เมื่อออกมาจากจวนจิ้งอ๋อง เยี่ยนอ๋องก็ตรงไปที่ตำหนักแสงซี
เขาเพิ่งจะเดินเข้ามาถึงที่หน้าประตูตำหนักใหญ่ ก็ได้ยินเสียงสนทนาดังราง ๆ มาในตำหนัก
“หลายวันมานี้เหตุใดองค์หญิงถึงไม่ไปที่จวนจิ้งอ๋องแล้ว?”
“เฮ้อ...ถึงแม้ว่านิสัยของท่านพี่พระชายาจะดีมาก แต่ว่าก่อนหน้านี้ข้าได้เอาเรื่องธุรกิจมาข่มขู่จิ้งอ๋อง ก้นบึ้งในใจของเขายังคงไม่พอใจอยู่ เหตุใดข้าจะต้องไปทำให้ตัวเองอับอายด้วย”
ภายในตำหนักใหญ่ ตี้หวู่เหยากำลังนั่งพักหน้าด้วยมือเดียวที่โต๊ะอย่างครุ่นคิด ขมวดคิ้วผูกติดเหมือนกับลูกบาศก์รูบิคไม้ที่ยุ่งเหยิงไปหมด
“เกรงว่าในใจของราชวงศ์ในแคว้นต้าโจวทั้งหมดคงไม่ประทับใจดีต่อข้านัก เหวินกงกง เมื่อก่อนข้าเอาแต่ใจตัวเองมากเกินไปหรือเปล่า?”
เหวินกงกงพูดด้วยความโกรธและปวดใจว่า “องค์หญิงนั้นมุทะลุจริง ๆ เรื่องนั้นเดิมทีเราสมเหตุสมผล แต่ท่านจะทำแบบนั้นให้ได้...เราเองก็เตือนท่านมาตลอด ใครใช้ให้ท่านไม่ยอมฟังแม้แต่คําเดียว!”
ตี้หวู่เหยาแลบลิ้นออกมา “นั่นก็ไม่ใช่เพราะว่าเสด็จแม่พูดเองหรอกหรือ ถ้าหากว่าข้าตัดสินใจจะแต่งงานไกล ๆ ถึงแคว้นต้าโจวจริง ๆ มาถึงครั้งแรกต้องมีทัศนคติที่แข็งกร้าวหน่อย เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้โดนคนอื่นกดขี่อย่างง่ายดาย...”
เมื่อเยี่ยนอ๋องได้ฟังถึงตรงนี้ ก็แอบหัวเราะในใจ
ที่แท้หญิงสาวคนนี้ไม่ได้เป็นคนเอาแต่ใจจริง ๆ ท่าทีที่แข็งแกร่งก่อนหน้านี้เป็นแค่การป้องกันตัวเองมากกว่า
“บัดนี้ก็ถือได้ว่าสมตามดังปรารถนาของท่านแล้ว ตอนนี้อยากจะหนีก็หนีไม่พ้นแบบนั้น” เหวินกงกงถอนหายใจออกมา อดที่จะพูดไม่ได้ว่า “ฝ่าบาทเยี่ยนอ๋องนั่นหน้าตาก็งดงามท่าทางดี แต่ก็ไม่รู้ว่าเป็นคนนิสัยอย่างไร?”
เมื่อนึกถึงเรื่องในสวนหลวง สีหน้าของตี้หวู่เหยาก็อึมครึมไปเล็กน้อย “เขาเป็นคนนิสัยดี ก็แค่ไม่ค่อยชอบข้าเท่าไร”
เหวินกงกงขมวดคิ้ว จากนั้นพูดขึ้นด้วยความกังวลว่า “ข้าก็เห็นว่าเขาใสใจท่านอยู่มาก เหตุใดองค์หญิงถึงได้พูดคำนี้ออกมา?”
หลายวันมานี้ขอเพียงแค่เยี่ยนอ๋องว่าง ก็จะใช้เวลาส่วนใหญ่กับตี้หวู่เหยา สถานที่มากมายในวังหลวงมากมายเขาก็ไปเป็นเพื่อน
ตี้หวู่เหยาพูดอย่างอึดอัดว่า “เขาก็แค่ขัดพระราชโองการของฮ่องเต้ไม่ได้ จึงต้องไปเป็นเพื่อนข้าก็เท่านั้น”
“ถะ...ถ้าเช่นนั้นจะทำอย่างไรดี แคว้นต้าโจวไม่ใช่แคว้นตงฉู่ ถ้าหากว่าท่านต้องถูกรังแกอยู่ที่นี่เพียงลำพังคนเดียว...”
เมื่อฟังถึงตรงนี้ เยี่ยนอ๋องก็อดที่จะกระแอมออกมาเบา ๆ ไม่ได้ ล้างคอให้ชัดเจนเพื่อตอบอีกฝ่าย
“ข้าไม่ใช่ว่าไม่ชอบองค์หญิง แล้วก็ไม่ใช่เพราะว่าพระราชโองการของท่านพ่อทำให้ข้าต้องไปอยู่เป็นเพื่อนองค์หญิง”
ตี้หวู่เหยาหันไปมองด้วยความตกใจ ไม่รู้ว่าคำพูดเมื่อครู่เขาได้ยินไปตั้งมากมายเท่าไรแล้ว แก้มจึงร้อนขึ้นเล็กน้อย
เยี่ยนอ๋องพยักหน้าสงสัญญาณให้เหวินกงกง “เหวินกงกง ข้ามีคำพูดที่จะคุยกับองค์หญิงเพียงลำพัง”
เหวินกงกงพยักหน้า ถอยกลับไปที่ตำหนักข้างอย่างรู้งาน เหลือเพียงบรรยากาศที่เงียบสงบภายในตำหนักเพียงสองคน
“ท่านอยากจะพูดอะไรกับข้า?”
ตี้หวู่เหยาเชิดคางมองเยี่ยนอ๋อง มือที่บีบลูกบาศก์รูบิคกลับออกแรงเล็กน้อยอย่างประหม่า
“ไม่ต้องประหม่า”
เยี่ยนอ๋องเดินไปนั่งลงข้างกายตี้หวู่เหยา พร้อมกับยิ้มให้นาง สีหน้ามั่นคงและจริงจังที่เห็นได้ยาก
“องค์หญิง...เรื่องที่สวนหลวงก่อนหน้าขี้คือข้าหัวร้อนไปชั่วขณะ ความเข้าใจผิดทําให้เจ้าขุ่นเคืองก่อน เจ้าอย่าเก็บไปคิดเลย”
ส่วนเรื่องนั้นก็ได้ผ่านไปตั้งนานแล้ว แต่เมื่อทั้งสองอยู่ด้วยกันก็ไม่เคยพูดถึงเรื่องนี้อีกเลย
วันนี้เยี่ยนอ๋องได้เป็นคนพูดขอโทษ ทำให้ตี้หวู่เหยาคาดไม่ถึงเล็กน้อย อดไม่ได้ที่จะอึ้งอยู่กับที่ จากนั้นนางกัดริมฝีปากและถามเบา ๆ ว่า
“ท่านไม่เกลียดข้าหรือ?”
ท่าทางที่โกรธจัดของนาง เดิมทีก็หน้ากลมเหมือนเด็กก็ยิ่งกลมขึ้นไปอีก เยี่ยนอ๋องมองไปแล้วก็อดที่จะหัวเราะไม่ได้ อดที่จะไปบีบแก้มไม่ได้
“ฮี่ ๆ ถ้าเช่นนั้นข้าก็จะคอยดูว่าเจ้าจะทำให้ข้าได้รับผลกรรมอะไร!”
ปกติเยี่ยนอ๋องก็มีนิสัยเด็ก ๆ เมื่อพูดจบ ก็รีบไปบีบแก้มของตี้หวู่เหยาสองสามครั้งอย่างรวดเร็ว สัมผัสที่นุ่มนวลนั้นเหมือนก้อนเต้าหู้ ทําให้คนไม่อยากปล่อยมือ
“บังอาจมาก ท่านบังอาจมาบีบหน้าข้า!” ตี้หวู่เหยาเบิกตากว้างจ้องเขา “ไหนบอกว่าจะไม่รังแกข้ายังไง?”
“ข้าบอกว่าไม่ให้คนอื่นรังแกเจ้า แต่ไม่ได้บอกว่าข้าจะไม่รังแกเจ้า!” เยี่ยนอ๋องมองนางด้วยรอยยิ้ม “ยิ่งไปกว่านั้นเรื่องที่บังอาจยิ่งกว่านี้ ข้าก็ทำมาหมดแล้ว นับประสาอะไรกับแค่บีบแก้มเจ้าสองครั้ง”
รู้สึกสบายมือมาก เมื่อพูดจบเขาก็อดไม่ได้ที่จะใช้แรงบีบแก้มกลม ๆ ของอีกฝ่ายอีกครั้งไม่ได้ เดิมทีแก้มนั้นก็แดงระเรื่ออยู่แล้ว ทันใดนั้นก็แดงเข้มขึ้นไปกว่าเดิมอีก
“องค์หญิง หน้าของเจ้าแดงมากและร้อนมาก เหมือนกับประทัดสีแดงแบบนั้น”
ตี้หวู่เหยาทั้งอายทั้งโกรธ จนแทบระเบิดชั่วขณะ จึงพูดด้วยความโกรธว่า “ท่านต่างหากที่เป็นประทัดสีแดง!”
“ยังจะมาบอกว่าเจ้าไม่ใช่ ดูเสื้อผ้าที่เจ้าสวมวันนี้ เห็นได้ชัดว่าเหมือนประทัดสีแดง!”
วันนี้ตี้หวู่เหยาสวมชุดกระโปรงสีแดงสดไปทั้งชุด ประกอบกับใบหน้าที่บูดบึ้ง มองแวบแรกเหมือนประทัดแดงที่ใกล้จะระเบิดจริง ๆ
นางทั้งอายและหงุดหงิดและไม่สนใจความเป็นองค์หญิงผู้สูงส่งอีกแล้ว จากนั้นก็เผยให้เห็นท่าทางแยกเขี้ยวยิงฟันออกมาทันที
ตี้หวู่เหยาเอื้อมมือไปหยิกเยี่ยนอ๋องกลับ ฝ่ายหลังกลับหลบอย่างว่องไวและทําหน้าบูดเบี้ยวหยอกล้อนาง
“ฮี่ฮี่ ตามไม่ทัน~”
ทั้งสองคนไล่ล่าเสียงดังในตำหนักแสงซี ความอึดอัดใจและอุปสรรคก่อนหน้านี้หายไปทั้งหมดโดยไม่รู้ตัว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ
วิธีเติมเหรียญตรงไหนอย่างไร...
จะมีอัพต่อจนจบไหมค่ะแอด...
นึกว่าจะอัพจนจบเสียอีกค่ะ กำลังสนุกเข้มข้นเชียว...
รบกวนแอดช่วยอับต่อไปให้จบเรื่องได้ไหมคะ รออ่านอยู่น้า...
ตอนต่อไปอ่านที่ไหนคะ...
ตอนต่อไป อัพช่วงไหนคะ 😭😭😭...
อัพต่อเถอะนะคะ...กำลังสนุกเลยค่ะ😅😄😊😘...
สนุกมากค่ะ..เดินเรื่องเร็ว..พระเอกไม่โง่..นางเอกฟาดแรงสะใจ...อ่านแล้วบันเทิงมาก55555......
ขอบคุณค่ะ...
รีบมาต่อนะคะ กำลังสนุกเลย...