พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 304

เซียวปี้เฉิงเป็นคนที่ตั้งสติคนแรก มองหน้าเฟิงเจิ้งเหวยอย่างสุดจะบรรยาย สุดท้ายจึงได้เอ่ยปากก่อน

"พวกเจ้าทั้งหลาย พานางไปที่ห้องทรงอักษร"

เมื่อกี้เขาได้ส่งคนไปทูลฮ่องเต้จาวเหรินแล้ว

"พ่ะย่ะค่ะ"

หัวหน้าองครักษ์รับคำ ไม่นานก็คืนสู่สีหน้าไร้ความรู้สึกเหมือนเดิม แม้จะตกใจว่าเมื่อครู่นี้เกิดอะไรขึ้น แต่ก็ไม่ใช่สิ่งที่พวกเขาจะสอดรู้สอดเห็นได้

เมื่อท่านอ๋องสั่งมา ก็้แค่ทำตามเท่านั้น

หลายคนเดินหน้ามา รวมกำลังเพื่อจะดึงเอากระโถนที่ครอบศีรษะเฟิงจิ่งเหวยออกให้ได้ แต่ออกแรงเท่าไหร่อย่างไรก็ไม่เป็นผลเสียที

หัวหน้าองครักษ์เริ่มเหงื่อตก "ท่านอ๋อง นี่ควรจะทำยังไงดี..."

เซียวปี้เฉิงขยับริมฝีปากเล็กน้อย "พาไปห้องทรงอักษรในสภาพนี้แหละ"

"..."

หัวหน้าองครักษ์ได้แต่พาลูกน้องเดินหน้า คุมตัวเฟิงจิ่งเหวยออกไปด้วยสีหน้ากระอักกระอ่วน ส่วนเฟิงจิ่งเหวยหลังจากถูกกระแทกครั้งสุดท้ายแล้วนางก็อ่อนล้าทั้งกายและใจ หมดเรี่ยวแรงใด ๆ ที่จะต่อต้านอีก

แม้ว่าจะเดินอย่างรวดเร็ว ก็ยังไม่วายถูกนางในที่ข้างทางมองเห็น ต่างพากันตกตะลึงตาค้าง

"คนนี้เป็นใครน่ะ ทำไมเอากระโถนไปครอบหัวอย่างงั้น?"

"หัวหน้าองครักษ์จับคนร้ายหรือโจรขโมยของกันแน่?"

"แต่ดูเครื่องแต่งกายเหมือนจะคุ้น ๆ ตานะ..."

ทุกคนเดินมาถึงห้องทรงอักษร ฮ่องเต้จาวเหรินกำลังประทับอยู่ที่เก้าอี้มังกรภายหลังเสร็จจากงานเลี้ยงเทศกาลหยวนเซียวมา

"เจ้าสาม เจ้ามีเรื่องด่วนอันใด...แค่ก ๆ ๆ นี่มันอะไรกันน่ะ?"

อ้าพระโอษฐ์จะถามไถ่ ก็เห็นคน ๆ หนึ่งถูกครอบด้วยกระโถนถูกนำตัวเข้ามา ทำเอาเกือบจะสำลักน้ำชาเข้า

เซียวปี้เฉิงมองเฟิ่งจิ่งเหวยอย่างสะอิดสะเอียน "เสด็จพ่อ เฟิงจิ่งเหวยคิดการไม่ซื่อต่อน้องห้า ดีที่กระหม่อมกับอวิ๋นหลิงได้รับรายงานจากนางกำนัลก่อน"

อวิ๋นหลิงเดินนำหน้ามา ว่าแล้วก็บรรยายเรื่องราวที่เกิดในคืนนี้ ให้ฮ่องเต้จาวเหรินทรงรับฟังอย่างละเอียดลออ

ฮ่องเต้จาวเหรินทรงขมวดพระขนงแน่น แม้จะทรงรู้สึกกริ้วหนัก แต่ก็ไม่อาจละสายพระเนตรจากกระโถนใบนั้นได้

"แล้วเจ้าก็เอากระโถนครอบหัวนางอย่างงั้นรึ?"

"เพราะนางมาจ้องหม่อมฉันก่อน!"

"ถอดออกมาก่อนแล้วค่อยพูดได้ไหม"

"ต้องโทษที่นางหัวโตเอง ถอดไม่ได้เพคะ"

ฮ่องเต้จาวเหริน "..."

ทรงอดไม่ได้ที่จะขยี้พระนาสิกซ้ำ ๆ กลิ่นอันไม่พึงประสงค์เช่นนี้ อย่างน้อยต้องใช้เวลาสามวันขึ้น ที่ฮ่องเต้จะไม่มาตรวจฎีกาอยู่ในห้องนี้อีก

หลังจากทูลเหตุการณ์ที่เกิดให้ทรงรับฟังแล้ว อวิ๋นหลิงก็เกิดอาการลังเลเล็กน้อย จากนั้นก็แนบไปที่พระกรรณของฮ่องเต้จาวเหริน แอบกระซิบความลับขององค์ชายห้าให้ฟังอีก

ฮ่องเต้จาวเหรินซึ่งประทับอยู่บนเก้าอี้ แรก ๆ คือทรงตกพระทัย จากนั้นพระพักตร์ก็เปลี่ยนสี ราวกับไฟจราจรที่มีท้ั้งเขียวเหลืองแดงม่วงส้มน้ำเงินฟ้าสับเปลี่ยนกันวุ่นวาย แต่สุดท้ายก็ไปจบลงที่สีดำ!

"เสด็จพ่อ ต้องทรงหาวิธีให้นางสงบปากสงบคำไว้นะเพคะ เกิดไปเที่ยวโพนทะนาเรื่องของหยวนโม่ละก้อ..."

อวิ๋นหลิงหยุดชะงัก พลางกล่าวต่อเสียงต่ำ

"หรือจะให้หม่อมฉันช่วยฝังเข็ม? รับรองว่าไม่เจ็บไม่ปวด อีกทั้งเข็มเดียวก็รู้เรื่องไปเลย..."

ฮ่องเต้จาวเหรินทรงระงับอารมณ์ตกพระทัย หันมาทอดพระเนตรนางเล็กน้อย รับสั่งเสียงต่ำว่า "ไปตามเสนาบดีเฟิงมาพบข้า!"

เมื่อครู่นี้ปฏิกิริยาแรกของเขา ก็คืออย่างไรก็ต้องประหารชีวิตเฟิงจิ่งเหวยเพื่อรักษาเกียรติของราชสำนักไว้ แต่ถ้าไว้ชีวิตนางซักครั้ง กลับกลายเป็นไพ่ตายที่จะได้ควบคุมตระกูลเฟิงไว้มากกว่า

อวิ๋นหลิงเห็นฮ่องเต้ไม่คิดสั่งประหารเฟิงจิ่งเหวย ในใจก็รู้สึกผิดหวังเล็กน้อย

ด้านนอกตำหนักจื่อเฉิง เสนาบดีเฟิงออกจากงานเลี้ยงเตรียมจะกลับจวน แต่เหลียวซ้ายแลขวาอย่างไรก็ไม่เห็นเฟิงจิ่งเหวยที่ติดตามมาด้วย

กำลังนึกสงสัยอยู่ในใจ ก็เห็นฝูกงกงเดินมาด้วยสีหน้ากระอักกระอ่วน

"ท่านเสนาบดีซ้าย ฝ่าบาทเชิญที่ห้องทรงอักษรหน่อย..."

ฝูกงกงหยุดเล็กน้อย จากนั้นก็แอบกระซิบคร่าว ๆ ถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น ทำเอาสีหน้าจิ้งจอกเจ้าเล่ห์ของเสนาบดีเฟิงเปลี่ยนเป็นตกใจอย่างมาก

"นังตัวดีช่างเหิมเกริมนัก!"

เร่งรีบมายังห้องทรงอักษร เสนาบดีเฟิงตั้งใจจะสั่งสอนเฟิงจิ่งเหวยให้หนัก แต่พอเห็นสภาพของนางก็แทบตกใจ

"ฮือ ๆ ๆ ฝ่าบาท ทรงไว้ชีวิตด้วย..."

เฟิงจิ่งเหวยคุกเข่าอยู่ที่พื้น ตกอยู่ในภาวะเช่นนี้ ในที่สุดนางก็กลัวจนตัวสั่น ร้องไห้วิงวอนน้ำหูน้ำตาไหลพราก

"เมื่อกี้เจ้าไปส่งข่าวให้พี่สามกับพี่สะใภ้สามรู้งั้นหรือ?"

จื่อเถาพยักหน้า "หม่อมฉันซ่อมไม้แกะสลักเสร็จแล้ว ว่าจะให้คนไปทูลองค์ชายให้รู้ ด้วยความบังเอิญกลับเห็นเฟิงจิ่งเหวยพาองค์ชายไปยังตำหนักชุ่ยเหวย..."

"เคราะห์ดีที่เจ้ามาช่วย ไว้วันหลังจะมีรางวัลให้"

พูดถึงเฟิงจิ่งเหวย องค์ชายห้าก็ให้สะอิดสะเอียนนัก จนเกือบจะอาเจียนออกมาอีกคำรบหนึ่ง

เห็นท่าทางของเขาแล้ว จื่อเถาก็เกิดความเห็นใจอยู่ไม่น้อย

ใครเลยจะไปคิด ว่าองค์ชายห้าผู้งามสง่า ทั้งยังเปี่ยมด้วยสติปัญญาความรู้สูงนั้น กลัยกลายเป็น...

เดิน ๆ ไป จู่ ๆ องค์ชายห้าก็เกิดเท้าพลิก จนคางไปสัมผัสเข้ากับซอกคอของจื่อเถา จนฝ่ายหลังเกิดอาการตัวเกร็งขึ้นมา

จื่อเถารีบพยุงตัวเขาให้ยืนมั่น "องค์ชายทรงระวังหน่อย"

องค์ชายห้าแม้จะอ่อนเปลี้ยเพลียแรง แต่สมองยังพอมีสติอยู่บ้าง เพียงแต่ยิ่งรู้สึกว่าตัวร้อนมากขึ้น

ระยะห่างที่ใกล้ชิดมากขึ้น จนได้กลิ่นไม้หอมจาง ๆ มาแตะจมูก คงมาจากตัวจื่อเถาแน่นอน

นั่นเป็นกลิ่นที่แปลกประหลาด ไม่ใช่กลิ่นกายของหญิงสาว และยิ่งไม่ใช่กลิ่นเครื่องหอมที่มีอยู่ดาษดื่น หากแต่เป็นความหอมละมุนที่สื่อถึงการคลุกคลีกับพันธุุ์ไม้ต่าง ๆ จนติดตัวมากกว่า

ดมแล้วก็ให้ชุ่มชื่นหัวใจนัก

หรืออาจเป็นผลมาจากฤทธิ์ยา จึงทำให้การใกล้ชิดในขณะนี้ ไม่ทำให้เขาเกิดอาการคลื่นเหียนอาเจียนอีก

หลังจากผ่อนคลายลง ร่างกายท่อนล่างของเขาแทบจะกดทับไปที่ร่างของจื่อเถา จื่อเถาสะดุ้งโดยแรง แววตาเปลี่่ยนจากตกตะลึงกลายเป็นความตื่นกลัวแทน

ก็ไหนว่าองค์ชายห้าทรงไม่ขันไง? ทำไมที่หน้าท้องมีความรู้สึกบางอย่างล่ะ

องค์ชายห้ายังคงไม่ได้สติดี กลับเผลอสูดกลิ่นบางอย่างเข้าไปเบา ๆ

"จื่อเถา กลิ่นกายเจ้าช่างหอมนัก..."

เป็นครั้งแรกที่เขารู้ว่ากลิ่นกายผู้หญิงก็มีความหอม จนชวนให้เกิดความสงสัยครามครัน ว่าเหตุไฉนความรู้สึกที่มีต่อสาวใช้ผู้นี้จึงต่างจากคนอื่นมากนัก?

องค์ชายห้าพยายามลืมตาเพื่อจะดูนางให้ชัด แต่ที่ลอยมากลับกลายเป็นไม้ท่อนใหญ่อันหนึ่ง

พั๊วะ!

สองตาดับวูบลง รู้สึกถึงความเจ็บรุนแรงที่ศีรษะ จากนั้นก็ล้มตึงลงไป

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ