จี้จงชิงพยักหน้า แล้วพูดว่า
“ถูกต้องแล้ว ความจริงเป็นเช่นนั้น แต่ก็ไม่เชิง จริงอยู่ที่คราวนั้นเจิ้นเป่ยอ๋องนำทัพไปจับพวกกบฏในจวนอ๋องสามในตอนท้าย อย่างไรก็ตาม ท้ายที่สุดแล้วพวกเขาก็เป็นพี่น้องแท้ๆ กัน อีกอย่างเจิ้นเป่ยอ๋องและท่านอ๋องสามในเวลานั้นมีความสัมพันธ์ที่ดีมาก ดียิ่งกว่ากับฝ่าบาทเสียอีก ด้วยเหตุนี้ เจิ้นเป่ยอ๋องจึงวางแผนว่าจะขังท่านอ๋องสามไว้ในคุกหลวงเสียก่อน และขอให้ฝ่าบาทสอบสวนการก่อกบฏให้ชัดเจนเสียก่อนค่อยตัดสินพระทัย แต่ปรากฏว่า...”
หลี่จุ่นเม้มปาก แล้วพูดว่า “ปรากฏว่า ข้าเดาว่าฝ่าบาทไม่ทรงยอมจึงสั่งประหารชีวิตหลี่ตังเทียนและพวกพ้องของเขาทันที”
จี้จงชิงนิ่งเงียบ ถอนหายใจก่อนจะพูดต่อว่า
“หลังจากนั้น เจิ้นเป่ยอ๋องก็วิวาทกับฝ่าบาทครั้งใหญ่ ประจวบกับมีโจรปล้นทางตอนเหนือและแคว้นต่างๆ ก่อจลาจล เจิ้นเป่ยอ๋องจึงนำทัพขึ้นทางเหนือเพื่อปราบโจรและต้านทานศัตรูที่แข็งแกร่ง และได้ตั้งรกรากอยู่ชายแดนทางตอนเหนือนับแต่นั้นเป็นต้นมา...”
“นั่นก็หมายความว่าเจิ้นเป่ยอ๋องไม่พอใจฝ่าบาทมานานแล้ว และต้องการตรวจสอบคดีของหลี่ตังเทียนในคราวนั้นให้ชัดเจนมาตลอด?” หลี่จุ่นถาม
จี้จงชิงพยักหน้า แล้วพูดว่า “น่าจะประมาณนั้นแหละ”
หลี่จุ่นเข้าใจในฉับพลัน
ที่แท้ก็เป็นอย่างนี้นี่เอง
ถ้าตนเป็นเจิ้นเป่ยอ๋องก็คงรู้สึกแค้นใจเหมือนกัน เพราะนั่นเป็นพี่น้องแท้ๆ ของตนเอง เขายังไม่ทันรู้ชัดเห็นแจ้งอันใดเลยด้วยซ้ำก็ถูกคนอื่นฆ่าตายเสียก่อน...
หลี่จุ่นกินไปดื่มไป จู่ๆ ก็ถามว่า
“เอ่อ ข้าอยากรู้ว่าเหตุใดหลี่ตังเทียนจึงก่อกบฏ ข้ารู้ว่าเขาต้องการขึ้นครองบัลลังก์ และก็รู้ว่าเขาเคยเป็นว่าที่จักรพรรดิ แต่ข้ารู้สึกว่ายังมีบางอย่าง... ซ่อนเร้นอยู่”
จี้จงชิงพูดอย่างเปิดเผยว่า
“ถูกต้องแล้ว ท่านอ๋องสามเคยเป็นว่าที่จักรพรรดิ สาเหตุที่เขาก่อกบฏนั้น จริงๆ แล้วก็เกี่ยวข้องกับการถูกปลดจากตำแหน่งว่าที่จักรพรรดินี่แหละ”
“เหตุใดจึงถูกปลดจากตำแหน่ง” หลี่จุ่นรู้สึกสนใจขึ้นมาทันที
จี้จงชิงพูดว่า “ท่านรู้หรือไม่ว่า ไม่ว่าจะในรัชสมัยก่อนหรือสมัยฮ่องเต้ไท่จูหรือแม้แต่สมัยฮ่องเต้เกาจู ใครคือศัตรูตัวฉกาจที่สุดของราชวงศ์อู่ของเรา”
หลี่จุ่นพยักหน้า “รู้ แคว้นฉู่น่ะสิ”
เขายังรู้ด้วยว่าในรัชสมัยก่อน ยอดขุนศึกแห่งยุคอย่างซุนเฟิงเคยนำทัพไปปราบแคว้นฉู่ แต่สุดท้ายก็พ่ายแพ้
เรื่องนี้ยังเป็นที่น่าเสียดายจนกระทั่งถึงสมัยราชวงศ์อู่
“แต่เรื่องนี้เกี่ยวกับแคว้นฉู่อย่างไร” หลี่จุ่นถามต่อ
จี้จงชิงรินสุราให้หลี่จุ่น จากนั้นเล่าต่อว่า
“สิ่งสำคัญอยู่ที่ทัศนคติที่มีต่อแคว้นฉู่ คราวนั้นฮ่องเต้เกาจูทรงชรามากแล้วและเตรียมที่จะให้องค์รัชทายาทขึ้นครองบัลลังก์ ซึ่งก่อนหน้านั้นฮ่องเต้เกาจูต้องการทดสอบความสามารถทางการเมืองและการทหารของพระราชโอรสทั้งหลาย อืม ท่านก็เคยเผชิญมาแล้ว ขณะทดสอบเรื่องสำคัญของบ้านเมือง ฮ่องเต้เกาจูถามเหล่าองค์ชายว่าคิดเห็นอย่างไรกับปัญหาของแคว้นฉู่”
จี้จงชิงพยักหน้า
หลี่จุ่นดื่มเหล้าจนหมดในอึกเดียวจากจิตใต้สำนึก แล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า
“พูดเลยว่า หากเทียบกับฮ่องเต้องค์ปัจจุบัน หลี่ตังเทียนต่างหากที่กล้าหาญและน่ายกย่องจริงๆ”
จี้จงชิงไม่พูดอะไร เพียงชำเลืองมองหลี่จุ่น
ท่าทางเหมือนกำลังพูดว่าก็พ่อของเจ้า เจ้าก็ต้องพูดเช่นนี้อยู่แล้ว
หลี่จุ่นกลับถอนหายใจ แล้วพูดว่า
“แต่ก็น่าเสีย หากพูดถึงการเป็นฮ่องเต้ ฝ่าบาทก็เหมาะสมกว่าจริงๆ”
จี้จงชิงมีสีหน้าประหลาดใจเล็กน้อยทันที
หลี่จุ่นไม่ได้ต่อความยาวสาวความยืด แต่พอจ้องมองจี้จงชิง ดวงตาของเขาพลันดูลึกซึ้งเล็กน้อย แล้วพูดช้าๆ ว่า
“อัครมหาเสนาบดีจี้ ท่านคิดว่าเจิ้นเป่ยอ๋องผู้นี้มีส่วนรู้เห็นในการรวมตัวกันของทั้งสี่แคว้นเพื่อต่อต้านราชวงศ์อู่ในครั้งนี้หรือไม่ ท่านคิดว่าจะรักษาด่านเหิงกู่ได้นานเพียงใด”
จี้จงชิงหน้าถอดสีทันทีที่สิ้นเสียงนี้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชาย(ไม่)เอาถ่าน
เนื้อเรื่องสนุกคับ...แต่ก็รำคาญพระเอกอยุู่พอสมควรเจ้าชู้เกินกินพื้นที่หักเหลี่ยมเฉือนคมเยอะไปหน่อยน่าจะเป็นทุกเรื่องมั้งที่ผู้ชายเดินเรื่อง...
เชี่ยไรเนี่ย เติมเงินแต่อ่านไม่ได้สักบท...
กดปลดล็อคไม่ได้เติมเงินแล้ว แย่มาก...
737 ปลดล็อกแล้วอ่านไม่ได้...
736 ผมปลดล็อคแล้ว อ่านไม่ได้...
เขียนต่อเถอะครับ รอนานแล้ว...
ตอน 706 มีหรือยัง...
อยากอ่านต่อครับ ผู้เขียนไม่สบายหรือเปล่าครับ...
ขอบคุณมากนะคะ ที่ให้อ่านฟรี สนุกมากค่ะ สั่งซื้อกางเกงใน GQ ไป 3 ตัวแล้วค่ะ สนับสนุนโฆษณา ที่ได้อ่านค่ะ...
เดินเรื่องได้เต่ามากๆ...