ฉีเติ่งเสียนรับสัญญาที่เฉินหยู่มอบให้ก่อนจะเดินทางไปเหมยหลัวคลินิก
สวีเอ้าเสวี่ยถูกย้ายออกจากห้องไอซียูแล้ว ตอนนี้เธออาศัยอยู่ในวอร์ดพักฟื้นวีไอพี
วอร์ดวีไอพีตกแต่งเหมือนห้องสวีทเล็กๆ ในโรงแรมไฮเอนด์ที่ดูดีมีคลาส คนกำลังทรัพย์ไม่ถึง ไม่สามารถพักที่นี่ได้อย่างแน่นอน
ชื่อเสียงของเหมยหลัวคลินิกเป็นที่ยอมรับ ในปัจจุบันมีคนเข้ามาพบแพทย์มากหน้าหลายตา มีบุคคลหลายคนที่ค่อนข้างมีชื่อเสียง
สภาพร่างกายของสวีเอ้าเสวี่ยตอนนี้ดีขึ้นมาก แต่ใบหน้าของเธอยังคงซีดเซียว
เธอแปลกใจที่ฉีเติ่งเสียน ไม่ได้มาคุกคามเธอหลายวันแล้ว
แต่วันนี้ฉีเติ่งเสียนกลับมาอย่างง่ายดาย ซึ่งทำให้เธอรู้สึกเป็นคนโง่ ทำไมเธอถึงเอาแต่คิดเรื่องแบบนั้นด้วย
“อ่า คุณสวี กำลังอ่านอะไรอยู่? หึ 《ไชเกินถาน》กำลังฝึกจิตซ่อมแซมตัวเองอยู่หรือไง?” ฉีเติ่งเสียนเดินเข้ามาด้วยรอยยิ้มบนใบหน้าและถือตะกร้าผลไม้ในมือ
ใบหน้าของสวีเอ้าเสวี่ยมืดลง เธอไม่รู้ว่าทำไม แต่ทุกทีที่เห็นเขา เธอกลับอารมณ์ไม่ดีขึ้นมา
เธอคิดว่าเมื่อเธอมาจงไห่ครั้งนี้เธอจะสามารถเผชิญหน้ากับฉีเติ่งเสียนด้วยจิตใจที่สงบได้ แต่อันที่จริงแล้วไม่เป็นเช่นนั้นเลย ความเป็นจริงกับจินตนาการที่คิดไว้แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
ยิ่งกว่านั้น เธอพ่ายแพ้ให้กับฉีเติ่งเสียนอีกครั้งเป็นเพราะเขาที่ได้ช่วยชีวิตเธอเอาไว้
สวีเอ้าเสวี่ยมองไปที่ฉีเติ่งเสียนอย่างเย็นชาแล้วพูดว่า “นายมาทำอะไรที่นี่? ที่นี่ไม่ต้อนรับนาย!”
ฉีเติ่งเสียนพูด: “ระวังคำพูดหน่อย ฉันช่วยชีวิตเธอไว้ แถมฉันยังจ่ายค่ารักษาพยาบาลในโรงพยาบาลให้ด้วยซ้ำ พูดกับผู้มีพระคุณของเธอแบบนี้เหรอ?”
สวีเอ้าเสวี่ยวางหนังสือลง นับประสาอะไรกับ《ไชเกินถาน》แม้แต่ 《จินกางจิง》ก็ไม่สามารถทำให้เธอสงบลงต่อหน้าฉีเติ่งเสียน ได้
ฉีเติ่งเสียนนั่งลงบนโซฟา หยิบแอปเปิ้ลออกมาแล้วปอกเปลือกด้วยมีดปอกผลไม้
“อยากกินแอปเปิ้ลไหม? ฉันจะปอกเปลือกให้” ฉีเติ่งเสียนยิ้ม
“กิน!” สวีเอ้าเสวี่ยยิ้มเย็น
ฉีเติ่งเสียนก้มศีรษะลงเพื่อปอกเปลือกแอปเปิ้ลแล้วถามว่า “ตอนที่เธอกลับไปเมืองหลวง ฉันบอกให้เธอไปทักทายแม่ของฉันบ้าง เธอทำมันให้ฉันหรือเปล่า?”
สวีเอ้าเสวี่ยกล่าวว่า: “ฉันไปพบเธอ เธอผายผอมแก่ลงมากแล้ว สภาพจิตใจของเธอก็ย่ำแย่มาก ฉันหวังว่านายจะไปรับเธอมาเร็วๆ”
ฉีเติ่งเสียนส่ายหัวแล้วพูดว่า: “แม่ของฉันไม่ใช่คนซึมเศร้า เธออ่อนโยน แต่ก็แข็งแกร่ง เธอใจดีต่อเพื่อนทุกคนที่อยู่รอบตัวเธอ แล้วเธอก็ใจดีกับตัวเองด้วย”
“เธอคงไม่อยากให้ฉันไปรับเธอมาอยู่ด้วยกันอีกครั้ง เพราะเธอรู้ดีว่าฉันจะตกอยู่ในอันตราย หากฉันกลับไปยังเมืองหลวง”
“ฉันเดาว่าเธอน่าจะมีชีวิตที่ดีทีเดียว เธอกินนอนตรงเวลาทุกวัน มีสุขภาพที่ดี และออกไปเดินเล่นเป็นครั้งคราว”
สวีเอ้าเสวี่ยตะลึงและพูดว่า: “นายพูดถูก เธอสบายดี และเธอยังขอให้นายอย่าพึ่งรีบร้อนกลับไปเมืองหลวง”
ฉีเติ่งเสียนยิ้มทันทีและพูดว่า “ฉันรู้อยู่แล้ว ดังนั้นเธอจะมาโกหกฉันไม่ได้”
สวีเอ้าเสวี่ยกล่าวว่า: “ต้องบอกว่าเธอเป็นคนอ่อนโยนจริงๆ การได้เจอกับเธอเป็นเหมือนสายลมในฤดูใบไม้ผลิ ฉันไม่รู้จริงๆ ว่าเธอให้กำเนิดลูกชายอย่างนายมาได้ยังไง!”
ฉีเติ่งเสียนพูด: “ในเมื่อชอบเธอมาก ทำไมไม่มาช่วยฉันดีๆล่ะ? มันไม่ดีเหรอที่ครอบครัวของเราจะกลับมาพร้อมหน้ากันเร็วๆ”
สวีเอ้าเสวี่ยไม่พูดอะไร วางสีหน้าเย็นชา เห็นได้ชัดว่าเธอไม่สนใจที่จะตอบ
ฉีเติ่งเสียนปอกแอปเปิ้ลแล้วโยนมันลงในมือของเธอแล้วพูดอย่างใจเย็น: “ตระกูล จ้าว นั้นไม่มีอะไรเลยจริงๆ แม้แต่คนอย่างแม่ของฉัน ก็ยังต้องโดนจำกัดอิสรภาพ พ่อของฉันไม่ใช่คนไม่ดี ตระกูลจ้าวไม่สามารถจะมาดูถูกเขาได้”
“ตระกูลจ้าว ดูถูกเขางั้นหรือ? พวกเขาโกรธแม่ของนายที่ไม่เชื่อฟังคำสั่งและโกรธพ่อของนายที่กล้าหาญมากเกินไป พูดง่ายๆ ก็คือ พ่อแม่ของนายได้ยั่วยุอำนาจของตระกูลจ้าวเองต่างหาก” สวีเอ้าเสวี่ยกัดแอปเปิ้ลและพูดอย่างเย็นชา
ทันใดนั้นแก้มของสวีเอ้าเสวี่ยก็ตึงขึ้น เธอเงยหน้าขึ้นและตะโกนอย่างดุดันด้วยสีหน้าอาฆาต: “หุบปาก!”
ฉีเติ่งเสียนพูดอย่างใจเย็น: “ฉันแค่อยากจะพูดเรื่องนี้ หรืออีกนัยหนึ่ง ฉันแค่ปลูกเมล็ดพันธุ์นี้ไว้ในใจของเธอ ที่อาจจะสามารถฝังรากและแตกหน่อออกมาได้”
“เพราะศัตรูอย่างเธอ ค่อนข้างน่าปวดหัว”
“แน่นอน หากคำพูดของฉันสามารถทำให้เธอเปลี่ยนใจโจมตีตระกูลจ้าวในช่วงเวลาวิกฤติได้ นั่นคงจะดีไม่น้อย!”
ดวงตาของสวีเอ้าเสวี่ยเย็นชา: “ฉันจะไม่ทำอะไรก็ตามที่ทำให้ศัตรูของฉันมีความสุข เว้นแต่นายจะตายต่อหน้าฉันเท่านั้น”
ฉีเติ่งเสียนเย้าแย่สวีเอ้าเสวี่ยทันทีและพูดด้วยรอยยิ้ม: “ฉันจะไม่ตายง่ายๆ เพราะถ้าฉันตาย คนน่ารังเกียจเหล่านั้นจะมีความสุขมากน่ะสิ ใช่ไหม?”
สวีเอ้าเสวี่ยตกใจ: “นายจะทำอะไร?”
“เห็นว่าอาการบาดเจ็บของเธอหายดีแล้ว เพราะงั้นแน่นอนว่าเธอควรได้รับรางวัลบ้าง”
“ฉันไม่สามารถช่วยชีวิตเธอโดยเปล่าประโยชน์ได้”
“อีกอย่างเธอก็แพ้เดิมพันกับฉันด้วย”
ใบหน้าของ ฉีเติ่งเสียนเต็มไปด้วยรอยยิ้ม เหมือนเทพที่กำลังพูดอยู่
สวีเอ้าเสวี่ยตกใจและโกรธและพูดว่า: “นายนี่มันสัตว์ร้ายชัดๆ!”
ฉีเติ่งเสียนหัวเราะและพูดว่า “เธอคิดมากไปแล้ว ฉันไม่ได้คิดไปไกลขนาดนั้น และคงไม่ดีแน่ถ้าปากแผลของเธอเปิด”
หลังจากพูดจบ เขาก็ดึงสัญญาที่เฉิยหยู่มอบให้แล้วโยนมันไปต่อหน้าสวีเอ้าเสวี่ย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มังกรผู้ทรงพลัง
ตั้งแต่ตอนที่ 217 ถ้าไม่อัพให้เต็มตอนก็คงต้องเลิกอ่านถาวรแล้ว...
อัพอีกวันไหนคะรับ...
ตอนละ6/7บรรทัด อัพใหม่ที...
ข้อความหายอีกแล้วครับ 280-284...
คนอัพไม่ดูเลยเหรอครับมันมาไม่กี่บรรทัดเอง...
ขาดตอนเลยครับ เนื้อหาไม่ครบแบบนี้...
ทำไมแต่ละตอนมันสั้นจัง...
253-264 ทำไมสั้นจังครับ...
ถ้าอัพมาแค่4, 5บรรทัดเลิกอัพเถอะ...
242 - 246 ข้อความขึ้นไม่ครบครับ...