องค์ชาย(ไม่)เอาถ่าน นิยาย บท 613

“ฮ่า ๆ ๆ!”

จงจื่อหนิงรู้สึกว่าตัวเองได้ต่อสู้ในศึกใหญ่ที่สนุกสนานที่สุด เขาบุกเข้าไปตัดศีรษะของผู้นำทัพศัตรูฮูเถี่ยถูอย่างกล้าหาญ!

ช่างเป็นวีรกรรมที่ยิ่งใหญ่เกรียงไกรจริง ๆ

ในขณะที่จงจื่อหนิงกำลังมีความสุขกับตัวเอง เขาก็ชื่นชมหลี่จุ่นอย่างมาก เพราะหลี่จุ่นเคยพูดกับเขาว่าถ้าจะจับขโมยก็ต้องจับกษัตริย์ให้ได้!

ดังนั้น เขาจึงคิดถึงคำพูดนี้และบุกเข้าไปที่นี่เพื่อตัดศีรษะของฮูเถี่ยถู!

“ท่านจอมทัพช่างสมกับเป็นจอมทัพจริง ๆ เป็นที่น่าชื่นชมอย่างยิ่ง!” จงจื่อหนิงพูดด้วยรอยยิ้ม

รอยยิ้มนี้ทำให้เถี่ยกู่ที่ซ่อนตัวอยู่ใต้เตียงตกใจจนคลานออกมา เถี่ยกู่ร้องตะโกนอย่าฆ่าข้า แล้วก้มคำนับยกมือไหว้ต่อหน้าจงจื่อหนิง

กระดูกอ่อนราวกับทำจากโคลนและน้ำ

จงจื่อหนิงฟังไม่เข้าใจว่าเขากำลังตะโกนบ้าบออะไร แต่เขาก็นึกออกทันทีว่าเคยรบกับคนผู้นี้มาก่อน เมื่อครั้งแรกที่เขาบุกวังหลวง แต่เขาก็ไม่ได้สู้กับคนผู้นี้ที่ศึกใหญ่ในเมืองนานแล้วไม่ใช่หรือ

สุดท้ายการร่วมมือกับอาหยวนก็ทำให้แขนของเขาบาดเจ็บข้างเดียวแค่นั้น และในที่สุดก็ไม่สามารถจัดการเขาได้

ตอนนี้เมื่ออีกฝ่ายปรากฏตัวต่อหน้า จงจื่อหนิงจึงปล่อยไว้ไม่ได้ และถือทวนเพื่อจะแทงเขา!

เถี่ยกู่รู้สึกหวาดกลัวมากยิ่งขึ้นเมื่อเขาจำจงจื่อหนิงได้ เป็นแม่ทัพผู้นี้จริง ๆ ชายผู้นี้ที่เกือบจะหักแขนของเขาในวันนั้น!

ช่างเป็นคนที่น่ากลัวจริง ๆ!

เขาก้มศีรษะค้างไว้ หลับตาปี๋ โดยไม่สนใจอะไรทั้งสิ้นอีก!

จงจื่อหนิงผงะไปเมื่อเห็นเถี่ยกู่เอาแต่ก้มศีรษะ เขาค่อย ๆ เลิกทวน เหลือบมองหมอที่อยู่รอบ ๆ หวาดกลัวจนตัวสั่น แล้วถามขึ้น

“มีใครฟังภาษาราชวงศ์อู่ได้บ้างหรือไม่ มาช่วยหน่อย ถ้าไม่มีใครเข้าใจ ข้าจะฆ่าพวกเจ้าให้หมด!”

ถึงปากจะพูดว่าฆ่าแต่จงจื่อหนิงก็ไม่ได้คิดจะฆ่าจริง เขาแค่ทำให้คนที่รู้ภาษาราชวงศ์อู่กลัวก็เท่านั้น หมอชราที่เกือบจะเป็นไม้ใกล้ฝั่งเข้าไปทุกทีรีบลุกขึ้นยืนและตะโกนออกมา

“ท่านแม่ทัพ ข้าเข้าใจ ข้าเข้าใจ!”

จงจื่อหนิงรู้สึกดีใจขึ้นมาทันทีและมองไปที่ชายชรา ภาษาราชวงศ์อู่ของชายชราฟังดูไม่รื่นหูอยู่เล็กน้อย อาจจะดูไม่เหมือนมาจากโรงเรียนประถม แต่ก็ฟังดูไม่เหมือนคนที่โตมาในราชวงศ์อู่ ซึ่งอาจจะต้องเรียนให้จบในภายหลัง

อย่างไรก็ตาม เมื่อทำหน้าที่ล่ามอย่างเพียงพอแล้ว

จงจื่อหนิงก็ยิ้มและพูดว่า

“เอาล่ะ เจ้าบอกเขาว่า ถ้าร่วมมือกับข้า ข้าก็จะไม่ฆ่าเขา!”

ชายชรารีบแปลอย่างรวดเร็ว

เมื่อเถี่ยกู่ได้ยินอย่างนั้น ก็รีบพยักหน้าอย่างหนักทันที

ถนนหลวงที่มุ่งสู่ด่านเหิงกู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือนั้นรกร้างมาก บนถนนไม่มีแม้แต่โรงเตี๊ยมหรือบ้านเรือนสักหลังเลยด้วยซ้ำ

นอกจากถนนแล้วยังมีภูเขาและภูเขาหัวโล้น

และบางครั้งก็มีพายุทราย

ถ้าหากมีโรงรับจำนำอยู่ใกล้ ๆ หรือแม้แต่บ้านเรือนสักหลัง เกรงว่าเสื้อผ้าบนตัวและดาบในมือคงถูกจำนำไปนานแล้ว

หลี่จุ่นให้อาหารและน้ำแก่พวกเขาเพียงวันเดียว พวกเขาจึงประหยัดกินและดื่มในเวลาสามวัน ในใจคิดพึ่งพาทักษะและความสามารถของเขาทั้งสองล่าสัตว์เป็นอาหารในระหว่างทาง ซึ่งน่าจะพอประทังความหิวตลอดทางจนถึง ด่านเหิงกู่ได้

ผลลัพธ์น่ะหรือ

ไม่ต้องพูดสัตว์ที่ล่า แม้แต่นกสักตัวก็ยังไม่เห็นเลยด้วยซ้ำ ถนนเส้นนี้มันคือทะเลทรายโกบีชัด ๆ!

ถ้าพวกเขาไม่ได้หญ้ามาประทังความหิวเป็นครั้งคราว พวกเขาก็คงจะสับกันด้วยมีดเพื่อให้มีชีวิตรอดต่อไป

ยังมีอะไรแย่กว่านี้อีกหรือไม่

ที่แย่ไปกว่านั้นคือพวกเขารู้สึกเหมือนหลงทาง เดินมาหลายวันแล้วก็ยังวนอยู่แต่ในทะเลทรายโกบี

ตอนนี้กลับโชคร้ายยิ่งกว่า ไม่คิดเลยว่าจะมาโดนโจรแบบนี้

“เจ้าเป็นใคร กล้าดีอย่างไรมาทำกับข้าแบบนี้ พวกเจ้ารู้หรือไม่ว่าเราสองคนเป็นใคร!”

หลิวเซิ่งเปิดปากพูดอย่างอารมณ์เสีย และแสดงอำนาจต่อพวกคนเหล่านี้

ผลคือถูกเตะกระเด็นไปด้านหลัง และถูกเหยียบลงกับพื้น!

หลังจากมีเสียงหัวเราะเยาะ ก็มีคนพูดว่า

“พวกข้าก็ไม่ต้องการชีวิตของเจ้าทั้งสองเช่นกัน ข้ารับคำสั่งให้มาถามอะไรบางอย่างพวกเจ้า หากให้ความร่วมมือก็จะเป็นการดี แต่ถ้าหากไม่...พวกข้าจะฆ่าพวกเจ้าแทน!”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชาย(ไม่)เอาถ่าน