่ยไม่ได้ตอบอะไร เธอแค่พูดว่า “ฉันอยากให้ผู้หญิงคนนี้คุกเข่าลงและยอมให้ฉันตบยี่สิบครั้งแต่โดยดี!”
ฉีเติ่งเสียนพูดว่า “ได้”
จูจวินมองฉีเติ่งเสียนก่อนจะมองสวีเอ้าเสวี่ยอีกครั้ง เธอชะงักไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็หัวเราะอย่างเหยียดหยาม “เป็นบ้าอะไรกัน พวกเธอบอกอะไรแล้วฉันต้องทำเหรอ จะให้ฉันคุกเข่าให้แต่ไม่ตักน้ำใส่กะโหลกชะโงกดูเงาตัวเองซะบ้าง!”
ในตอนนั้นเองที่ผู้จัดการร้านของชาแนลออกมา เมื่อเห็นว่าจูจวินกำลังทะเลาะกับคนอื่นอยู่ เขาก็รีบเข้ามาสอบถาม
หลังจากเข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้น ผู้จัดการร้านก็เตือนฉีเติ่งเสียน “รีบคุกเข่าให้ผู้อำนวยการจูเดี๋ยวนี้ ไม่งั้นฉันจะฆ่านาย!”
ฉีเติ่งเสียนยักไหล่และพูดว่า “นายคิดว่าตัวเองเป็นใคร คิดว่าตัวเองเปิดร้านแบรนด์เนมแล้วเจ๋งมากเหรอ”
ผู้จัดการร้านพูดอย่างภาคภูมิใจว่า “ฉันเจ๋งมากที่เปิดร้านชาแนล นายจะทำไม!”
ฉีเติ่งเสียนพูด “ก็ไม่ทำไม ก็แค่จะทำให้นายเปิดร้านไม่ได้ต่อไปเท่านั้น”
พูดจบเขาก็หยิบโทรศัพท์มือถือออกมาโทรออกและพูดนิ่งๆ “ฉันอยู่ที่ศูนย์การค้าเฟยหม่า ส่งคนมาจัดการที่นี่หน่อย”
“แสดงเก่งจริงนะไอ้บ้านี่ นายคิดว่าตัวเองเป็นใคร”
จูจวินหัวเราะเยาะเย้ยฉีเติ่งเสียนด้วยสีหน้าดูแคลน
ผู้จัดการร้านกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง ฉีเติ่งเสียนจึงเตะเขาจนกระเด็นออกไป เขานอนกลิ้งอยู่บนพื้นด้วยความเจ็บปวดจนไม่สามารถลุกขึ้นได้อยู่พักใหญ่
เขาขี้เกียจเกินกว่าจะตอบโต้กับคนประจบประแจงผู้มีอิทธิพลพรรค์นี้ เขาจึงจะจัดการจูจวินก่อนแล้วค่อยว่ากัน
ทันทีที่วางสาย เขาก็กดหมายเลขของจูจวินทันที
เมื่อจูจวินที่กำลังจะพูดเหน็บแนมต่อได้ยินเสียงโทรศัพท์ เธอหยิบขึ้นมาดูและเห็นว่าเป็นซุนซิงจัง หัวหน้าของเธอ!
เธอมองฉีเติ่งเสียนด้วยความตกใจ ในใจก็สงสัยว่าชายคนนี้มีเงินฝากในธนาคารจงไห่เท่าไรถึงทำให้ผู้อำนวยการซุนตื่นกลัวหลังจากโอนเงินออกไปได้!
“จูจวิน คุณโง่รึเปล่า คุณกล้าทำให้ประธานฉีแห่งเทียนไล่แคปปิตอลไม่พอใจเหรอ”
“ตอนนี้เขาต้องการโอนเงินหมื่นล้านจากธนาคารของเรา คุณรับผิดชอบได้ไหม”
“ผมไม่สนว่าคุณทำอะไรโง่ๆ ลงไปหรอกนะ ตอนนี้รีบขอโทษประธานฉีเดี๋ยวนี้และรักษาเงินหมื่นล้านไว้ให้ได้ ไม่อย่างนั้นคุณก็ไม่ต้องทำแล้ว!”
ซุนซิงจังคำรามใส่จูจวินด้วยความโกรธจนทำให้จูจวินชะงัก
ผ่านไปครู่หนึ่ง จูจวินก็แค่นหัวเราะและพูดว่า “ผู้อำนวยการซุน จะให้ฉันขอโทษเหรอ ไม่มีทาง!”
ซุนซิงจังตะลึง “คุณไม่อยากทำแล้วเหรอ”
“ไม่ทำก็ไม่ทำ! ถ้าแน่จริงก็ไล่ฉันออกสิ!” จูจวินพูดเสียงแข็ง
ท่าทางของเธอทำให้สวีเอ้าเสวี่ยที่อยู่ข้างๆ ขมวดคิ้วเล็กน้อยด้วยความรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ
ฉีเติ่งเสียนล้วงมือลงในกระเป๋าและมองฉากนี้อย่างเฉยชา ราวกับว่าเขาเดาอะไรบางอย่างได้
จูจวินวางสายโทรศัพท์อย่างรวดเร็วและมองฉีเติ่งเสียนด้วยสายตาเย่อหยิ่ง “นายมีปัญญาแค่นี้เองเหรอ น่าผิดหวังจริงๆ!”
ใจเธอยังรู้สึกตกใจอยู่เล็กน้อย ไม่คิดว่าชายที่อยู่กับสวีเอ้าเสวี่ยจะเป็นฉีเติ่งเสียน
แต่สิ่งนี้ก็ไม่ได้ขัดขวางเธอจากการหยิ่งผยองต่อไป!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มังกรผู้ทรงพลัง
ตั้งแต่ตอนที่ 217 ถ้าไม่อัพให้เต็มตอนก็คงต้องเลิกอ่านถาวรแล้ว...
อัพอีกวันไหนคะรับ...
ตอนละ6/7บรรทัด อัพใหม่ที...
ข้อความหายอีกแล้วครับ 280-284...
คนอัพไม่ดูเลยเหรอครับมันมาไม่กี่บรรทัดเอง...
ขาดตอนเลยครับ เนื้อหาไม่ครบแบบนี้...
ทำไมแต่ละตอนมันสั้นจัง...
253-264 ทำไมสั้นจังครับ...
ถ้าอัพมาแค่4, 5บรรทัดเลิกอัพเถอะ...
242 - 246 ข้อความขึ้นไม่ครบครับ...