ตอนที่5
“แต่ว่า......คุณจะไม่คุยกับครอบครัวคุณก่อนหรอครับ?”
ไวยาตย์ไม่รู้ว่าสถานการณ์เป็นยังไงถึงให้เด็กอายุ18ปีตัดสินใจทำแบบนี้
ปาณียิ้มอย่างขมขื่น
“ไม่ต้องหรอกค่ะครอบครัวหนู......เขาตกลงอยู่แล้ว”
เมื่อเห็นรอยยิ้มบนใบหน้าของปาณีไวยาตย์รู้สึกไม่ค่อยสบายใจนักและพูดว่า“ถ้าอย่างนั้นคุณว่างวันไหนก็ย้ายเข้ามาอยู่กับคุณธามนิธิได้เลย”
“ห้ะ?”ปาณีตกใจ
นี่เพิ่งเซ็นสัญญาเสร็จก็ต้องเข้ามาอยู่ด้วยกันแล้วหรอ?
ไม่ว่ายังไงปาณีก็เป็นผู้หญิงได้ยินคำพูดพวกนี้ต้องรู้สึกตกอกตกใจเป็นธรรมดา
“คุณคงไม่คิดหรอกใช่ไหมว่าหลังจากที่แต่งงานกับคุณธามนิธิแล้วคุณจะทำอะไรตามใจก็ได้?”ไวยาตย์เห็นสีหน้าตกใจของเธอรู้เลยว่าเมื่อครู่ที่เซ็นสัญญากันเธอไม่ได้คิดถึงข้อนี้เลย
“ตอนนี้คุณเป็นภรรยาของคุณธามนิธิแล้วก็ต้องแบกรับความรับผิดชอบในการดูแลบ้านวิสิทธิ์เวชนี้สืบสานวงศ์ตระกูล”ไวยาตย์พูดด้วยความจริงจัง“คุณปาณีต้องจริงจังกับการสมรสนี้อย่าเห็นว่าเป็นเรื่องเล่นๆ”
คุณธามนิธิเคยเจ็บปวดเพราะนลินมาแล้วเขาไม่อยากให้คุณธามนิธิต้องโดนทำร้ายอีก
ปาณีตกใจเพราะคำพูดที่จริงจังของฝ่ายตรงข้าม
ก็จริงอย่างที่พูดในขณะที่เธอตกลงจะแต่งงานกับธามนิธินั้นเธอคิดถึงแต่ผลประโยชน์ที่ตัวเองจะได้รับโดยไม่ได้คิดในมุมมองของธามนิธิเลยว่าเขาต้องการอะไร
เวลานี้หลังจากที่ได้ฟังคำพูดของไวยาตย์แล้วเธอถึงรู้ว่าตัวเองนั้นมีความคิดที่ไร้เดียงสาแค่ไหน
เธอมีความกลัวเล็กน้อย
เพราะว่าเธอเพิ่งจะอายุแค่18ปีเองถ้าพูดในด้านจิตใจแล้วเธอเหมือนเด็กที่ยังไม่หย่าน้ำนม
แต่ก็ต้องมาเป็นภรรยาเป็นแม่ของคนอื่นเธอคงยังรับความจริงนี้ไม่ได้
“หนู......หนูขอถอนคำพูดก่อนหน้านี้ได้ไหม?”
“ไม่ได้!”
ไวยาตย์ทำสีหน้าจริงจังกะทันหัน
“คุณได้แต่งงานกับคนอย่างคุณธามนิธิถือว่าเป็นเกียรติของคุณแล้ว”
ถ้าไม่เป็นเพราะว่าเกิดอุบัติเหตุนับประสาอะไรเธอจะได้แต่งงานกับขา
“หนูทราบแล้วค่ะ”
ปาณีพยักหน้า
เมื่อเรื่องทุกอย่างเป็นเช่นนี้แล้วจะมาเสียใจภายหลังก็ไม่มีประโยชน์
เมื่อฝนหยุดตกแล้วปาณีเตรียมตัวจะกลับบ้าน
ก่อนจะกลับไปเธอก็ไม่ลืมที่จะบอกลาสามีที่เพิ่งจดทะเบียนสมรสกับเธอ“คุณอาหนูกลับก่อนนะคะ”
ธามนิธิมองไปที่เธอ“มานี่สิ”
ปาณีเดินเข้าไปหาเขาอย่างงงๆธามนิธิยื่นมือออกมากุมมือของเธอไว้
เพิ่งจะก้าวเข้าบ้านปาณีก็ได้ยินเสียงบ่นของแม่ถ้าเป็นเมื่อก่อนเธอต้องก้มหน้าก้มตายอมรับผิดอย่างแน่นอนแต่ตอนนี้แค่เธอนึกถึงบนสนทนาเมื่อกลางวันแล้วก็รู้สึกโมโหมาก
“หนูออกไปทำงานหาค่าเทอม!”
เธอพูดด้วยความโกธรเคือง
“ยังทำงานอะไรอีกปาณีมานี่สิแม่มีข่าวดีจะบอก”ฝนสิรินึกถึงเรื่องที่ปาณีแต่งงานไปเมื่อไหร่ก็จะได้บ้านสองหลังฟรีๆเป็นสินสอดในใจเธอแค่คิดก็มีความสุขมากแล้วเธอไม่สนเลยว่าน้ำเสียงของปาณีจะโกธรเคืองแค่ไหนพูดเองเออเองว่า“พ่อของลูกน่ะได้หาคู่ครองดีๆไว้ให้ลูกแล้วนะบ้านฝ่ายชายอยู่ในเมืองเขารวยมากเลยนะลูกขอแค่ลูกแต่งงานไปลูกก็จะได้ใช้ชีวิตเป็นคุณนายอย่างสุขสบายไม่ต้องออกไปทำงานแบบนี้อีก”
ปาณีไม่คิดเลยว่าแม่จะพูดเรื่องนี้ออกมาได้ง่ายขนาดนี้
เธอคิดว่าแม่จะลำบากใจที่ต้องพูดเรื่องนี้อาจจะหาวิธีบอกกับเธอแบบอ้อมๆแต่เสียดายที่ไม่มีเลย
ในที่สุดเธอก็ตระหนักว่าในสายตาของพ่อแม่เธอก็เป็นแค่เครื่องมือที่ช่วยหาเงินเท่านั้นเอง
“แม่หนูเพิ่งจะอายุ18ปีเองนะหลังจากผ่านช่วงปิดเทอมนี้ไปหนูก็จะเข้าเรียนมหาลัย”
“18ปีอะไรกัน!เธออายุ20ปีแล้วต่างหาก!เธอดูฝ้ายข้างๆบ้านเราสิอายุเล็กกว่าเธอตั้ง1ปีเขาแต่งงานไปตั้งนานแล้วตอนนี้เลี้ยงลูกอยู่บ้านอย่างสุขสบายชีวิตเขาทุกวันนี้ดีกว่าเธออีก”ฝนสิริไม่พอใจที่ลูกสาวขัดขืน“เธอยังคิดที่จะเรียนต่ออีกเป็นเด็กผู้หญิงจะเรียนไปทำไมเยอะแยะเรียนไปแล้วจะได้อะไร?”
“เพียงเพราะว่าหนูเป็นลูกผู้หญิงหนูจึงไม่คู่ควรที่จะได้เรียนหรอ?หนูเลยต้องเสียสละให้น้องเรียนแทนใช่ไหม?”
แววตาของปาณีเต็มไปด้วยความเจ็บปวด
“หรือจะไม่ใช่ล่ะน้องเธอเพิ่งจะอายุ16เองนะไม่เรียนมหาลัยแล้วอนาคตจะทำไรกิน?จะซื้อบ้านยังไง?จะไปสู่ขอสะใภ้ยังไง?”ฝนสิริพูดจารุนแรงขึ้นเมื่อเห็นว่าปาณีไม่ยอม“เธอเป็นพี่สาวยังไงทำไมไม่รู้จักเสียสละให้น้องชายซะบ้าง?ฉันคลอดลูกแบบเธอออกมาได้ยังไงกัน!”
“ใช่!หนูมันลูกอกตัญญู!จะแต่งแม่ก็ไปแต่งเองเลย!”
ปาณีตะโกนออกไปด้วยความโกธรแล้ววิ่งเข้าห้องของตัวเองปิดประตูลงอย่างแรง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: My Girl ภรรยาตัวน้อยของผม
ก็บอกไปสิว่าพ่อแม่นางนลินมาขอคืนของหมั้น แค่นี้ก็ตบหน้าได้แล้วว่านลินโกหก มันไม่ใช่ว่าสามีไม่รอ แต่มันทิ้งเอง...
ฮื่อออออัพต่อได้ไหมคะพลีสสมสส...