องค์ชาย(ไม่)เอาถ่าน นิยาย บท 440

ประลองศิลปะการต่อสู้หมัดมวยหรือ

เมื่ออาหยวนได้ยินเช่นนั้นก็รู้สึกกังวลใจขึ้นมาทันที

แย่แล้ว...

หลี่จุ่นชนะการแข่งม้า แล้วทั้งสามคนนี้จะยอมรามือง่ายๆ ได้อย่างไร เกรงว่าคนที่หามาจะต้องโหดเหี้ยมมากแน่ๆ ถึงไม่ได้ทำให้หลี่จุ่นพิการ แต่ก็คงหนักเอาการแน่นอน

หลี่จุ่นจะได้รับความทุกข์ยากลำบากแล้ว

จางฟ่างก็รีบพูดว่า “ใช่แล้ว ท่านอ๋องปราดเปรื่องมากจริงๆ เอาชนะท่านกุนซือได้ ช่างน่าทึ่งยิ่งนัก ถ้าเช่นนั้นเรามาเริ่มการประลองต่อไปกันเถอะ ประลองหมัดมวยกับเหล่าทหาร”

“ข้าน้อยหลิวเซิ่งจะรีบไปหาคนมาปะเดี๋ยวนี้” หลิวเซิ่งเดินลงจากอัฒจันทร์ทันที

เขาต้องการหาคนสองคนที่ฉลาดและว่องไวด้วยตัวเอง

หลี่จุ่นเจ้าแข่งม้าเก่ง แต่ฝีมือการต่อสู้หมัดมวยจะเทียบกับเหล่าทหารได้อย่างไร

ไหนๆ แข่งม้าก็แพ้เจ้าไปแล้ว งั้นในเรื่องการต่อสู้หมัดมวยก็ต้องเอาชนะคืนให้ได้

แข่งม้าชนะไม่ใช่เรื่องน่าทึ่งอะไร สิ่งที่น่าทึ่งคือวิทยายุทธ

คนที่มีศิลปะการต่อสู้ที่แข็งแกร่งและวิทยายุทธที่ยอดเยี่ยมเท่านั้นจึงจะคู่ควรเป็นผู้บัญชาการอย่างเช่น จอมทัพ

กระนั้น เพียงแค่ทำให้เหล่าทหารเห็นเขาถูกชกต้อยจนยับเยินต่อหน้าทุกคนและเห็นความอัปยศอดสูของเขาอย่างเต็มที่ การที่เขาต้องการกุมอำนาจทางทหารในชายแดนทางตอนเหนือก็ทำได้เพียงแค่ฝัน

เมื่อเห็นหลิวเซิ่งเดินจากไปด้วยสีหน้าเคร่งขรึม หลี่จุ่นก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย แต่ยังคงท่าทีสงบและผ่อนคลาย ไม่รู้สึกหวั่นเกรงแม้แต่น้อย

ตราบใดที่ไม่ได้หาคนที่เก่งวิทยายุทธ์มาสู้กับเขา เขาก็พอลองดูได้

อย่างเช่น ให้พวกเขาดูให้ชัดๆ ว่าอะไรคือมวย

อีกอย่าง เจียงเยว่ฉานยังเคยสอนชุดกระบวนท่าที่ดัดแปลงมาจากกระบวนท่าวรยุทธ์ หากใช้พลังภายในร่วมกับกระบวนท่าเหล่านี้ก็จะมีพลังรุนแรงเหลือคณานับ แต่ถึงแม้จะไม่มีกำลังภายในก็มีพละกำลังที่น่าทึ่ง

ยิ่งไปกว่านั้น เขายังเคยลองฝึกการยืมแรงและนำแรงอีกฝ่ายของมวยไท่เก๊กและเจียงเยว่ฉานยังเคยให้คำชี้แนะอีกด้วย

กระนั้น ถึงแม้คนคนนั้นจะผ่านการรบมาแล้ว ก็ใช่ว่าเขาจะแพ้เสมอไป

แต่เรื่องชกต้อยกัน ยังไงตัวเองก็เสียเปรียบอยู่ดี พยายามแพ้อย่างมีศักดิ์ศรีดีกว่า หลิวเซิ่งต้องหาคนที่ลงมือโหดเหี้ยมแน่นอน ยากที่จะต่อกรด้วย

ในเวลานี้ จางฟ่างก้าวไปข้างหน้าโดยหันหน้าเข้าหาทุกคน แล้วตะโกนว่า

“ท่านทั้งหลาย การที่ท่านอ๋องชนะการแข่งม้าช่างเป็นเรื่องที่น่ายินดีอย่างยิ่ง ท่านอ๋องฉลาดและกล้าหาญยิ่งนัก ช่างเป็นแบบอย่างที่ดีแก่พวกเราจริงๆ ในลำดับถัดไป ท่านอ๋องจะแสดงศิลปะการต่อสู้ด้วยหมัดมวย โดยประลองฝีมือกับทหารเยี่ยงเรา ทุกคนจงรอดูด้วยความตื่นเต้นเถิด”

“อะไรนะ ท่านอ๋องจะประลองศิลปะการต่อสู้กับพวกเรา? จริงหรือ”

“นี่ นี่มันเรื่องบ้าบอคอแตกชัดๆ ท่านอ๋องผอมกะหร่องก่องปานนั้น... จะประลองฝีมือกับพวกเราได้อย่างไร”

“ใช่ๆ ว่ากันว่าท่านอ๋องไม่เก่งวรยุทธ์ไม่ใช่หรือ ได้ยินมาว่าแม้แต่กุนซือเขาก็เอาชนะไม่ได้...”

“ใครบอกว่าท่านอ๋องสู้กุนซือไม่ได้ ข้าเคยบอกแล้วว่าเคยเห็นท่านอ๋องเอาชนะท่านกุนซือกับตาตัวเอง พวกเอ็งไม่เห็นรอยช้ำที่หน้าของท่านกุนซือหรือ นั่นแหละฝีมือท่านอ๋อง”

“อะไรนะ ท่านอ๋องเป็นคนทำจริงหรือ ข้า...ข้าคิดว่าท่านกุนซือหกล้มซะอีก...”

“หากท่านอ๋องผู้นี้สามารถเอาชนะพวกเราได้ ไม่สิ แค่สามารถยืนหยัดได้นานหน่อย ข้าก็จะนับถือเขาแล้ว”

“ถูกต้องแล้ว ข้าก็เช่นกัน”

“...”

ในที่สุดจางฟ่างก็มีสีหน้าพอใจมากเมื่อได้ยินเสียงของเหล่าทหาร

เมื่อเขาถูกต้อยจนสภาพยับเยิน เหล่าทหารก็จะต้องผิดหวังอย่างยิ่ง หากต้องการกุมอำนาจทางทหารในภายภาคหน้า เหล่าทหารจะยินยอมได้อย่างไร

หากเป็นเช่นนี้จะดียิ่ง

หลินชิงแสร้งทำเป็นพูดว่า “ท่านอ๋อง การต่อสู้ด้วยหมัดมวยอัตรายมาก ข้าน้อยว่าอย่าเลยดีกว่าขอรับ มิเช่นนั้นหากท่านอ๋องได้รับบาดเจ็บ พวกข้าก็คงหนีความผิดไม่พ้น”

เมื่อหลี่จุ่นได้ยินเช่นนั้นก็รีบมองเขาทันที แล้วพูดช้าๆ ว่า “ท่านกุนซือพูดได้สมเหตุสมผล หากข้าผู้แซ่หลี่ยืนกรานที่จะประลองฝีมือการต่อสู้หมัดมวยก็จะเห็นแก่ตัวเกินไป ไม่คำนึงถึงความคิดของแม่ทัพทั้งสองและท่านกุนซือ ฉะนั้น... ยกเลิกการประลองไปเลยดีหรือไม่”

หลินชิง “...”

จางฟ่าง “...”

จะได้อย่างไร

จะไม่แข่งได้อย่างไร

ต้องแข่ง!

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชาย(ไม่)เอาถ่าน