ชั่วโมงต่อมา...
หลังจากที่ทานอาหารเสร็จ ลูคัสก็เรียกภาคินเข้าไปคุยที่ห้องทำงาน ส่วน วรันยาก็ถูกดาหลาและกังศมาชวนไปคุยต่อที่นั่งเล่น กระทั่งเวลาล่วงเลยเข้าสู่สามทุ่มครึ่ง ก็แยกย้ายกันไปพักผ่อน เพราะพรุ่งนี้ต้องเตรียมตัวไปบ้านของอัสลาน ไคล์ แต่เช้า
เช้าวันต่อมา...เวลา 09:09 น.
วรันยาเดินทางไปร่วมงานหมั้นที่จัดขึ้นอย่างเรียบง่าย โดยมีผู้ใหญ่จากตระกูลไคล์และซานเตียนโน่ พูดคุย รับประทานอาหารและดื่มสังสรรค์กันด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม ในขณะที่คาร่าเอาแต่ทำหน้าเคร่งเครียดจนเธอรู้สึกสงสาร
“เธอโอเคไหม?” วรันยาถามเมื่อมีโอกาสได้อยู่กับเพื่อนสองต่อสอง
“ไม่โอเคแล้วทำอะไรได้ล่ะ เฮ้อ...” คาร่าบอกพร้อมกับถอนหายใจอย่างเซ็งๆ ขณะเดียวกันก็อดแปลกใจไม่ได้ว่าเหตุใดภัคคินัยถึงเอาแต่นิ่งเฉย ราวกับว่าเรื่องหมั้นหมายที่เป็นสัญญาผูกมัดระหว่างเธอกับเขานั้นไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไร
“สรุปเรื่องราวเป็นมายังไง? พี่นัยเขา เอ่อ...”
“ไม่! เราไม่ได้มีอะไรกัน แต่ผู้ใหญ่ไม่เชื่อ” คาร่าบอกความจริงพร้อมกับถอนหายใจทิ้งอีกครั้ง
“แล้วทำไมเธอถึงไปนอนกับพี่นัยที่โรงแรม?” วรันยาอยากรู้สาเหตุ
คาร่าหันซ้ายหันขวาแล้วรีบดึงแขนเพื่อนสาวหลบมุมเข้าไปคุยเรื่องที่ได้พบเจอกับภัคคินัยมาเมื่อคืน “เรื่องทั้งหมดมันเป็นเพราะ...บลาๆๆๆ”
วรันยาได้ฟังถึงกับขนลุกซู่ขึ้นมาทั้งตัว ไม่คิดว่าเรื่องแบบนี้จะมีอยู่จริง
อีกมุมหนึ่งของงานหมั้น...
“ไง! ติดใจน้องทอมเข้าแล้วสิ” ภาคินเอ่ยแซวแฝดผู้น้อง หลังเห็นอีกฝ่ายนั่งจิบไวน์ด้วยท่าทีไม่ทุกข์ร้อนอย่างที่ควรจะเป็น
“บ้า! คาร่าไม่ใช่ทอมสักหน่อย” ภัคคินัยรีบแก้เพราะไม่อยากให้อีกฝ่าย ถูกเข้าใจผิดๆ
“แหม...พิสูจน์มาแล้วสินะ” ภาคินแซวต่ออย่างอดไม่ได้
“เลอะเทอะน่าคิน เรื่องมันไม่ใช่อย่างที่ทุกคนเข้าใจหรอก” ภัคคินัยส่ายหน้ากับคำถามที่หากเป็นคนอื่นถาม ป่านนี้คงได้ลงไปนอนนับดาวอยู่บนพื้น
“ก็แล้วพาไปนอนด้วยทำไมวะ?”
“ขอไม่เล่าได้ไหม”
“ตามใจ! แต่รู้ใช่ไหมว่ากำลังทำอะไรอยู่” ภาคินเอ่ยเตือน
“อืม! รู้สิ ว่าแต่แกเถอะได้ข่าวว่าจะขอตามไปเที่ยวอังกฤษกับน้องไวน์ ใช่ไหม?” ภัคคินัยเปลี่ยนเรื่องคุย
“ยุ่งน่า! ฉันก็แค่พูดเล่นเท่านั้น” ภาคินกลอกตาอย่างเซ็งๆ หลังถูกย้อนศร
“ยายคงเชื่อ” ภัคคินัยหัวเราะขำๆ กับท่าทีของแฝดผู้พี่ที่คนทั้งบ้านต่าง ก็รู้ว่าแอบชอบวรันยา จะมีก็เพียงแค่มารดาเท่านั้นที่คิดว่าทุกสิ่งทุกอย่างยังคงเป็นเหมือนวันวาน ทั้งๆ มันเปลี่ยนไปตั้งนานแล้ว
“วิวตรงนี้สวยดีว่ะ” ภาคินแสร้งชี้ให้แฝดผู้น้องดู
“หึ! มึงน่าจะไปชวนน้องไวน์มาถ่ายรูปนะ” ภัคคินัยบอกพลางส่ายหน้าเบาๆ
“จริงด้วย! งั้นกูไปหาน้องไวน์ดีกว่า” ภาคินรีบออกเดินไปตามหาสาวเจ้าด้วยสีหน้าระรื่น พลางนึกไปถึงเหตุการณ์เมื่อวานตอนที่ตนเกือบจะได้ลิ้มรสดอกบัว คู่งาม ก็อดอมยิ้มออกมาไม่ได้
สองวันต่อมา...ไร่ไปรยาเวศ
หลังจากที่ผ่านพ้นพิธีหมั้นแบบภายในของคาร่ากับภัคคินัย ลูคัสก็จัดงานเลี้ยงฉลองให้กับบุตรชายฝาแฝดที่คว้าเกียรตินิยมอันดับหนึ่งมาได้ทั้งสองคน อย่างยิ่งใหญ่ โดยมีแขกมากมายเดินทางมาร่วมงานกันอย่างคับคั่ง
“สาวๆ มากันเต็มเลยเนาะ” คาร่าที่เดินทางมาร่วมงานพร้อมกับบิดามารดา หันไปคุยกับเพื่อนสาว
“อืม! เยอะจริงๆ” วรันยากวาดตามองรอบๆ ตัวอย่างรู้สึกอึ้งและหงุดหงิดนิดๆ ที่เห็นสาวๆ พากันจ้องมองไปยังโต๊ะที่ภาคินกับภัคคินัยนั่งอยู่
“สองสาวมาทำอะไรตรงนี้จ้ะ” กังศมาเอ่ยถาม เพราะไม่เห็นวรันยากับคาร่าไปนั่งร่วมโต๊ะกับคนอื่นๆ
“คุณมาร์!!” วรันยากับคาร่าหันกลับไปมองอย่างตกใจ
“ไปนั่งกับยายที่โต๊ะนั้นดีกว่า” กังศมาเอ่ยชวนเพราะแอบเห็นหนุ่มๆ ในงานพากันมองสองสาวจนแทบจะไม่กระพริบตา
วรันยากับคาร่าอมยิ้มก่อนจะเดินตามหลังผู้ใหญ่ไปที่โต๊ะอย่างรู้สึกอึดอัดนิดๆ เพราะไม่ชินกับการอยู่ท่ามกลางผู้คนมากมาย
อนันที่นั่งอยู่โต๊ะถัดไป รีบสะกิดเพื่อนให้หันไปมองสาวที่สวยโดดเด่นที่สุดในงาน “คนนั้นเหรอ ลูกสาวของพ่อเลี้ยงสินชัย”
“เดี๋ยวกูมา” แม่ทัพเห็นท่าทีของเพื่อนรักไม่โอเคจึงรีบลุกตาม
“อืม! ฝากกูให้หน่อยแล้วกัน” ภัคคินัยบอกเพื่อนรัก
“นัย! ถ้าเมื่อครู่พวกฉันพูดอะไรไม่ดีออกไป ฝากขอโทษคินมันด้วยนะ” อนันรีบออกตัวอย่างรู้สึกหวิวๆ
“ไม่ต้องคิดมากน่า” จอมพลตบไหล่ของอีกฝ่ายเบาๆ อย่างปลอบใจ
“บอกตรงๆ ฉันเห็นท่าทีของคินเมื่อครู่แล้วใจคอไม่ดีเลย” อนันบอกด้วย สีหน้าเจื่อนๆ
“ฉัน! ไอ้นัย แล้วก็ไอ้จอม จะเคลียร์ให้ไม่ต้องห่วง” ขุนพันเอ่ยย้ำ
“ขอบใจมากเพื่อน” อนันพยักหน้ารับเบาๆ ยอมรับว่าสีหน้าเอาเรื่องของภาคินเมื่อครู่ ทำเอาหายเมาไปทันทีทันใด
“ไม่เป็นไร เรายังต้องทำธุรกิจร่วมกันอีกนาน” จอมพลตอบก่อนจะสะกิดให้ภัคคินัยยกแก้วขึ้นชนกับ อนัน มานพและอาทิตย์ แล้วเปลี่ยนไปคุยเรื่องงานที่เตรียมจะลงทุนทำร่วมกัน
แม่ทัพที่เดินตามหลังเพื่อนรักมาได้สักพัก เอ่ยเรียก “คิน!”
“แกตามฉันมาทำไม?” ภาคินกลอกตาก่อนจะหันไปถามด้วยสีหน้าเซ็งๆ
“ไอ้พวกนั้นมันก็แค่พูดไปตามประสา เพราะไม่เคยเห็นน้องไวน์มาก่อน บวกกับที่ใครๆ ก็เอาแต่พูดถึงลูกสาวของพ่อเลี้ยงสินชัยว่าสวย พวกมันก็เลยมีอาการอย่างที่เห็น” แม่ทัพให้เหตุผล
“โอเค! กูแค่หงุดหงิดที่มีใครเอ่ยถึงน้องไวน์ให้ได้ยิน” ภาคินยอมรับว่าเมื่อครู่ตนเองอารมณ์ร้อนไปหน่อย
“เอาน่าไม่มีใครกล้าจีบน้องไวน์หรอก อาสินน่ะดุจะตาย”
“อืม! ฉันขอปรับอารมณ์แป๊บ เดี๋ยวจะกลับไป”
“โอเค!” แม่ทัพพยักหน้ารับ แล้วเดินกลับไปที่โต๊ะ
ภาคินหลับตาลงแล้วสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ พอลืมตาขึ้นมาก็เห็น วรันยากำลังเดินตรงไปที่เรือนใหญ่ อารมณ์เดือดๆ ที่กำลังจะสงบก็กลับมาปะทุ ขึ้นมาอีกครั้ง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ภาคิน (ซีรีส์ 3 หนุ่มซานเตียนโน่)