องค์ชาย(ไม่)เอาถ่าน นิยาย บท 499

หวังเยียนหรันก็รู้สึกเกร็งเล็กน้อย คิดไม่ถึงว่าการมาของนางจะทำให้ผู้คนเกิดความตื่นเต้นเพียงนี้

แต่ว่า

ถึงยังไงนางก็เคยผ่านงานใหญ่มาแล้ว สถานการณ์ตรงหน้าคงจะไม่ทำให้เธอต้องตกใจง่ายๆ

เธอยืดอกทำตัวตรงและไม่พูดไม่จา แสดงท่าทีอย่างมีความมั่นใจ ใบหน้าเผยรอยยิ้มเบาๆ

“ยอดหญิงหวังมาตามคำเชิญของข้าในวันนี้ ข้ารู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่ง” เจียงเฟิงรีบนำทางหวังเยียนหรันไปนั่งที่ พร้อมกับใบหน้าที่ยินดี

ที่นั่งของหวังเยียนหรันไม่น้อยหน้าใคร โดดเด่นสมศักดิ์ศรี นางถูกเชิญเข้าไปนั่งอยู่ในที่นั่งพิเศษ

หอเหวินชวีได้เลียนแบบร้านเต้าหู้ตำรับจ้าว มีการแก้ไขระบบ ตกแต่งสถานที่ใหม่ให้ดูหรูหรามากยิ่งขึ้น

ที่นั่งคนพิเศษเต็มไปด้วยรูปวาดศิลปะ

หวังเยียนหรันก็ไม่คิดจะเกรงใจ พาเสี่ยวจูนั่งตรงที่นั่งพิเศษด้วย

เมื่อเจียงเฟิงเห็นว่าหวังเยียนหรันไม่ปฏิเสธเขา จึงพยักหน้าเงียบๆ มุมปากแสดงรอยยิ้มอย่างพอใจออกมา

หลังจากนั้น เจียงเฟิงก็ได้เดินไปกล่าวทักทายคนอื่นๆ

มีคนทยอยเข้ามาอย่างต่อเนื่อง เมื่อเจียงเฟิงเห็นว่าคนมากันเยอะแล้ว

จึงได้เปิดงานทันที

มีการเอ่ยถึงเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับแวดวงของคนมีความรู้ ดั่งเช่นช่วงนี้มีใครเขียนกลอนดีๆออกมาบ้าง?

ได้มีการเพิ่มเติมบทกลอนดีๆไหม?

หรือใครได้เขียนเรียงความดีๆขึ้นมา

เจียงเฟิงนึกว่าตนเองเขียนได้ดีแล้ว จึงได้เอาออกมาให้ทุกคนชื่นชมกันพร้อมหน้า ในงานมีการติชมขึ้นบ้างเล็กน้อย

อีกอย่างเขายังเอาผลงานแต่งกลอนของเขาในช่วงนี้ออกมา จนทำให้ทุกคนในงานต่างพากันสนใจ

“ข้าคิดว่า คนที่สามารถประชันการเขียนกลอนกับใต้เท้าเจียงได้ในเวลานี้ คงจะมีแค่ไม่กี่คนแล้ว”

“จริงด้วย กลอนของใต้เท้าเจียง ยอดเยี่ยมอย่างไม่มีที่ติ!”

“มีโอกาสได้อ่านกลอนฝีมือของใต้เท้าเจียง นับว่าเป็นวาสนาของลูกศิษย์อย่างยิ่ง”

“ชีวิตนี้แม้จะตายไปก็ไม่เสียดายชาติเกิด! ”

“…”

เมื่อเห็นว่าทุกคนพากันยกย่องบทกลอนของตนเอง แน่นอนว่าเจียงเฟิงก็ต้องยิ้มอย่างพึงพอใจ และยังรู้สึกภาคภูมิใจอยู่เล็กน้อย

เมื่อหวังเยียนหรันได้เห็นเหตุการณ์นี้ก็แอบกัดฟันอยู่เงียบๆ

แต่ว่าถ้าเขาสำนึกผิดก็จะไม่เอาเรื่องเขาอีก ท่าทานอบน้อมเป็นกันเองของเจียงเฟิงที่แสดงต่อตนเอง ถ้ายังคิดจะหาเรื่องเขาอยู่ลับหลัง ดูเหมือนว่าจะไร้คุณธรรมไปหน่อย

“ทุกคนพูดเกินไปแล้ว ข้าก็แค่ชอบเขียนกลอนเป็นชีวิตจิตใจ ไม่ได้มีความสามารถสูงส่งอะไร!”

เจียงเฟิงแสดงความถ่อมตัว

ในที่สุด เมื่อเจียงเฟิงได้ยินคำสรรเสริญเยินยอและคำชมเชยมามากพอแล้ว เขาอดทนไม่ไหวอีกต่อไป จึงส่ายหน้าอย่างต่อเนื่องและพูดขึ้นว่า

“ทุกคนพูดเกินไปแล้ว ข้าจะสามารถเทียบเคียงกับจิ่งอ๋องคนปัจจุบันได้อย่างไร? จิ่งอ๋องถึงจะเหมาะสมกับคำว่าราชาบทกวี อยู่ต่อหน้าจิ่งอ๋อง ข้ายอมจำนนอย่างไม่มีคำพูดใดๆ”

เมื่อได้พูดประโยคนี้ออกไป ทั้งหอเหวินชวีก็ได้เงียบกริบลงมาทันที มีคนจำนวนมากพากันสบตากัน

ระยะนี้เจียงเฟิงได้พูดอยู่บ่อยๆว่าหลี่จุ่นแต่งกลอนดีออกมาไม่ได้อีกแล้ว แต่ตอนนี้กลับมายกย่องหลี่จุ่น นี่มันเกิดอะไรขึ้นหรือ?

รู้สึกไม่ค่อยเข้าใจเล็กน้อย

หวังเยียนหรันทั้งสองก็อึ้งไปชั่วครู่ และไม่เข้าใจเหมือนกัน

ทำไมเจ้าหมอนี่ถึงได้พูดชื่นชมหลี่จุ่นขึ้นมาล่ะ?

แต่ทว่า!

ในขณะที่ทั้งสองกำลังรู้สึกประหลาดใจ ทันใดนั้นเจียงเฟิงก็ได้เปลี่ยนคำพูดขึ้นมา และเอ่ยขึ้นมา

“แต่ว่า ช่างน่าเสียดายจริงๆ จาการมองของข้า ในชาตินี้จิ่งอ๋องคงจะไม่มีทางเขียนกลอนดีๆได้อีกแล้ว เกรงว่าพรสวรรค์คงสิ้นสุดเท่านี้ น่าเสียดาย ช่างน่าเสียดายเหลือเกิน! ”

เมื่อหวังเยียนหรันได้ยินเช่นนี้ ก็เกิดโมโหจนตัวแทบจะลอยขึ้นมา และอยากจะกล่าวตำหนิเจียงเฟิง!

แต่ก็เปลี่ยนอารมณ์กลับมา เก็บความโกรธเคืองเอาไว้ วางกริยาสุภาพเรียบร้อย ค่อยๆเอ่ยปากพูดขึ้นว่า

“ใต้เท้าเจียงคงจะพูดผิดไปหรือเปล่า? เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาท่านอ๋องยังได้เขียนกลอนมอบให้ข้าหนึ่งบท เป็นกลอนที่ดีเยี่ยมอย่างไม่มีที่ติ”

เมื่อประโยคนี้กล่าวออกไป ก็ทำให้ทุกคนถึงกับตะลึง!

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชาย(ไม่)เอาถ่าน