องค์ชาย(ไม่)เอาถ่าน นิยาย บท 394

เมืองเฟิงหั่ว

ประตูเมือง

ภายใต้การนำทัพของจงจื่อหนิง เขารีบเปลี่ยนเส้นทางทันที และมุ่งหน้าไปยังค่ายทหารชายแดนทางตอนเหนือซึ่งอยู่ไม่ไกลนัก หลี่จุ่นพร้อมพรรคพวกลงจากรถม้า

เพราะมีคนรอต้อนรับอยู่ที่ประตูมานานแล้ว

“คาราวะ ท่านอัครมหาเสนาบดี!”

พวกเขาเป็นชายสามคน สองคนมีใบหน้าดุร้าย หนวดเคราหยิกเต็มหน้า รูปร่างสูงใหญ่ดูน่าเกรงขาม เมื่อมองแวบแรก พวกเขาดูเหมือนพวกนายพลอันธพาลในราชสำนัก

ทว่าก็ยังมีจิตวิญญาณของนายพลผู้กล้าหาญ สายตาเฉียบคมมาก!

ส่วนคนที่สาม มีใบหน้าอันขาวใสยากที่จะได้เห็น ดูเกลี้ยงเกลาสดชื่นระรื่นตา แถมยังสวมชุดสีขาวเรียบ ๆ ด้วย

มีรอยยิ้มอ่อน ๆ ปรากฏที่ริมฝีปาก

ดูคล้าย ๆ กับพวกคุณชาย

ทั้งสามคนนี้แน่นอนว่าเป็นคนสนิทของเจิ้นเป่ยอ๋องที่ทิ้งเอาไว้ ชายชาตรีท่าทีดุร้ายทั้งสองนี้เป็นรองแม่ทัพ หลิวเซิ่ง กับจางฟ่าง!

ส่วนชายหนุ่มในชุดขาว เขาคือหลินชิง ลูกฉีหลินครอบครัวนักกวีกรมกลาโหม!

ชายผู้นี้เป็นคนฉลาด เขาศึกษาพิชัยสงครามมาตั้งแต่เด็กและเชี่ยวชาญด้านการจัดกองทหาร ครั้งหนึ่งเขาเคยเข้าไปเป็นผู้เรียบเรียงตำราพิชัยสงครามที่สำนักราชบัณฑิต ต่อมาเจิ้นเป่ยอ๋องก็ชอบใจเขาเข้าให้ เลยถูกย้ายไปยังเมืองเฟิงหั่วโดยตรงในฐานะผู้ช่วยของเขา เพื่อช่วยจัดการภารกิจที่สำคัญต่าง ๆ ทางทหาร

สรุปง่าย ๆ สองคำ เขาเป็นกุนซือ!

อายุยังน้อยแต่กลับมีความก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว

“ลำบากทั้งสามท่านแล้ว!” จี้จงชิงยิ้มพลางก้มหัวเล็กน้อย

“ไม่ลำบากเลย นี่เป็นสิ่งที่พวกข้าน้อยทั้งสามควรทำ! เมื่อแม่ทัพไปจากชายแดนให้พวกเราทั้งสามอยู่ในความดูแลของท่านอัครมหาเสนาบดี พวกเรารอการมาถึงของท่านอัครมหาเสนาบดีอยู่ตลอด!!”

จางฟ่างรองแม่ทัพเจิ้นเป่ยอ๋องที่หน้าตาดุร้ายทำหน้าที่เป็นผู้พูด แม้ว่าเขาจะมีท่าทีดุร้าย แต่ทว่าคำพูดของเขาก็ตรงไปตรงมาอย่างมีไหวพริบ

จี้จงชิงยิ้มและพูดว่า “มิกล้า ข้าไม่มีความรู้เรื่องการทำสงครามของทหาร มิกล้าละลาบละล้วง การเดินทางไปทางเหนือครั้งนี้เป็นเพียงการคุ้มกันเสบียงทหารเท่านั้น สำหรับการต่อต้านชายแดนต้องพึ่งพาพวกเจ้าทั้งสามคน!”

ทั้งสามคนมองหน้ากันทันที

จางฟ่างยิ้มแล้วพูดว่า “ท่านอัครมหาเสนาบดีเดินทางมาคงรู้สึกเหนื่อย เราได้เตรียมสุราอาหารชั้นดีไว้ให้ในเมืองแล้ว เชิญท่านอัครมหาเสนาบดีไปพักผ่อนก่อนเถิด"

สามคนนี้ล้วนเป็นคนมีไหวพริบ

หลี่จุ่นที่อยู่ข้างหลังแอบคิดทันที

“ไม่รีบ”

จี้จงชิงส่ายหน้าแล้วมองไปยังหลี่จุ่นและอาหยวนที่อยู่ข้างหลังเขาแล้วพูดว่า “นี่คือท่านอ๋องจิ่งคราวนี้เขามีความผิดติดตัวจึงถูกเนรเทศมาชายแดน รบกวนใต้เท้าทั้งสามช่วยจัดการให้หน่อย”

หลี่จุ่นขมวดคิ้ว

อะไรนะ

ตาแก่คนนี้ใจคอจะไม่ยอมให้เขาไปกินข้าวด้วยสักมื้อเลยหรือ

“ท่านอ๋องโปรดอย่าตำหนิข้าน้อยเลย ผู้กระทำผิดทุกคนที่ถูกส่งมาทางชายแดนทางตอนเหนือจะต้องถูกล่ามโซ่ตรวนและจะไม่ปลดจนกว่าสงครามจะเริ่มขึ้นหรือเมื่อจำเป็นต้องทำงาน ข้าน้อยล่วงเกินท่านอ๋องแล้ว” หลินชิงเอ่ยเสียงเรียบ และไม่มีคำพูดใด ๆ บกพร่องแม้แต่น้อย

หน้าที่ก็คือหน้าที่จริง ๆ!

"สมควรแล้ว ๆ"

หลี่จุ่นพูดด้วยรอยยิ้มทันที

หลินชิงสั่งทันที “พวกเจ้า พาตัวท่านอ๋องไป”

“รับทราบ!” องครักษ์พกดาบที่อยู่ข้างหลังเขาพาหลี่จุ่นไปทันที

อาหยวนโกรธจนเลือดขึ้นหน้า!

แต่ก็ไม่สามารถระบายโทสะออกมาได้ ดังนั้นเขาจึงทำได้เพียงเดินตามไปข้างหลังด้วยใบหน้าบูดบึ้ง

“กุนซือหลินประสบความสำเร็จตั้งแต่อายุยังน้อย อายุยังน้อยก็ได้เป็นกุนซือแล้วแถมแม่ทัพยังให้ความสนใจอีก เรียกได้ว่าอนาคตสดใสเลยทีเดียว”

หลี่จุ่นชมหลินชิงด้วยรอยยิ้มทันที

หลินชิงกำลังเดินนำหน้าเอามือไพล่หลัง เมื่อได้ยินคำพูดของหลี่จุ่นถึงกับผงะเล็กน้อย จากนั้นจึงยิ้มและพูดว่า

“มิกล้า ๆ เทียบกับท่านอ๋องจิ่งมิได้ ท่านอ๋องสิถึงจะเป็นผู้ที่ประสบความสำเร็จตั้งแต่อายุยังน้อยจริง ๆ ด้วยพรสวรรค์ด้านบทกวีที่มิเคยมีมาก่อน แม้แต่ใต้เท้าเจียงของราชวงศ์อู่เราก็ยังสู้มิได้”

หลี่จุ่นยิ้มทันทีและกล่าวว่า “บังเอิญจริง พอกุนซือหลินพูดถึงพรสวรรค์ด้านบทกวีของข้าขึ้นมา ข้าก็เห็นว่าท่านนั้นช่างหล่อเหลาและสง่างามมาก ก็เลยนึกบทกวีขึ้นมาได้ทันที ให้ข้าแต่งบทกวีมอบให้ท่านสักบทเถอะนะ”

หลินชิงสะดุ้งขึ้นมาอย่างไม่สามารถเก็บอาการตกตะลึงได้

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชาย(ไม่)เอาถ่าน