พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 303

อวิ๋นหลิงกวาดตาไปทางหน้าต่างโดยเร็ว เห็นมีแสงจากโคมไฟลิบ ๆ กำลังใกล้จะเข้ามาถึง

"จื่อเถา เจ้าใช้ทางประตูเล็กพาหยวนโม่กลับตำหนักไปก่อน เตรียมน้ำเตรียมท่าให้เขาชะล้างให้ตาสว่างหน่อย ระหว่างทางอย่าให้ใครพบเห็นเข้าล่ะ"

เมื่อรู้ว่าองค์ชายห้ามีความเสื่อมสมรรถภาพในบางประการ งั้นให้จื่อเถาดูแลก็จะหายห่วง ไม่ต้องกลัวว่าอีกฝ่ายจะรุ่มร่ามเกินไป

แววตาจื่อเถามีความลังเล "บ่าวรับทราบเจ้าค่ะ"

อวิ๋นหลิงเห็นนางทำตัวแข็งทื่อเล็กน้อย ก็พลันนึกได้ว่านางมักปฏิเสธที่จะใกล้ชิดกับผู้ชายเสมอ

ด้วยเหตุนี้จึงได้ครุ่นคิด และเดินไปที่กองเศษไม้ที่อยู่ในซอกมุมหนึ่งของตำหนักชุ่ยเหวย เลือกไม้ท่อนหนึ่งขนาดกำลังดีและส่งต่อให้จื่อเถา

"เอาไว้ป้องกันตัว ถ้ากลัวว่าหยวนโม่จะคุมตัวเองไม่อยู่เพราะฤทธิ์ยากำเริบ ก็เอาไม้นี่หวดให้สลบซะ"

องค์ชายห้า "..."

จื่อเถามองหน้าองค์ชายห้าด้วยแววตาอันสับสน แต่ก็รับไม้มาพร้อมกับพยักหน้าหนักแน่น

"บ่าวทราบแล้วเจ้าค่ะ จะป้องกันตัวเองอย่างดี ถ้ามีใครถามว่าทำไมองค์ชายห้าล้มอยู่ที่พื้น ก็จะบอกว่าเขาดื่มจนเมาแล้วเดินชนจนสลบเอง!"

องค์ชายห้าสะอึกอย่างแรง ไม่รู้ว่าจะโกรธเพราะความโอหังของจื่อเถาดี หรือควรรู้สึกอุ่นใจมากกว่า

เพราะเมื่ออีกฝ่ายยอมรับไม้มา นั่นก็แสดงว่า นางยังกลัวสมรรถภาพบางอย่างของเขาบ้างล่ะ...

อวิ๋นหลิงมองดูจื่อเถาด้วยความชื่นชม สมแล้วที่เป็นหญิงสาวที่นางไว้วางใจ!

"ดี งั้นก็รีบพาเขาไปซะ"

นางยังต้องอยู่ต่อเพื่อจัดการกับเฟิงจิ่งเหวย

จื่อเถาพยักหน้า พยายามหักห้ามความไม่สบายใจเอาไว้ พลางพยุงร่างองค์ชายห้าที่หมดเรี่ยวแรงให้ลุกขึ้น

ทั้งคู่ออกไปทางประตูเล็กด้านข้างตำหนัก ต่างพากันเดินกระปลกกระเปลี้ยจนลับหายไปในความมืดมิด

และแล้วสายตาของอวิ๋นหลิงก็กลับมายังเฟิงจิ่งเหวยผู้ซึ่งสะบักสะบอมอีกครั้ง หรี่ตาเล็กน้อยพร้อมกับหักข้อนิ้วมือเสียงดังกรอบแกรบ

สีหน้าเฟิ่งจิ่งเหวยเปลี่ยนไปทันควัน "เจ้าจะทำอะไร?"

เนื้อตัวยังคงสั่นไม่หยุด ครึ่งหนึ่งเพราะความกลัว อีกครึ่งเพราะความหนาวเย็น

เสื้อผ้าที่สวมใส่ก็เปียกชุ่มไปด้วยสิ่งปฏิกูลในกระโถนเป็นแนวยาว เมื่อปะทะเข้ากับลมหนาวที่เข้ามาทางหน้าต่าง นางก็ทั้งหนาวเหน็บและอยากอาเจียน

ในขณะที่อวิ๋นหลิงยิ้มบานราวกับดอกไม้ในฤดูใบไม้ผลิ "เจ้าว่าถ้าคืนนี้ข้าจะซ้อมเจ้าให้ยับเยิน จะมีใครมาช่วยหรือเปล่า?"

เฟิงจิ่งเหวยกรีดเสียงดังลั่น "เจ้ากล้าหรือ?"

"ทำไมจะไม่กล้า เจ้ายังกล้าเล่นงานองค์ชายห้าในงานเลี้ยงอย่างเปิดเผยได้ แล้วทำไมข้าจะสั่งสอนเจ้าบ้างไม่ได้?"

อวิ๋นหลิงค่อย ๆ เดินไปหนึ่งก้าว ยื่นหน้าไปใกล้นาง พร้อมกับยักคิ้วเบา ๆ

"ไหน ๆ เมื่อไปถึงหอต้าหลี่ ก็ไม่พ้นต้องเจ็บตัวอยู่แล้ว ข้าจะช่วยอุ่นเครื่องให้ก่อนปะไร"

เฟิงจิ่งเหวยเห็นนางมาเข้าใกล้ก็ยิ่งตกใจจนหน้าซีด "เจ้าจะแก้แค้นส่วนตัวชัด ๆ ต่อให้ข้าทำผิดจริง แต่ก่อนที่ฝ่าบาทและหอต้าหลี่ยังไม่ได้ตัดสินโทษ เจ้าก็ไม่มีสิทธิ์มาลงทัณฑ์ส่งเดช"

"อ้อ งั้นข้าจะบอกว่าเป็นฝีมือหยวนโม่ก็แล้วกัน"

อวิ๋นหลิงหมุนข้อมือ พร้อมเดินหน้าไปอีกสองก้าว น้ำเสียงพูดสบาย ๆ

"ถ้าเสด็จพ่อรับสั่งถามถึง ข้าก็จะบอกว่าเจ้ามอมยาเพื่อหวังขืนใจผู้ชาย น้องห้าหวงแหนพรหมจรรย์ ยืนกรานไม่ยอมสยบให้แก่ความหื่นของเจ้า พยายามต่อสู้ขัดขืนจนทำร้ายเจ้าบาดเจ็บสาหัส"

เฟิงจิ่งเหวยหน้าเขียวบ้างแดงบ้างสลับกันไป ยิ่งเห็นอวิ๋นหลิงมาเข้าใกล้ แววตาก็ยิ่งปรากฏความประหวั่นพรั่นพรึง

และในระยะห่างไปเพียงสามก้าว อวิ๋นหลิงก็หยุดลงพลัน

หลังจากข่มขู่เฟิงจิ่งเหวยจนพอแล้ว นางเอามือขยี้จมูกพลางกล่าวว่า "ช่างเถอะ เรื่องการซ้อมถือว่าติดค้างไว้ก่อน ไม่อยากให้มือข้าสกปรก"

รู้งี้น่าจะซ้อมเฟิงจิ่งเหวยให้หนำใจก่อน ค่อยปล่อยให้นางไปคลุกคลีกับกระโถน มิเช่นนั้นสภาพโสโครกเยี่ยงนี้ สุดจะลงมือไหวจริง ๆ

คันฉ่องที่อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลสะท้อนภาพอันทุลักทุเลของเฟิงจิ่งเหวย และยิ่งเห็นความยโสของอวิ๋นหลิงด้วยแล้ว นางก็โกรธจนแทบอยากกระอักเป็นโลหิตออกมา

แต่ก็ไม่กล้าด่าออกเสียงดัง ได้แต่จ้องมองอวิ๋นหลิงด้วยความเคียดแค้น

อวิ๋นหลิงสีหน้าขรึมลง นางไม่ชอบสายตาที่แผ่รังสีอำมหิตเช่นนี้เอาซะเลย หน้าตาจึงเริ่มกลายเป็นบอกบุญไม่รับ

"ช่างเก่งนักนะ ยังกล้ามาจ้องข้าอีกหรือ?"

อวิ๋นหลิง "อันที่จริง...มันเป็นอุบัติเหตุ"

นางแค่คิดจะมอบบทเรียนให้เฟิ่งจิ่งเหวยจดจำจนตายเท่านั้น ไม่นึกว่ากระโถนจะไปติดคอนางเข้า!

เฟิงจิ่งเหวยซึ่งคลุ้มคลั่งไปแล้วแว่วยินเสียงพูดของอวิ๋นหลิงลาง ๆ จึงพุ่งเข้าหานางอย่างเสียสติ ตั้งใจว่าขอตายพร้อมนางเป็นไงก็เป็นกัน

"นังแพศยา ข้าจะฆ่าเจ้าซะ!"

ศีรษะของนางยังคาอยู่ในกระโถน ทำให้อวิ๋นหลิงกับเซียวปี้เฉิงได้ยินไม่ชัดว่านางด่าอะไรอยู่

เห็นแต่เฟิงจิ่งเหวยเสื้อผ้าเลอะเทอะเปรอะเปื้อน บนหัวครอบด้วยกระโถนโลหะสีเหลือง พุ่งตัวมาสะเปะสะปะราวกับลูกเจี๊ยบหัดเดิน

เซียวปี้เฉิงสีหน้าแปรเปลี่ยนเล็กน้อย ไม่รอให้อวิ๋นหลิงตั้งตัว ก็อุ้มนางหลบหลีกอย่างเร็วไว

"หง่างงงงง..."

มีเสียงก้องกังวานดังขึ้น คล้ายกับหลวงจีนเฒ่าตีระฆังดังเหง่งหง่าง สะท้อนไปมาอยู่ในตำหนักชุ่ยเหวย

เฟิงจิ่งเหวยไล่จับคนไม่ถูก กลับชนเข้ากับขอบโต๊ะ แล้วล้มลงก้นจ้ำเบ้าไปอีก

ในหูได้ยินแต่เสียงก้องราวกับใครมาตีระฆัง ศีรษะนางถูกกระแทกจนเกือบมึนหัว นั่งจุ้มปุ๊กอยู่ที่พื้นจะลุกก็ลุกไม่ไหว

"ท่านอ๋อง...พระชายา..."

หัวหน้าองครักษ์พาลูกน้องสองคนมาถึง จนได้เห็นเหตุการณ์เข้าพอดี สีหน้าเคร่งขรึมของแต่ละคนแทนจะเก็บอาการไม่ค่อยอยู่

ดูจากชุดที่สวมใส่ คิดว่าจำไม่ผิดแน่ หญิงสาวที่ถูกกระโถนครอบหัวอยู่นี้ก็คือคุณหนูเฟิงจิ่งเหวย ผู้ร่ายรำอยู่ในงานเลี้ยงคืนหยวนเซียว งามจนทุกคนต่างก็ชื่นชมตกตะลึงมิใช่หรือ?

เฟิงจิ่งเหวยหายมึนจนตั้งสติได้ใหม่ และนางก็เริ่มปล่อยโฮอย่างบ้าคลั่งอีก

สภาพตรงหน้านี้ ผู้ชายเห็นเข้าก็ได้แต่นิ่งอึ้ง ผู้หญิงเห็นเข้าก็ต้องหลั่งน้ำตา

นอกจากอวิ๋นหลิง

"มามองข้าทำไม? นางไปชนของนางเอง!"

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ