พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 13

“เจ้าลูกสาว วันนี้บ้าไปแล้วหรือไร?”

เมื่อรัฐทายาทผู้เฒ่าได้สติ อดไม่ได้ที่จะเป่าหนวดจ้องตาเขม็งไม่ได้

อันที่จริงแล้วการที่ยกฮูหยินเหลียนเป็นภรรยาที่มีตำแหน่งเท่าเทียมกัน เดิมทีเขาโมโหขณะทะเลาะกับภรรยาเรื่องงานเลี้ยงในเทศกาลหยวนเซียว

ไม่รู้เพราะเหตุใดยิ่งทะเลาะ เรื่องราวก็ยิ่งไปกันใหญ่ กลับทำให้เขาจริงจังขึ้น

“ท่านพ่อก็อายุขนาดนี้ ท่านปู่ยังไม่เอาตำแหน่งในกั๋วกงให้ท่าน ท่านยังไม่ตัวรู้อีกหรือ?”

อวิ๋นหลิงหันไปมองเขา นัยน์ตาเย็นชา

รัฐทายาทผู้เฒ่าสีหน้าดำคล้ำ อวิ๋นหลิงพูดแบบนี้ต่อหน้าเซียวปี้เฉิงและคนอื่น ๆ เขาไม่ขายหน้าหรือไร?

ต่อไปต่อหน้าลูกเขยคนนี้ เขาจะสร้างความน่าเกรงขามของพ่อตาได้อย่างไร!

“ผู้หญิงชั่วร้าย!ข้าจะยกท่านน้าเจ้าเป็นภรรยาที่มีตำแหน่งเท่าเทียมกัน ไม่ใช่เพราะว่านางสอนลูกสาวไม่ได้เรื่องหรือ ให้เจ้าทำเรื่องเช่นนั้นในงานเลี้ยงเทศกาลหยวนเซียว ช่างขายหน้าจวนเหวินกั๋วกงยิ่งนัก!ข้าไม่ได้ลงโทษท่านแม่ของเจ้า ถือว่าเห็นแก่ความสัมพันธ์ของสามีภรรยามาหลายปีแล้ว หากเป็นคนอื่น เกรงว่าคงจะเขียนหนังสือหย่าแล้ว!”

รัฐทายาทผู้เฒ่าตบโต๊ะน้ำชาอย่างหนัก ด้วยความมั่นใจเป็นอย่างมาก

เขาไม่ได้ทําอะไรตามอําเภอใจ หากท่านผู้เฒ่ากั๋วกงถามหาความผิด ก็มีเหตุผลเพียงพอ

นางเฉินหน้าซีดขาว ร่างกายสั่นคลอน ฉู่อวิ๋นเจ๋อเข้าไปพยุงนาง มองไปที่รัฐทายาทผู้เฒ่าด้วยแววตาที่ตกใจ

ตลอดยี่สิบกว่าปี ท่านพ่อไม่เคยพูดกับท่านแม่แรงเช่นนี้มาก่อน วันนี้เกิดอะไรขึ้น?

ฉู่อวิ๋นหานเบ้ปากอย่างมั่นใจ ฉู่อวิ๋นหลิงแข็งขึ้นกว่าเดิม แต่ก็ยังโง่เหมือนเดิม ยังไม่รู้นิสัยของท่านพ่ออีก

นางกระทำเช่นนี้เท่ากับราดน้ำมันลงบนกองไฟ ตอกย้ำความคิดของพ่อขึ้นไปอีก

วินาทีต่อมา เสียงดังในห้องโถงทำให้นางนั้นยิ้มแข็ง

รัฐทายาทผู้เฒ่าตบโต๊ะเสร็จ อวิ๋นหลิงพลิกโต๊ะคว่ำต่อหน้าเขาเลย กาน้ำชากระจัดกระจายเต็มพื้นไปหมด

คนอื่น ๆ ตกใจเป็นอย่างมาก แม้แต่ฮูหยินเหลียนเองก็ควบคุมสีหน้าตัวเองไม่ได้

เซียวปี้เฉิงรู้สึกว่าตัวเองน่าสงสารมาก เขาถูกบังคับให้เฝ้าดูเหตุการณ์บ้านของพ่อตา แม้กระทั่งโต๊ะน้ำชาก็พังแล้ว

จอกน้ำชาในมือก็ไม่มีที่วาง เขาจึงทำได้เพียงถือเอาไว้

อีกทั้งยังร้อนมากด้วย โชคดีที่เขาหนังหนา

“บังอาจ!ข้ากระทำเรื่องผิดนั้นเป็นความผิดของท่านแม่ข้าคนเดียวงั้นหรือ?พ่ออย่างท่านเองก็ยากที่จะปัดความผิดได้ ถ้าหากจะลงโทษ ควรจะไปหาท่านปู่รับโทษโบยสักยี่สิบไม้ คิดย้อนที่สอนลูกสาวเช่นนี้!”

เซียวปี้เฉิงคิดว่า ความหนาของหน้าของอวิ๋นหลิงได้ผลัดเปลี่ยนให้เขาได้รู้จักคนใหม่ในคราแล้วคราเล่า

“ข้ากระทำเรื่องเช่นนั้น ไม่ใช่เพราะว่าท่านภรรยาหลวงกับอนุภรรยาไม่แบ่งแยกกัน เอาแต่โอ๋อนุภรรยา ถ้าท่านใช้เวลาให้เยอะหน่อยและอดทนที่จะสั่งสอนข้า ข้าจะเป็นเช่นนี้ได้หรือ?มิเช่นนั้นใครเห็นต่างก็ชมว่าเป็นลูกสาวตระกูลที่มีชื่อเสียง”

รัฐทายาทผู้เฒ่าถูกหนังหน้าของอวิ๋นหลิงโจมตีจนล้มเหลว โกรธจนแทบจะเป็นลม

“ถ้าหากว่าท่านกล้ายกให้เป็นภรรยาที่มีตำแหน่งเท่าเทียมกัน วันพรุ่งข้าจะรีบเข้าไปฟ้องโทษในวังทันทีให้ฝ่าบาทรู้ว่าการที่ข้าไร้มารยาทเป็นเพราะท่านสอนลูกไม่ได้เรื่อง อีกทั้งยังจะฟ้องว่าท่านโอ๋อนุภรรยาทำลายเมียหลวง จะทำให้หมวกผ้าแพรของท่านไม่ปลอดภัยแน่!”

รัฐทายาทผู้เฒ่าไม่มียศฐาบรรดาศักดิ์ บัดนี้ได้รับตำแหน่งมหาดเล็กห้องเครื่อง ใช้เวลาหลายปีมาก กว่าจะได้เป็นขุนนางระดับสี่

“จากนั้นก็ถือโอกาสพบกับพระพันปี ให้พระองค์มองท่านว่าปฏิบัติต่อลูกสาวของพระองค์อย่างไร!”

การฆ่าอันรวดเร็วของอวิ๋นหลิง รัฐทายาทผู้เฒ่าหมดหนทางไปชั่วขณะ

บัดนี้ถึงแม้ว่านางเฉินจะไม่มีครอบครัวฝ่ายหญิง แต่ทว่าท่านพ่อของนางเป็นบุคคลที่ไม่ธรรมดา ตอนวัยรุ่นเป็นเพื่อนสนิทกับพระพันปี อีกทั้งยังได้เป็นพระอาจารย์ของฮ่องเต้ ฮ่องเต้เจาเหรินพบเห็นยังต้องเคารพซึ่งกันและกัน

นางอ้าปากกำลังอยากจะพูดอะไรนั้น ก็ถูกอวิ๋นหลิงขัดจังหวะอย่างไม่เกรงใจ

“ท่านพ่อกับท่านอ๋องกำลังคุยกัน ไม่มีส่วนให้น้าอย่างเจ้ามาพูดแทรก ที่ไหนเย็นไปอยู่ตรงนั้น ถ้าว่างมากก็ไปเรียกให้คนมาเก็บกวาดห้องโถง ไม่มีสายตาเลยสักนิด มองไม่เห็นหรือว่าแม้แต่โต๊ะที่วางจอกน้ำชาที่อยู่ในมือท่านอ๋องก็ไม่มีแล้ว?”

สีหน้าที่ไร้อารมณ์ของเซียวปี้เฉิงคิดว่า นางยังมีหน้าพูดได้อีก

การจัดการแสดงออกทางใบหน้าของฮูหยินเหลียนเกือบจะล้มเหลว ตั้งแต่นางเข้ามาในจวนเหวินกั๋วกงยังไม่เคยโกรธขนาดนี้มาก่อน

รัฐทายาทผู้เฒ่ากลัวลูกสาวคนนี้จริง ๆ จึงรึบส่งสัญญาณทางสายตาให้กับฮูหยินเหลียน “ไปสั่งให้ในครัวรีบเตรียมน้ำชาและของว่างมาเร็ว ๆ ”

ฮูหยินเหลียนสูดลมหายใจลึก ๆ กำผ้าเช็ดหน้าในมือแน่น พูดอย่างนอบน้อมว่า “เจ้าค่ะ”

อวิ๋นหลิงมองดูสีหน้าที่ใกล้จะแตกของนาง ในใจก็มีความสุขดั่งดอกไม้ที่ผลิบาน

นางปีศาจที่มีเนื้อหนังสวยงามอ่อนโยนแบบนี้ พูดปกติไปก็ไม่มีประโยชน์ ต้องฉีกเนื้อหนังมารับมือกับนาง

อีกทั้งดุดันอย่างเดียวไม่พอ ต้องไร้ยางอายด้วย หนังหนาจะต้องหนาพอ ถึงจะไม่มีคู่แข่งในยุทธภพ

ฉู่อวิ๋นหานมองไปยังแววตาของอวิ๋นหลิงด้วยความเคียดแค้น แม้กระทั่งมองไปที่เซียวปี้เฉิงด้วยความคับแค้นใจ

นางไม่เข้าใจว่า เวลาแบบนี้เหตุใดเซียวปี้เฉิงถึงไม่ยอมออกมาช่วยแม่และนางพูดสักสองสามประโยค

ได้ยินว่าผู้ชายปฏิบัติต่อผู้หญิงที่เป็นของตัวเอง มักจะสงสารมากเป็นพิเศษ อีกทั้งฉู่อวิ๋นหลิงเป็นผู้หญิงคนแรกของเขา

หรือเป็นเพราะว่าแบบนี้ ท่าทางของเซียวปี้เฉิงต่ออวิ๋นหลิงถึงได้เปลี่ยนแปลงไปมากขนาดนี้?

เมื่อนึกถึงตรงนี้ ฉู่อวิ๋นหานใจลอยเล็กน้อย ยืนกระสับกระส่าย

น่าเสียดายที่เซียวปี้เฉิงตาบอด ปล่อยให้นางโอดครวญมากแค่ไหน ก็มองไม่เห็น

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ