องค์ชาย(ไม่)เอาถ่าน นิยาย บท 690

“เหตุใดใต้ตีนเขาจึงได้มีกองทัพเจิ้นเป่ยเยอะถึงเพียงนี้เล่า ?”

หม่าหยวนฮั่นที่เดินโวยวายเข้ามาก็เจอเข้ากับภาพอันชวนให้เขินอายนี้เข้าพอดี เขาถึงกับนิ่งอึ้งไปแล้วรีบหันหลังกลับ

ส่วนผู้นำสี่ที่นั่งคุกเข่าอยู่ต่อหน้าหลี่จุ่นนั้นเกิดเขินอายจนหน้าแดงไปหมด มือที่ขาวนวลซึ่งถือช้อนอยู่ของหญิงสาวก็ถึงกับสั่นระริกขึ้นมา

ส่วนหลี่จุ่นนะหรือ... หน้าชาทันที !

บ้าเอ๊ย !

เหตุใดเจ้าหมอนี่จึงเข้ามาโดยไม่เคาะประตูกันเล่า ?

ถึงได้ปล่อยให้เขามองเห็นสภาพที่กำลังเคลิบเคลิ้มของตนเองเช่นนี้ได้...

บ้าจริง ข้าละอับอายขายหน้าไปถึงดวงจันทร์เสียแล้ว !

หลี่จุ่นเอามือปิดหน้า

เมื่อผ่านไปชั่วครู่หนึ่ง

เขาจึงค่อยเดินตามหลังผู้นำสี่ที่ดูตื่นตกใจราวกับหนีตายออกมาด้วยสีหน้าที่ไร้ซึ่งอารมณ์

หม่าหยวนฮั่นที่นั่งอยู่ในเรือน เมื่อเห็นว่าหลี่จุ่นเดินออกมาแล้วก็เงยหน้าขึ้นมองฟ้า ผิวปากขึ้นทันที

คล้ายกับว่าเขาเองก็รู้สึกกระอักกระอ่วนขึ้นมาบ้างเช่นกัน

หลายวันมานี้ไม่ว่ามีอะไรเขาก็จะเคาะประตูก่อนเข้าไปเสมอ

วันนี้เป็นเพราะว่าตกใจจริง ๆ ถึงได้ผลักประตูเข้าไปเลย แต่คิดไม่ถึงว่าเขาจะได้เห็นภาพอันน่าเหลือเชื่ออยู่ตรงหน้าเช่นนี้เสียได้...

พวกคุณชายนี่รู้จักเล่นสนุกจริง ๆ เสียด้วยสิ...

ต่อให้มาถึงทางเหนือเช่นนี้... ความชอบพรรค์นี้ก็ยังไม่หายไปอีก

เกรงว่าก่อนหน้านี้ตอนที่อยู่ในค่ายทหารของชายแดนเหนือ สาวรับใช้ที่หน้าตาดูดี ฝีมือต่อสู้ก็เยี่ยมผู้นั้นคงรับใช้เขาเช่นนี้อยู่เช่นกันกระมัง...

เฮ้อ คนหน้าตานี่มันช่างดีจริง ๆ

บุคคลที่อยู่จุดสูงสุดของยุทธภพ มีชื่อเสียงขจรไกลไปทั่วหล้า ไม่ว่าไปที่ใดก็มีคนเล่าขานเรื่องราว ซ้ำยังมีวรยุทธ์ที่สูงส่งอย่างหม่าหยวนฮั่น ครั้งนี้เมื่อเห็นเหตุการณ์เหล่านี้ก็อดนึกขึ้นมาไม่ได้

“พี่หม่า ตื่นเช้าขนาดนี้เชียวหรือ”

หลี่จุ่นเมื่อผ่านช่วงเวลาแห่งความอับอายมาได้แล้ว เขาก็ทำสีหน้าเรียบเฉยได้ในทันที

ตัวเขาเองนั้นคอยรักษาภาพลักษณ์เป็นการเป็นการเมื่ออยู่ต่อหน้าหม่าหยวนฮั่นเสมอ แต่ภาพลักษณ์เหล่านี้กลับถูกทำลายจนสิ้นไปเมื่อเช้า... วันหน้าจะวางตัวอย่างไรต่อหน้าคนคนนี้ดีเล่า ?

หมอนี่เป็นถึงยอดยุทธ์แห่งยุทธภพเชียวนะ แล้วจะบอกให้เขาทำงานให้ตัวเองอีกได้อย่างไรกัน ?

ความลึกลับและความน่าเชื่อถือที่ตัวเองอุตส่าห์รักษาเอาไว้ มลายหายไปในพริบตา

ไม่แน่ว่าตอนนี้หมอนี่อาจจะนึกด่าตัวเขาอยู่ในใจว่าเป็นพวกลามกก็เป็นได้...

“อ้อ อรุณสวัสดิ์ อากาศดีเหมือนกันนะ ฝนน่าจะไม่ตกหรอก”

หม่าหยวนฮั่นหยักหน้า เอ่ยขึ้นด้วยเสียงเรียบ

“อืม ฝนต้องไม่ตกเป็นแน่”

เพราะคนเบื้องล่างนั้นย่อมเป็นทัพหลักของกองทัพเจิ้นเป่ยหนึ่งแสนนายที่นำพลโดยหวังเซิ่งเป็นแน่ !

“ขอรับท่านจอมทัพ !”

จูเหล่าซานนึกเสียดายอยู่ไม่น้อยที่โอกาสในการสร้างผลงานหายไป

หม่าหยวนฮั่นจึงรีบเอ่ยขึ้นทันที “จริงสิ ทัพใหญ่ของหวังเวิ่งนี่มาจากที่ใดกัน เหตุใดจู่ ๆ ถึงมาอยู่ที่นี่ได้ ?”

ที่เมื่อครู่เขาตื่นตกใจก็เป็นเพราะเรื่องนี้

เมื่อคืนนี้หลี่จุ่นบอกว่าเพียงเช้าตรู่ก็จะรู้ได้ เขายังนึกว่าหลี่จุ่นบอกปัดไปเช่นนั้นเอง แต่คิดไม่ถึงว่าพอเช้าตรู่มา เพียงมองออกไปด้านนอกก็เห็นทัพใหญ่ที่พากันมาตั้งทัพอย่างเอิกเกริก

หม่าหยวนฮั่นถึงกับตกตะลึงทันที ลืมกระทั่งการเคาะประตูก่อนเปิดแล้วบุกเข้าไปจนได้เห็นภาพที่น่าอิจฉานั้นเข้าให้

จูเหล่าซานเองก็สนใจขึ้นมาในทันทีเช่นกัน

เขาเองก็แปลกใจว่าทัพใหญ่นี้มาจากที่ใดกันแน่

หลี่จุ่นเหลือบมงดูหม่าหยวนฮั่นแล้วเอ่ยด้วยรอยยิ้ม

“พี่หม่า เรื่องนี้เดายากด้วยหรือ ? ก่อนนี้ข้าส่งพวกเขาไปที่ด่านเฟิงเป่ยมิใช่หรืออย่างไร ? ท่านเห็นหรือไม่ว่าจากที่นี่ไปถึงด่านเฟิงเป่ยนั้นยังมีอีกทางหนึ่งอยู่ ข้าก็ให้พวกเขากลับมาจากทางนั้นนั่นละ”

หม่าหยวนฮั่นฟังแล้วถึงกับตกตะลึงขึ้นมา

ถึงแม้เขาจะคาดการณ์เอาไว้บ้างแล้ว แต่ก็ยังอดตกใจไม่ได้อยู่ดี

เรื่องแบบนี้ ใครมันจะไปทันคิดได้ล่ะ ?

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชาย(ไม่)เอาถ่าน