หวังเยียนหรันก็รู้สึกเกร็งเล็กน้อย คิดไม่ถึงว่าการมาของนางจะทำให้ผู้คนเกิดความตื่นเต้นเพียงนี้
แต่ว่า
ถึงยังไงนางก็เคยผ่านงานใหญ่มาแล้ว สถานการณ์ตรงหน้าคงจะไม่ทำให้เธอต้องตกใจง่ายๆ
เธอยืดอกทำตัวตรงและไม่พูดไม่จา แสดงท่าทีอย่างมีความมั่นใจ ใบหน้าเผยรอยยิ้มเบาๆ
“ยอดหญิงหวังมาตามคำเชิญของข้าในวันนี้ ข้ารู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่ง” เจียงเฟิงรีบนำทางหวังเยียนหรันไปนั่งที่ พร้อมกับใบหน้าที่ยินดี
ที่นั่งของหวังเยียนหรันไม่น้อยหน้าใคร โดดเด่นสมศักดิ์ศรี นางถูกเชิญเข้าไปนั่งอยู่ในที่นั่งพิเศษ
หอเหวินชวีได้เลียนแบบร้านเต้าหู้ตำรับจ้าว มีการแก้ไขระบบ ตกแต่งสถานที่ใหม่ให้ดูหรูหรามากยิ่งขึ้น
ที่นั่งคนพิเศษเต็มไปด้วยรูปวาดศิลปะ
หวังเยียนหรันก็ไม่คิดจะเกรงใจ พาเสี่ยวจูนั่งตรงที่นั่งพิเศษด้วย
เมื่อเจียงเฟิงเห็นว่าหวังเยียนหรันไม่ปฏิเสธเขา จึงพยักหน้าเงียบๆ มุมปากแสดงรอยยิ้มอย่างพอใจออกมา
หลังจากนั้น เจียงเฟิงก็ได้เดินไปกล่าวทักทายคนอื่นๆ
มีคนทยอยเข้ามาอย่างต่อเนื่อง เมื่อเจียงเฟิงเห็นว่าคนมากันเยอะแล้ว
จึงได้เปิดงานทันที
มีการเอ่ยถึงเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับแวดวงของคนมีความรู้ ดั่งเช่นช่วงนี้มีใครเขียนกลอนดีๆออกมาบ้าง?
ได้มีการเพิ่มเติมบทกลอนดีๆไหม?
หรือใครได้เขียนเรียงความดีๆขึ้นมา
เจียงเฟิงนึกว่าตนเองเขียนได้ดีแล้ว จึงได้เอาออกมาให้ทุกคนชื่นชมกันพร้อมหน้า ในงานมีการติชมขึ้นบ้างเล็กน้อย
อีกอย่างเขายังเอาผลงานแต่งกลอนของเขาในช่วงนี้ออกมา จนทำให้ทุกคนในงานต่างพากันสนใจ
“ข้าคิดว่า คนที่สามารถประชันการเขียนกลอนกับใต้เท้าเจียงได้ในเวลานี้ คงจะมีแค่ไม่กี่คนแล้ว”
“จริงด้วย กลอนของใต้เท้าเจียง ยอดเยี่ยมอย่างไม่มีที่ติ!”
“มีโอกาสได้อ่านกลอนฝีมือของใต้เท้าเจียง นับว่าเป็นวาสนาของลูกศิษย์อย่างยิ่ง”
“ชีวิตนี้แม้จะตายไปก็ไม่เสียดายชาติเกิด! ”
“…”
เมื่อเห็นว่าทุกคนพากันยกย่องบทกลอนของตนเอง แน่นอนว่าเจียงเฟิงก็ต้องยิ้มอย่างพึงพอใจ และยังรู้สึกภาคภูมิใจอยู่เล็กน้อย
เมื่อหวังเยียนหรันได้เห็นเหตุการณ์นี้ก็แอบกัดฟันอยู่เงียบๆ
แต่ว่าถ้าเขาสำนึกผิดก็จะไม่เอาเรื่องเขาอีก ท่าทานอบน้อมเป็นกันเองของเจียงเฟิงที่แสดงต่อตนเอง ถ้ายังคิดจะหาเรื่องเขาอยู่ลับหลัง ดูเหมือนว่าจะไร้คุณธรรมไปหน่อย
“ทุกคนพูดเกินไปแล้ว ข้าก็แค่ชอบเขียนกลอนเป็นชีวิตจิตใจ ไม่ได้มีความสามารถสูงส่งอะไร!”
เจียงเฟิงแสดงความถ่อมตัว
ในที่สุด เมื่อเจียงเฟิงได้ยินคำสรรเสริญเยินยอและคำชมเชยมามากพอแล้ว เขาอดทนไม่ไหวอีกต่อไป จึงส่ายหน้าอย่างต่อเนื่องและพูดขึ้นว่า
“ทุกคนพูดเกินไปแล้ว ข้าจะสามารถเทียบเคียงกับจิ่งอ๋องคนปัจจุบันได้อย่างไร? จิ่งอ๋องถึงจะเหมาะสมกับคำว่าราชาบทกวี อยู่ต่อหน้าจิ่งอ๋อง ข้ายอมจำนนอย่างไม่มีคำพูดใดๆ”
เมื่อได้พูดประโยคนี้ออกไป ทั้งหอเหวินชวีก็ได้เงียบกริบลงมาทันที มีคนจำนวนมากพากันสบตากัน
ระยะนี้เจียงเฟิงได้พูดอยู่บ่อยๆว่าหลี่จุ่นแต่งกลอนดีออกมาไม่ได้อีกแล้ว แต่ตอนนี้กลับมายกย่องหลี่จุ่น นี่มันเกิดอะไรขึ้นหรือ?
รู้สึกไม่ค่อยเข้าใจเล็กน้อย
หวังเยียนหรันทั้งสองก็อึ้งไปชั่วครู่ และไม่เข้าใจเหมือนกัน
ทำไมเจ้าหมอนี่ถึงได้พูดชื่นชมหลี่จุ่นขึ้นมาล่ะ?
แต่ทว่า!
ในขณะที่ทั้งสองกำลังรู้สึกประหลาดใจ ทันใดนั้นเจียงเฟิงก็ได้เปลี่ยนคำพูดขึ้นมา และเอ่ยขึ้นมา
“แต่ว่า ช่างน่าเสียดายจริงๆ จาการมองของข้า ในชาตินี้จิ่งอ๋องคงจะไม่มีทางเขียนกลอนดีๆได้อีกแล้ว เกรงว่าพรสวรรค์คงสิ้นสุดเท่านี้ น่าเสียดาย ช่างน่าเสียดายเหลือเกิน! ”
เมื่อหวังเยียนหรันได้ยินเช่นนี้ ก็เกิดโมโหจนตัวแทบจะลอยขึ้นมา และอยากจะกล่าวตำหนิเจียงเฟิง!
แต่ก็เปลี่ยนอารมณ์กลับมา เก็บความโกรธเคืองเอาไว้ วางกริยาสุภาพเรียบร้อย ค่อยๆเอ่ยปากพูดขึ้นว่า
“ใต้เท้าเจียงคงจะพูดผิดไปหรือเปล่า? เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาท่านอ๋องยังได้เขียนกลอนมอบให้ข้าหนึ่งบท เป็นกลอนที่ดีเยี่ยมอย่างไม่มีที่ติ”
เมื่อประโยคนี้กล่าวออกไป ก็ทำให้ทุกคนถึงกับตะลึง!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชาย(ไม่)เอาถ่าน
เนื้อเรื่องสนุกคับ...แต่ก็รำคาญพระเอกอยุู่พอสมควรเจ้าชู้เกินกินพื้นที่หักเหลี่ยมเฉือนคมเยอะไปหน่อยน่าจะเป็นทุกเรื่องมั้งที่ผู้ชายเดินเรื่อง...
เชี่ยไรเนี่ย เติมเงินแต่อ่านไม่ได้สักบท...
กดปลดล็อคไม่ได้เติมเงินแล้ว แย่มาก...
737 ปลดล็อกแล้วอ่านไม่ได้...
736 ผมปลดล็อคแล้ว อ่านไม่ได้...
เขียนต่อเถอะครับ รอนานแล้ว...
ตอน 706 มีหรือยัง...
อยากอ่านต่อครับ ผู้เขียนไม่สบายหรือเปล่าครับ...
ขอบคุณมากนะคะ ที่ให้อ่านฟรี สนุกมากค่ะ สั่งซื้อกางเกงใน GQ ไป 3 ตัวแล้วค่ะ สนับสนุนโฆษณา ที่ได้อ่านค่ะ...
เดินเรื่องได้เต่ามากๆ...