องค์ชาย(ไม่)เอาถ่าน นิยาย บท 624

จงจื่อหนิงออกไปแล้ว

เขานำภาพวาดไปคืนให้หลี่จุ่น ชายหนุ่มผู้อยู่ในกระโจมจอมทัพถือภาพวาดเหมือนนั้นมองดู เมื่อครุ่นคิดไปถึงเสิ่นจิงหง เขาก็ทอดถอนใจออกมา

เขาเองก็คิดไม่ถึงว่าความสัมพันธ์ระหว่างเขากับหญิงสาวผู้นี้จะเปลี่ยนไปได้มากถึงเพียงนี้ ทั้งที่ตอนแรกนางยังมองตนเองด้วยท่าทีดูแคลน สุดท้ายพอหลี่เจิ้งพระราชทานสมรสให้แต่งงานกัน ทั้งสองคนก็ได้เป็นสามีภรรยาหนึ่งคืน

แล้วยังได้จุมพิตกันอีกด้วย

เป็นหนึ่งในหญิงสาวไม่กี่คนที่ได้มีท่าทีสนิทสนมกับเขา

เมื่อเห็นภาพวาดเหมือนของเสิ่นจิงหง ภายในใจหลี่จุ่นก็เกิดคิดถึงขึ้นมายิ่งนัก

อาหยวนเดินเข้ามาจากภายนอก เมื่อนางมองเห็นหลี่จุ่นถือภาพเหมือนของเสิ่นจิงหงไปทอดถอนใจไป หญิงสาวก็รู้สึกไม่สบายใจขึ้นมา

ทว่า เมื่อคิดได้ว่าตนเองต่างหากคือคนที่เข้ามาแทรกกลาง ก็รู้สึกผิดขึ้นมาเล็กน้อย

“ท่านจอมทัพ ยังไม่เจอเบาะแสของแม่นางเสิ่นหรือเจ้าคะ” หญิงสาวรู้ดีถึงเรื่องที่จงจื่อหนิงทลายกองโจรเพื่อตามหาเสิ่นจิงหง

หลี่จุ่นส่ายหน้าแล้วม้วนภาพวาดเก็บอย่างดี ก่อนจะเอ่ยขึ้น

“เจ้าเด็กซื่อบื้อนี่ ดูท่าแล้วคงไปที่เมืองหลวงเตรียมปล้นคุกหลวงจริง ๆ แล้วละ”

อาหยวนรีบเอ่ยขึ้นทันที

“เช่นนั้นก็แย่สิเจ้าคะ องค์หญิงเคยบอกไว้ว่าการปล้นคุกหลวงมีโทษถึงชีวิต หรือต่อให้ทำไม่สำเร็จ โทษที่ได้รับก็หนักหนายิ่งนัก”

ครั้งนั้นตอนที่หลี่จุ่นถูกขังในคุกหลวง นางกับฉิงเอ๋อร์เคยปรึกษากันว่าจะแอบเข้าไปช่วยหลี่จุ่นออกจาคุกหลวงดีหรือไม่ แต่หลี่เหวินจวินกลับสั่งห้ามทันที

องค์หญิงใหญ่บอกว่าการปล้นคุกหลวงนั้นมีโทษประหาร แม้ว่าตัวนางเองจะเป็นองค์หญิงใหญ่ แต่ก็จะต้องโดนลงโทษหนักเช่นกัน โทษสถานหนักถึงตาย โทษสถานเบาคือการถูกถอดยศ ทำให้อาหยวนรู้ดีว่าผลลัพธ์ของการปล้นคุกหลวงนั้นคืออะไร

คราวนี้หากเสิ่นจิงหงคิดจะไปปล้นคุกหลวงจริง ๆ เช่นนั้นหากเสิ่นคั่วคิดจะช่วยนางก็คงต้องพยายามเป็นอย่างมากทีเดียว !

เพราะนี่คือการท้าทายต่อกฎหมายของราชวงศ์อู่และพระราชอำนาจของฮ่องเต้

เมื่อสองสิ่งนี้รวมกันก็มีแต่โทษตายเท่านั้น !

เพียงอาหยวนเอ่ยปากนางก็รู้ได้ว่าตัวเองน่าจะใช้คำผิดไป จึงรีบเอ่ยขึ้น

“ท่านอย่าได้กังวลจนเกินไปนักเลย แม่นางเสิ่นเองก็เป็นคนที่รู้ผิดชอบชั่วดี ไม่ทำอะไรบุ่มบ่ามเช่นนี้เป็นแน่ อีกอย่าง มีเสิ่นไท่ฟู่อยู่ทั้งคน ไม่มีทางปล่อยให้นางไปปล้นคุกหลวงได้แน่นอน”

หลี่จุ่นพยักหน้าพลางถอนใจ แล้วเอ่ยขึ้น

“หวังว่านะ”

อาหยวนพยักหน้า ค่อย ๆ เดินมาโอบเอวของหลี่จุ่นไว้ด้วยความอ่อนโยน

หลี่จุ่นลูบคลำใบหน้าที่งดงามของหญิงสาวอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดขึ้น

“อาหยวน เจ้าไปเรียกกุนซือมาเถิด เรื่องสงครามทางชายแดนเหนือต้องรีบจัดการให้เรียบร้อยจึงจะดี”

“อืม เจ้าค่ะ” อาหยวนพยักหน้ารับคำอย่างว่าง่าย แล้วรีบออกไปเรียกหลินชิงทันที

......

“วันหน้าหากต้องการสิ่งใด ก็ขอให้มาบอกลุงที่เผ้าประตูห้องในจวนของพี่สี่ ลุงที่หน้าประตูห้องจะบอกพี่สี่เอง ไม่ต้องมาเข้าฝันพี่สี่หรอกนะ เจ้าก็รู้ว่าพี่สี่กลัวคนที่ตายไปแล้วอย่างพวกเจ้าเป็นที่สุด ยกโทษให้พี่เถอะ ไว้วันหลังพี่สี่จะเอานิยาย ‘ห้องสิน’ เล่มใหม่มาให้เจ้า”

เมื่อเผาเสร็จ องค์ชายสี่ก็บอกลากับน้องเจ็ดของตนเองที่ตายไปแล้วเดินออกมา

ท่านเมิ่งและเหล่าองครักษ์ต่างก็รีบเดินตามออกมาทันที

องค์ชายสี่เหลือบมองท่านเมิ่งอยู่ครู่หนึ่งแล้วก็พูดขึ้น

“เหตุใดท่านเมิ่งจู่ ๆ ถึงมาได้เล่า”

ท่านเมิ่งจึงเอ่ยด้วยรอยยิ้มทันที

“แน่นอนว่าข้าต้องนำข่าวล่าสุดมาให้ท่านอ๋องน่ะสิ”

“ชายแดนเหนือน่ะหรือ ?”

ท่านเมิ่งพยักหน้ารับแล้วเอ่ยขึ้น “จากการรายงานของสายสืบทางเหนือเรา จี้จงชิงได้คิดค้นอาวุธที่ร้ายแรงขึ้นชนิดหนึ่ง เพียงแต่ใส่ลงไปในไหเหล้าเล็ก ๆ ก็สามารถระเบิดฝ่ายศัตรูจนตายได้”

“หืม ?”

เมื่อองค์ชายฟังแล้วถึงกับขมวดคิ้วขึ้นมาแล้วเอ่ยขึ้น “มีเรื่องเช่นนี้ด้วยหรือ”

ท่านเมิ่งพยักหน้ารับแล้วพูดขึ้นต่อ “คนของเราอยู่ในเหตุการณ์ตอนที่ใช้อาวุธชนิดนี้ เห็นกับตาว่าเพียงแค่ไหเหล้าเล็ก ๆ ก็สามารถระเบิดกองทัพของอีกฝ่ายให้แตกกระเจิง เลือดกระเซ็นไปทั่ว... น่ากลัวยิ่งนัก !”

ยิ่งได้ฟัง องค์ชายสี่ก็ยิ่งขมวดคิ้วหนักขึ้นก่อนจะเอ่ยถามออกมา “เช่นนั้นท่านเมิ่งมาครั้งนี้เพื่อสิ่งใดกันหรือ ?”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชาย(ไม่)เอาถ่าน