สองวันมานี้ ฉีเติ่งเสียนเข้าๆออกๆชุมชนจินเซ่อฮวาหยวน ตัวเขาไม่สามารถทำอะไรได้ เจ้าหน้าที่เคจีบีหญิงคนนี้มีพลังมากเกินไป
จนถึงตอนนี้ เจ้าหน้าที่พิเศษหญิงคนนี้ยังคงรักษาความแข็งแกร่งของเธอไว้ได้ถึง 70%
“พี่เจี้ยต้องผิดหวังในตัวฉันมากแน่ๆ!”
ฉีเติ่งเสียนออกไปวิ่งรอบๆ เพียงเพื่อต้องการยืดเส้นยืดสาย ให้กระดูกสันหลังลั่นราวกับเสียงเสือโคร่งคำราม เพื่อเพิ่มพลังให้กับความแข็งแกร่งของกระดูก
สิ่งที่ทำให้เขาประหลาดใจก็คือ ในสองวันที่ผ่านมา เขาเจอกับบอดี้การ์ดของซุนอิ่งซู
เห็นได้ชัดว่าซุนอิ่งซูที่ต้องการขอความช่วยเหลือจากจ้าวหงซิ่วนั้นไม่ประสบความสำเร็จ
ในวันนี้บังเอิญได้พบกับซุนอิ่งซู ฉีเติ่งเสียนจึงยิ้มให้เธออย่างสุภาพแล้วพูดว่า "คุณยังไม่ยอมแพ้เรื่องนี้อีกหรอ?"
ซุนอิ่งซูพยักหน้าและกล่าวว่า “ใช่”
ฉีเติ่งเสียนพูดอย่างเป็นกันเองว่า: "ผมจะให้คำแนะนำแก่คุณบางอย่างดีไหมนะ?"
ซุนอิ่งซูพูดว่า: "ให้คำแนะนำงั้นหรอ?"
ฉีเติ่งเสียนพูดด้วยท่าทีเป็นกันเอง: "ลองหาชุดหมากรุกสวยๆไปมอบให้เธอดูสิ บางทีเธออาจจะชอบ เพราะถ้าคุณยังทำแบบนี้ต่อไป ผมว่าคงไม่มีทางสำเร็จ!"
จ้าวหงหนีเป็นนักเล่นหมากรุกที่มีพรสวรรค์ และประสบความสำเร็จเป็นนักหมากรุกมืออาชีพ ในขณะที่จ้าวหงซิ่วเล่นหมากรุกได้แย่มาก แต่เธอก็ยังชอบเล่นหมากรุกมากเช่นกัน
ซุนอิ่งซู เงยหน้าขึ้นมา ขอบคุณฉีเติ่งเสียน และรีบออกไปหาชุดหมากรุกในตลาดทันที
วันรุ่งขึ้น ฉีเติ่งเสียนเห็นซุนอิ่งซูและชายอีกคนที่อยู่ข้างเธอ ถือของบางอย่าง ใครมองก็อาจจะคิดว่านี้เป็นเพียงกระดานหมากรุก แต่จริงๆแล้ว สิ่งนี้คือชุดหมากรุก
ชุดหมากรุกชิ้นนี้เป็นของโบราณน่าจะทำจากไม้ที่มีค่ามากและมีน้ำหนักมาก
“นี่คือชุดหมากรุกสมัยราชวงศ์ซ่ง ฉันซื้อมาจากนักสะสมในราคามากกว่า 8 ล้าน ตัวหมากรุกนี้ ที่ปรึกษาของราชวงศ์หมิง ซูเจี๋ย ยังเคยใช้มาก่อนอีกด้วย ของขวัญชิ้นนี้น่าจะเหมาะสมแล้วใช่ไหม?” ซุนอิ่งซู ถามอย่างถ่อมตัว ฉีเติ่งเสียนผู้ให้คำแนะนำก็ยืนดูด้วยท่าทีสบาย
“เป็นของที่มีประโยชน์ แต่ถ้าจะมาถามว่าเพียงพอแล้วหรือไม่ ผมเองก็ไม่รู้เช่นกัน!” ฉีเติ่งเสียนยิ้มและพูดออกมา
ซุนอิ่งซู พยักหน้าและพูดว่า "หากทุกอย่างเป็นไปด้วยดี ฉันจะเลี้ยงอาหารคุณฉีเป็นการขอบคุณ"
หลังจากพูดจบ ซุนอิ่งซูก็เดินจากไปเพื่อไปหาจ้าวหงซิ่ว
จ้าวหงซิ่วนั่งอยู่ในห้อง กำลังดูการเเข่งขันหมากรุก ผู้เล่นหมากรุกชื่อดังทั้งสองคนกำลังต่อสู้กันอย่างดุเดือด เธอจ้องมองหน้าจอด้วยความกระตือรือร้น
เมื่อได้ยินเสียงดังขัดจังหวะจากใครบางคน ใบหน้าของจ้าวหงซิ่วแสดงความไม่พอใจออกมา และพูดว่า “ฉันไม่ได้เป็นคนอารมณ์ดีเหมือนหงหนีนะ ถ้ายังขัดจังหวะฉันอีกครั้ง เราได้เห็นดีกันแน่”
แต่ถึงกระนั้น เมื่อเธอเห็นชุดหมากรุกที่ซุนอิ่งซูนำมา พร้อมกับตัวหมากรุกคู่หนึ่ง รอยยิ้มก็ปรากฎขึ้นบนใบหน้าของเธอทันที
“ฮ่าฮ่า มามามา คุณเอาของขวัญอะไรมาด้วยงั้นหรอ? คุณซุนช่างมีน้ำใจเหลือเกิน!” จ้าวหงซิ่วพูดพร้อมรอยิ้ม
ซุนอิ่งซูตกตะลึง นี่เป็นครั้งแรกในรอบหลายวันที่เธอได้เห็นรอยยิ้มนี่ ซึ่งมันทำให้เธอโล่งใจ ดูเหมือนว่าเธอได้ส่งมอบของที่ถูกต้องผ่านเข้าประตูไปอย่างไงอย่างงั้น!
ซุนอิ่งซูยิ้มและพูดว่า: "ฉันได้ยินมาว่าคุณจ้าวชอบหมากรุก ดังนั้นฉันจึงค้นหาชุดหมากรุกนี้ด้วยตัวเองเพื่อมอบให้คุณ หวังว่าคุณจ้าวจะชื่นชอบ"
จ้าวหงซิ่วกล่าวด้วยความพึงพอใจ: "ฉันชอบมาก ชอบมากๆเลย! เอามาวางไว้ตรงนั้นเลย"
ขณะที่เธอพูด เธอก็ยื่นมือออกไปเพื่อจับกระดานหมากรุกซึ่งหนักหลายสิบกิโลกรัม วางไว้ที่ขอบระเบียงอย่างดีอกดีใจ
เมื่อเห็นภาพนี้ บอดีการ์ดของซุนอิ่งซูหลายคนก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกประหม่าจนต้องกลั้นหายใจไว้ กระดานหมากรุกนี้หนักหลายสิบกิโลกรัม ทำไมจ้าวหงซิ่วถืออย่างกับว่ามันเป็นโฟมยังนั้นล่ะ?
“คุณซุนไปได้ยินมาจากไหนว่าฉันชอบหมากรุก” จ้าวหงซิ่วถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น
“ฉันไปรู้มาจากไหน ไม่สำคัญหรอกค่ะ” ซุนอิ่งซูกล่าว
จ้าวหงซิ่วไม่ได้ถามคำถามอะไรออกไปเพิ่ม เธอเพียงแค่ก้มลงมองชุดหมากรุกโบราณชิ้นนี้อย่างระมัดระวัง เส้นบนกระดานจางหายไปมากพอควร แต่สีของมันที่ดูเก่าแก่ให้ความรู้สึกถึงของโบราณและกลิ่นอายของประวัติศาสตร์
“คุณผู้หญิง ผู้หญิงคนนี้ไม่ใจร้ายเกินไปงั้นหรอ เราทุ่มเงินไปเกือบ 10 ล้าน แต่เธอกลับจะช่วยเหลือเราเพียงครั้งเดียวเท่านั้น”
“ใช่แล้ว ในสมัยโบราณแม้กระทั่งหลิวเป่ย ยังไปที่กระท่อมเพียงสามครั้ง แต่เรามาที่นี้กันกี่ครั้งแล้ว มันจำเป็นจริงๆหรอที่เราต้องมาขอร้องผู้หญิงคนนี้?”
“ผมคิดว่าเธอน่าจะเป็นแค่คนที่ต้องการชื่อเสียง คุณผู้หญิงไม่ต้องกังวลเรื่องของเธอมากไป เราจะปกป้องคุณเอง!”
บอดี้การ์ดเบื่อหน่ายกับการติดตามซุนอิ่งซูมาที่ชุมชนจินเซ่อฮวาหยวนช่วงนี้เป็นอย่างมาก เพราะท่าทีของจ้าวหงซิ่วทำให้ทุกคนอดไม่ได้ที่จะรู้สึกโกรธเคือง
แต่ซุนอิ่งซูกลับเยาะเย้ยและพูดว่า: "พวกแกนี้ดูถูกคนมากเกินไปแล้ว อย่าพูดอะไรแบบนี้ออกมาเชียว!"
“คิดว่าหลี่เฮ่าหมินอ่อนแองั้นหรอ? เขาเคยคว้าแชมป์โลกมาก่อนด้วยซ้ำ รู้แบบนี้คิดว่าจะเอาชนะเขาได้งั้นหรอ!”
“แต่คุณจ้าวคนนี้ ก็ไม่ต่างอะไรกับศัตรู”
"ถ้าพวกแกไม่สามารถเอาชนะฮันเฉิงจุ่นผู้ก่อตั้งสำนักเทควันโดสไตล์ไท่อี้ ก็อย่าพูดอะไรแบบนั้นออกมาอีก”
ฮันเฉิงจุ่นคือ ปรมาจารย์ยอดฝีมือในโคกูรยอ เขาได้นำบากัวและเทควันโดมาผสมผสานกัน สร้างใหม่เป็นเทควันโดสไตล์ไท่อี้ ซึ่งเป็นการปฏิบัติจริง มากกว่าเป็นการแสดง
ด้วยเหตุนี้เอง ทำให้ฮันเฉิงจุ่นถูกปฏิเสธจากโคกูรยอ และไม่มีโอกาสได้แข่งขันอะไรเลยด้วยซ้ำ
แต่ทักษะการต่อสู้ของเขานั้นทรงพลังเป็นอย่างมาก ครั้งหนึ่ง เขาเคยอวดอ้างว่าปรมาจารย์ในโคกูรยอนั้นไม่ได้ต่างอะไรกับหมาเห่าใบตองแห้ง และก็ยังไม่มีใครสามารถทำให้เขากลืนคำพูดเหล่านี้ลงคอไปได้
พ่อของซุนอิ่งซูเป็นหนึ่งในผู้ที่พ่ายแพ้ให้แก่ฮันเฉิงจุน และฮันเฉิงจุ่นนั้นก็ได้ถอดแผ่นป้ายตระกูลที่สืบทอดต่อกันมาเป็นเวลาหลายร้อยปีออก
เพราะเหตุการณ์ในครั้งนั้น ทำให้เธอกังวลมาโดยตลอด
บอดี้การ์ดหลายคนเงียบสนิทเพราะคำพูดของซุนอิ่งซู แต่ก็ยังมีบางคนก็อดไม่ได้ที่จะถามว่า: "คุณจ้าวคนนี้มีพลังมากกว่าฮันเฉิงจุ่นอย่างนั้นหรือ!"
ซุนอิ่งซูพูดเพียงว่า: "หากทั้งสองคนต่อสู้กัน เธอจะรอด และฮันจะต้องจากโลกนี้ไป!"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มังกรผู้ทรงพลัง
ตั้งแต่ตอนที่ 217 ถ้าไม่อัพให้เต็มตอนก็คงต้องเลิกอ่านถาวรแล้ว...
อัพอีกวันไหนคะรับ...
ตอนละ6/7บรรทัด อัพใหม่ที...
ข้อความหายอีกแล้วครับ 280-284...
คนอัพไม่ดูเลยเหรอครับมันมาไม่กี่บรรทัดเอง...
ขาดตอนเลยครับ เนื้อหาไม่ครบแบบนี้...
ทำไมแต่ละตอนมันสั้นจัง...
253-264 ทำไมสั้นจังครับ...
ถ้าอัพมาแค่4, 5บรรทัดเลิกอัพเถอะ...
242 - 246 ข้อความขึ้นไม่ครบครับ...