หลังจากที่พูดคุยเรื่องเงื่อนไขในการสร้างปืนคาบศิลาเสร็จแล้ว เมื่อไม่มีเรื่องอะไรที่ต้องทำแล้ว ตี้หวู่เหยาจึงรออยู่ในวันตรุษจีนที่แคว้นต้าโจวต่อ
นางมีความคิดอยากจะใกล้ชิดกับอวิ๋นหลิง จึงส่งของที่น่าสนใจไม่น้อยมาที่จวนจิ้งอ๋อง
อ้ายเต๋อหัวเองหลังจากได้เห็นความสามารถอวิ๋นหลิงครั้งที่แล้ว ก็คิดอยากจะคบค้าสมาคมกับนางอย่างลึกซึ้ง จึงมักจะออกวังเพื่อมาเยี่ยมจวนจิ้งอ๋องพร้อมกับตี้หวู่เหยา
ระดับภาษาจีนของเขามีขีดจำกัด เพื่อสะดวกในการพูดคุยกับอวิ๋นหลิง จึงมักจะใช้ภาษาปะกิดเสมอ
ระดับภาษาปะกิดของอวิ๋นหลิงนั้นสูงมาก ตี้หวู่เหยาที่ได้ยินได้ฟังมานานหลายปี ระดับภาษาก็ไม่แย่ไปกว่าทูตของแคว้นตงฉู่ ทั้งสามคนคุยกันแล้วก็คึกคักอย่างมาก
นี่จึงทำให้เซียวปี้เฉิงโดดเดี่ยวคนเดียวอยู่ข้างนอก ทุกครั้งที่อ้ายเต๋อหัวมาถึงปุ๊บ สีหน้าของเขาก็จะอึมครึมเล็กน้อย เย็นชาเหมือนกับเทพที่ดุร้ายในเสาแบบนั้น
ทนฟังต่อไปไม่ไหวแล้วจริง ๆ เขาจึงหน้าละห้อยไปฝึกปืนในเรือน
ไม่ว่าจะช้าแค่ไหนตี้หวู่เหยาก็สัมผัสถึงเห็นความกดอากาศต่ำที่เซียวปี้เฉิงที่ปล่อยออกมารอบ ๆ นึกว่าอีกฝ่ายไม่อยากเห็นตัวเอง มาสองครั้งก็ไม่กล้ามาครั้งที่สามแล้ว
เยี่ยนอ๋องทนไม่ได้จึงแอบไปหาเซียวปี้เฉิง พูดขึ้นอย่างลังเลว่า “พี่สาม ท่านจะดีกับองค์หญิงเก้าหน่อยได้หรือไม่”
สำหรับตี้หวู่เหยาแล้ว ก้นบึ้งหัวใจของเยี่ยนอ๋องมีความรู้สึกผิดบ้าง
ตอนที่เจอกันครั้งแรกเมื่อสามปีที่แล้ว เขาถอดเสื้อผ้าและกางเกงของคนอื่น จากนั้นเมื่อพบกันอีกครั้งในอีกสามปีต่อมา เขาก็ขู่อีกฝ่ายในสวนหลวง
ถึงแม้ว่าโดยปกติแล้วสาวน้อยคนนั้นจะมีท่าทางที่หยิ่งดูสูงส่ง แต่ว่าเยี่ยนอ๋องเองก็สามารถรับรู้ได้ถึงความตึงเครียดของอีกฝ่ายในประเทศที่ไม่คุ้นเคย ทนไม่ได้อยากจะไปปลอบประโลมอารมณ์ของนาง
อาจมาจากความอึดอัดใจก่อนหน้านี้ เขามักจะไม่รู้ว่าควรจะใกล้ชิดกับตี้หวู่เหยาอย่างไรดี
เซียวปี้เฉิงเลิกคิ้วเล็กน้อย “พระชายายังไม่ทันได้แต่งเข้า แขนของเจ้าก็เริ่มหันไปทางอื่นแล้ว?”
“พี่สามก็อย่ามาหยอกล้อข้าเลย” เยี่ยนอ๋องหัวเราะแหะ ๆ นิดหน่อย “เรื่องในอดีตนั้นข้าต้องรับผิดชอบครึ่งหนึ่งด้วย นางเองก็ไม่ได้ตั้งใจ อีกทั้งก็ผ่านมานานขนาดนี้แล้ว ท่านก็อย่าไปคิดเล็กคิดน้อยกับนางเลย อย่างน้อยองค์หญิงเก้าก็เป็นพระชายาที่ข้าจะแต่งเข้ามาในอนาคต...อีกไม่นานก็ต้องมาแต่งงานไกลถึงแคว้นต้าโจว ข้างกายก็ไม่มีญาติสนิทมิตรสหาย พวกเราทําแบบนี้ทําให้คนอื่นไม่สบายใจอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้”
เซียวปี้เฉิงเห็นเขาเป็นแบบนี้ก็เข้าใจทันที ดูเหมือนว่าเยี่ยนอ๋องจะชอบตี้หวู่เหยาเข้าแล้ว
เพียงแต่เจ้าหนุ่มน้อยคนนี้มีนิสัยที่ดีมาตลอด เหตุใดบัดนี้ถึงได้กลายเป็นคนขี้อายไปได้
“ข้าไม่ได้คิดเล็กคิดน้อยกับนาง เจ้าคิดมากไปเอง”
เยี่ยนอ๋องกระซิบพึมพำว่า “ถ้าเช่นนั้นตอนที่พี่สามเจอนาง เหตุใดถึงชอบทำหน้าเย็นชาใส่ ยิ้มเสียหน่อยก็ได้...”
เซียวปี้เฉิงไม่เห็นด้วย “นางเองก็ไม่ใช่พระชายาของข้า เหตุใดข้าจะต้องยิ้มให้นาง”
ยิ่งไปกว่านั้นทุก ๆ ครั้งอีกฝ่ายยังพาตัวประหลาดผมเหลืองมาด้วย พร้อมกับพูดภาษานกฟุตฟิตฟอฟายกับอวิ๋นหลิง เขาเองก็ฟังไม่ออกแม้แต่คำเดียว หากยิ้มออกมาได้ก็คงมีผีหลอกแล้ว
เซียวปี้เฉิงพบว่านอกจากอวิ๋นหลิงแล้ว เพียงแค่เข้าใกล้ผู้หญิงคนอื่น ๆ เขาก็จะโชคร้ายได้ง่ายทําให้ตอนนี้เขาไม่มีความปรารถนาที่จะพูดคุยกับเพศตรงข้ามคนอื่น ๆ เลย
ลู่ฉีเองก็ช่วยพูดอยู่ด้านข้างว่า “ฝ่าบาทเยี่ยนอ๋องขอรับ ท่านอย่าได้ทำให้ท่านอ๋องลำบากใจเลย อย่าว่าแต่ผู้หญิงเลยขอรับ เพียงแค่เป็นแมวตัวเมียแค่นั้น ท่านอ๋องก็ยังไม่ยิ้มให้มันเลย”
ท่านอ๋องไม่ชอบคบค้าสมาคมกับเพศตรงข้ามเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นสายพันธุ์อะไรก็ตาม แม้กระทั่งสุนัขเฝ้าบ้านในจวนอ๋องยังระบุเป็นตัวผู้
นอกเสียจากแม่ไก่และแม่เป็ดที่เลี้ยงไว้ในนาที่อาศัย ถ้าไม่ใช่ว่าต้องเก็บอีกฝ่ายไว้ออกไข่ มิเช่นนั้นท่านอ๋องเอาพวกมันตุ๋นไปนานแล้ว
ในบางครั้งแม้กระทั่งลู่ฉีเองยังสงสัยว่าท่านอ๋องมี “โรคที่ซ่อนอยู่” ใช่โรคพิศวาสตัดแขนเสื้อนิดหน่อยหรือไม่
เยี่ยนอ๋องกระตุกมุมปาก “...”
“อวี้จือ ถ้าหากว่าข้ายิ้มให้นางแล้ว นางก็จะสามารถอยู่ได้อย่างสงบสุขแล้วหรือ?” เซียวปี้เฉิงขมวดคิ้วเล็กน้อย พร้อมกับพูดขึ้นว่า “นั่นคือพระชายาของเจ้า ไม่ใช่ของข้า เจ้ามีคำพูดอะไรก็ควรจะไปพูดกับนาง ไม่ใช่มาหาข้า”
เยี่ยนอ๋องอึ้งไปเล็กน้อย แววตาเปลี่ยนไปเล็กน้อย หลังจากนั้นวินาทีนั้นก็เหมือนเข้าใจอะไรบางอย่าง
“พี่สามพูดถูก...”
“หลายวันมานี้ข้ากำลังพูดคุยเรื่องการค้ากับอ้ายเต๋อหัว หวังว่าเขาจะเซ็นสัญญากับพวกเราเพียงลําพัง สามารถขายขนเครื่องเทศจากตะวันตกและของอื่น ๆ ให้เราในราคาที่ต่ำกว่า เขาตกลงแล้ว”
อวิ๋นหลิงรอให้ตัวเองพูดจบไม่ไหว ก็ทิ้งรอยลิปสติกจ๊วบไว้ที่ข้างใบหน้าของเขา ไม่ใช่ว่าจะอารมณ์ดีง่าย ๆ นางรุกไปโอ๋เซียวปี้เฉิงเอง
“ไม่ได้ตั้งใจจะทอดทิ้งท่าน อย่าหงุดหงิดเลยน่า ถ้าหากว่าท่านเองก็อยากจะฟังภาษาปะกิดเข้าใจล่ะก็ ข้าจะเริ่มสอนท่านตั้งแต่คืนนี้”
แคว้นตงฉู่ที่นั่นก้าวหน้ามาก ถือเอาภาษาปะกิดเป็นหลักสูตรหนึ่งในสำนักศึกษามาตั้งนานแล้ว แม้แต่ราษฎรทั่วไปก็เข้าใจคําศัพท์ง่าย ๆ หลายคํา
ถ้าหากว่าแคว้นต้าโจวเปิดเส้นทางการค้าทางทะเลสายนี้แล้ว เกรงว่าบรรดาเจ้าหน้าที่ข้าราชการและขุนนางก็ต้องเรียนภาษาปะกิดไม่ช้าก็เร็ว
ผิวบอบบางและกลิ่นหอมของหญิงสาวอยู่ในอ้อมกอด สีหน้าของเซียวปี้เฉิงก็ค่อย ๆ อบอุ่นขึ้น มองนางด้วยสายตาที่เงียบสงบ
“คืนนี้ข้าไม่อยากเรียนภาษาปะกิด ข้าอยากฝึกปืนเท่านั้น”
“ท่านฝึกซ้อมมาหลายคืนแล้วไม่ใช่หรือ?” สายตาของอวิ๋นหลิงก็มองออกไปนอกเรือนด้วยความสงสัย“ตอนนี้ฟ้าก็มืดแล้ว อีกทั้งยังมีหิมะตก ท่านยังจะฝึกอะไร?”
เซียวปี้เฉิงอุ้มคนในอ้อมกอดขึ้น จากนั้นก็ก้าวตรงออกไปทางเรือนหลันชิง
“อยากฝึกปืนอีกกระบอกหนึ่ง!”
อวิ๋นหลิงเมื่อได้สติก็มองไปยังลู่ฉีที่อยู่หน้าประตู แก้มร้อนแดงเล็กน้อย
เจ้าบ้านี่ เหตุใดรหัสลับก็ไม่ถูกต้อง?
เมื่อสังเกตเห็นสายตาของอวิ๋นหลิงที่มองมา ลู่ฉีก็รีบยืนให้ดี มองไปข้างหน้าอย่างไม่สะทกสะท้าน เสแสร้งทำเป็นฟังไม่เข้าใจ
ก้นบึ้งของหัวใจกลับแอบพึมพําว่า ท่านอ๋องช่างไม่อายเลยจริง ๆ ...
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ
วิธีเติมเหรียญตรงไหนอย่างไร...
จะมีอัพต่อจนจบไหมค่ะแอด...
นึกว่าจะอัพจนจบเสียอีกค่ะ กำลังสนุกเข้มข้นเชียว...
รบกวนแอดช่วยอับต่อไปให้จบเรื่องได้ไหมคะ รออ่านอยู่น้า...
ตอนต่อไปอ่านที่ไหนคะ...
ตอนต่อไป อัพช่วงไหนคะ 😭😭😭...
อัพต่อเถอะนะคะ...กำลังสนุกเลยค่ะ😅😄😊😘...
สนุกมากค่ะ..เดินเรื่องเร็ว..พระเอกไม่โง่..นางเอกฟาดแรงสะใจ...อ่านแล้วบันเทิงมาก55555......
ขอบคุณค่ะ...
รีบมาต่อนะคะ กำลังสนุกเลย...