อะไรนะ?!
จิ่งอ๋องแต่งกลอนใหม่อีกแล้วหรือ?!
ทุกคนรู้สึกอึ้ง!
ครั้งที่แล้วจิ่งอ๋องเขียนกลอนขึ้นเมื่อไหร่?
เหมือนจะเป็นฤดูวสันต์
ผ่านมาเกือบสองเดือนแล้ว อีกหนึ่งเดือนก็เป็นฤดูร้อนแล้ว
กลอนเก่าๆที่หลี่จุ่นเคยเขียน ได้มีคนเอามาทำเป็นเล่ม ต้นฉบับถูกผลิกอ่านไปมาจนจะขาดอยู่แล้ว มีคนจำนวนไม่น้อยต่างรอคอยผลงานใหม่ออกมา
แต่ผ่านไปตั้งนานก็ไม่มีผลงานออกใหม่ อีกอย่างเจียงเฟิงก็เอ่ยปากพูดจาเช่นนั้น จึงทำให้ทุกคนเกิดความสงสัย เรื่องหมดสิ้นพรสวรรค์ จนไม่มีทางเขียนกลอนใหม่ได้อีกแล้ว
แต่ทว่า หวังเยียนหรันกลับบอกว่าไม่กี่วันที่แล้วหลี่จุ่นได้เขียนกลอนมอบให้นาง!
คำพูดนี้ทำให้ทุกคนต้องตกใจ จนหัวใจสั่นสะท้าน!
ทุกคนในหอเหวินชวีพากันตอบสนองอย่างตื่นตระหนก!
“ยอดหญิงหวัง เรื่องที่ท่านพูดเป็นความจริงหรือ?”
“ใช่แล้ว ข้าไม่ได้พูดโกหกพวกเจ้า? เรื่องเช่นนี้จะอามาพูดล้อเล่นไม่ได้!”
“กลอนของท่านอ๋อง? จริงหรือเปล่า? โอ้คุณพระ ท่านอ๋องไม่ได้เขียนกลอนมานานมากแล้ว”
“ยอดหญิงหวัง ถึงแม้ว่าข้าจะเคารพท่าน แต่ท่านก็ไม่ควรเอาเรื่องเช่นนี้มาพูดล้อเล่น!”
“จริงด้วย ท่านอย่าคิดเอากลอนของตนเองมาตบตาพวกเรา โกหกว่าเป็นกลอนของท่านอ๋อง!”
“ยอดหญิงหวัง เป็นเรื่องจริงหรือเท็จ? จะมาพูดล้อเล่นไม่ได้นะ!”
“…”
คราวนี้ทั้งหอเหวินชวี เกิดโกลาหลขึ้นมาอย่างแท้จริง
อย่ามองแค่ว่าปกติตามท้องถนนในเมืองมักจะไม่มีการพูดถึงบทกลอนของหลี่จุ่นมากนัก แต่สำหรับคนที่ชอบศึกษาเรื่องกลอนอย่างแท้จริง ความเลื่อมใสที่มีต่อหลี่จุ่น ไม่สามารถจะบรรยายออกมาได้
และเมื่อได้ยินว่าหลี่จุ่นเขียนกลอนบทใหม่ ความรู้สึกอันร้อนร้นในชั่วพริบตาที่คาดหวังอยากจะเห็นด้วยตา ไม่สามารถอธิบายได้ด้วยคำพูด!
และหากครั้งนี้ เป็นเรื่องที่หวังเยียนหรันพูดล้อเล่น เกรงว่าจะมีคนที่ไม่สามารถควบคุมสติอารมณ์ในเหตุการณ์นี้ อาจถึงขั้นหมดสติขาดลมหายใจไปเลยก็ได้
เวลานี้!
เสี่ยวจูก็รู้สึกตกตะลึงเช่นกัน!
มองดูคุณหนูของตนเองอย่างคาดไม่ถึง
ทำไมคุณหนูถึงพูดจาเลอะเลือนเช่นนี้ด้วยล่ะ?
ท่านอ๋องถูกส่งไปที่ชายแดนทางตอนเหนือครึ่งเดือนแล้ว จะเอาเวลาตอนไหนมาเขียนกลอนให้นางอีก?!
สงสัยคุณหนูคงจะคิดถึงท่านอ๋องจนป่วยเป็นโรคหลงผิดสะแล้ว…
เสี่ยวจูรู้สึกกังวลใจขึ้นมา จึงใช้มือดึงหวังเยียนหรันอย่างฉับพลัน พูดด้วยน้ำเสียงร้อนใจว่า
“คุณหนู ท่าน ท่านอย่างพูดไปเรื่อยเปื่อยนะเจ้าค่ะ…ท่านอ๋องไปชายแดนตอนเหนือแล้ว จะเขียนกลอนให้ท่านได้อย่างไร? คุณหนู ท่านไม่เป็นอะไรใช่ไหม? อย่าทำให้ข้าตกใจนะเจ้าค่ะ…”
“นังตัวดี เจ้าต่างหากที่มีปัญหา!”
หวังเยียนหรันก่นด่านางอย่างแผ่วเบา จากนั้นก็ยิ้มให้ทุกคนและพูดว่า “ข้าไม่ได้พูดล้อเล่นอย่างแน่นอน”
เวลานี้ เจียงเฟิงก็ยืนดูอย่างตาค้าง ไม่อยากเชื่อในสิ่งที่เกิดขึ้น
นั่งลงบนเก้าอี้อย่างตัวแข็ง และไม่พูดไม่จาอยู่สักพัก
คงจะถูกหวังเยียนหรันทำให้โมโห จนได้แต่ถอนหายใจยาวๆ!
หลังจากนั้น น้ำเสียงของหวังเยียนหรันก็เต็มด้วยอารมณ์ความรู้สึก ท่องออกมาอย่างช้าๆว่า
“เมฆาดุจอาภรณ์บุปผาดั่งรูปโฉม”
“ลมวสันต์พัดผ่านรั้ว เม็ดน้ำค้างปรากฏกาย”
สีหน้าเจียงเฟิงเปลี่ยนแปลงอย่างเห็นได้ชัด!
ทุกคนก็ได้แต่อ้าปากค้าง!
หมดความสงสัยแล้ว!
แค่สองประโยคนี้ ต้องเป็นผลงานของท่านอ๋องอย่างไม่ต้องสงสัย!
มีแต่ท่านอ๋อง แค่อ้าปากก็ทำให้ประหลาดใจ!
หวังเยียนหรันนึกถึงบรรยากาศในคืนนั้นที่ท่านอ๋องแต่งกลอนให้ตนเอง เวลานั้นก็ทำให้สมองคิดอะไรไม่ออก จากนั้นก็ค่อยๆอ่านอีกสองประโยคถัดไป
“หากมิใช่พานพบที่ภูผาหยก”
“คงเป็นใต้แสงจันทรา ณ บึงเหยา ที่พบพาน”
หลี่หลาง เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง?
โห่!
ทุกคนในงานพากันเงียบสนิท เสียงทุกอย่าง เหมือนมีใครมาแย่งชิงไปอย่างลับๆ!
กลอนดี!
กลอนดีจริงๆ!
เป็นบทกลอนกวีนิรันดร์!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชาย(ไม่)เอาถ่าน
เนื้อเรื่องสนุกคับ...แต่ก็รำคาญพระเอกอยุู่พอสมควรเจ้าชู้เกินกินพื้นที่หักเหลี่ยมเฉือนคมเยอะไปหน่อยน่าจะเป็นทุกเรื่องมั้งที่ผู้ชายเดินเรื่อง...
เชี่ยไรเนี่ย เติมเงินแต่อ่านไม่ได้สักบท...
กดปลดล็อคไม่ได้เติมเงินแล้ว แย่มาก...
737 ปลดล็อกแล้วอ่านไม่ได้...
736 ผมปลดล็อคแล้ว อ่านไม่ได้...
เขียนต่อเถอะครับ รอนานแล้ว...
ตอน 706 มีหรือยัง...
อยากอ่านต่อครับ ผู้เขียนไม่สบายหรือเปล่าครับ...
ขอบคุณมากนะคะ ที่ให้อ่านฟรี สนุกมากค่ะ สั่งซื้อกางเกงใน GQ ไป 3 ตัวแล้วค่ะ สนับสนุนโฆษณา ที่ได้อ่านค่ะ...
เดินเรื่องได้เต่ามากๆ...