พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 359

เสียนอ๋องเห็นทุกอย่างตรงหน้าแล้วรู้สึกร่างกายไร้เรี่ยวแรง ทรุดตัวลงคุกเข่าบนพื้น

เส้นผมเขายุ่งเหยิง พลิ้วไหวตามแรงลม ตกอยู่ในอาการหมดอาลัยตายอยากและสับสนกับชีวิต

“เสด็จแม่”

ตลอดยี่สิบกว่าปีมานี้ อันชินอ๋องจมปลักกับความรักและความแค้นที่มีต่อจี้ซูเฟย เมื่อหญิงในดวงตาอำลาโลก ความรักความแค้นของเขาก็อันตรธานหายไป ไร้เป้าหมายในการดำรงชีวิต

ส่วนเสียนอ๋อง ความแค้นคือทุกสิ่งของเขา และต้นเหตุของความแค้นก็คือเขาอยากทวงความยุติธรรมให้แก่ตนและเสด็จแม่

ทว่าเมื่อวันที่เขารอคอยมาถึง ความจริงกลับพลิกผัน บุคคลที่เขาคิดว่าเจอความไม่ยุติธรรมคือผู้ร้ายตัวจริง

เสียนอ๋องนึกถึงภรรยาพร้อมบุตรีที่ต้องเจออันตรายในจวน ใบหน้าพลันซีดขาว ร่างกายสั่นสะท้านไม่หยุด

เขาเชื่อผิดคน และเกลียดผิดคนแล้ว

คนที่เขาควรปกป้องจริง ๆ กลับต้องตกอยู่ในขุมนรกเพราะการกระทำของเขา...

จักรพรรดิจาวเหรินเป็นคนแรกที่ดึงตัวเองออกจากความตะลึงและความทุกข์ใจ เขาสูดลมหายใจด้วยความเจ็บปวด กล่าวเสียงเครียด

“ทหาร นำตัวกลุ่มก่อกบฏของเสียนอ๋องไปขังในคุกหลวง”

เสียนอ๋องปล่อยให้ทหารจับตัวโดยไม่พูดสิ่งใด สีหน้างวยงงและว่างเปล่า ราวกับท่อนไม้ไร้วิญญาณ

เขามองรอบกายด้วยความอึ้ง ราวกับที่ผ่านมาเป็นเพียงความฝันเท่านั้น

เซียวปี้เฉิงมองอ๋องทูเจวียผู้เฒ่าที่หายในรวยรินและดิ้นดุกดิกบนพื้นแล้วถามเสียงขรึม “เสด็จปู่ ควรจัดการคนนี้เยี่ยงไร?”

แววตาซับซ้อนของพระเจ้าหลวงมองไปยังอ๋องทูเจวียผู้เฒ่า ก่อนจะเห็นร่างกายเขาโดนลูกกระสุนหกถึงเจ็ดจุดเป็นอย่างต่ำ ถึงแม้จะยิงจุดบอดไม่ได้ แต่ก็บาดเจ็บสาหัสเช่นกัน

เขาถอนหายใจแล้วพูดอย่างเหนื่อยล้า “ถึงแม้จะมีสายสัมพันธ์สิบกว่าปี แต่ตอนนี้คือศัตรูถาวรที่ต้องตายไปข้าง คงเก็บเจ้าไว้ไม่ได้แล้ว”

อ๋องทูเจวียผู้เฒ่าก็ไม่หวาดกลัว หัวเราะในลำคอแล้วพูดด้วยความเสียดาย “เห้อ ชาตินี้ไม่เคยชนะพี่ใหญ่เลยสักครั้ง”

พระเจ้าหลวงเห็นใบหน้าเหี่ยวย่นเต็มไปด้วยบาดแผล ก็ขยับมุมปาก “ช่างเถอะ ให้เขาตายเร็ว ๆ อย่าทรมานให้มาก”

หลิวฉิงได้ยินดังนั้นก็รีบชักกระบี่แล้วฟาดฟันใส่อ๋องทูเจวียผู้เฒ่า คอของอีกฝ่ายเลือดไหลทะลัก ดวงตาล่องลอย ไร้ลมหายใจ

พระเจ้าหลวง “...”

อ้าว! เขายังพูดไม่จบเลย

พระเจ้าหลวงกระตุกมุมปาก มองหลิวฉิงแล้วอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่นึกขึ้นได้ว่านางเป็นกำลังสมทบที่อวิ๋นหลิงเชิญมา จึงไม่ได้ตำหนิสิ่งใด

หลิวฉิงมองอวิ๋นหลิงด้วยแววตาสับสน ทำไมเหรอ? นางทำไม่ถูกหรือ?

พระเจ้าหลวงกวาดสายตามองรอบทิศแล้วสั่งการเสียงขรึม “เก็บกวาดภายในวังให้สะอาด เอาศพของอันชินอ๋องกับจี้ซูเฟยไว้ที่ศาลบรรพชนชั่วคราวก่อน”

สิ้นเสียงเขาก็กวาดสายตามองพวกอวิ๋นหลิง

“พวกเจ้าตามข้ามา”

......

ยามพลบค่ำ ท่ามกลางแสงอาทิตย์รำไร กองกำลังสมทบจากเมืองหยวนมาถึงเมืองหลวงอย่างรวดเร็ว สามารถทำให้ทหารของเสียนอ๋องยอมจำนน ส่วนทหารชาวทูเจวียโดนสังหารและจับตัวเป็นเชลยจนหมด

เมื่อท้องฟ้ามืดสนิท การต่อสู้อันดุเดือดในเมืองหลวงเป็นอันจบสิ้น กลับมาเงียบสงบอีกครั้ง

ทหารในวังจัดการซากศพ ส่วนเหล่าขันทีกับนางกำนัลก็ทำความสะอาดทุกซอกทุกมุม

น้ำใสบรรจุในกะละมังแล้วสาดลงพื้นไม่หยุด ราวกับฝนตกหนักในพระราชวัง แม้นจะกำจัดคราบเลือดได้แล้ว ทว่ากลิ่นคาวเลือดยังไม่จางหาย

บรรดาพระสนมน้อยใหญ่ที่ขวัญเสียไปตาม ๆ กันถูกสั่งให้กลับตำหนักตัวเอง สภาพจิตใจของพวกนางนั้นยังไม่หายจากความหวาดกลัว

ภายใต้การอารักขาของพลปืนไฟ พวกพระสนม องค์ชาย องค์หญิงทุกคนสามารถรอดจากอันตรายครั้งนี้ได้ มีเพียงองค์ชายห้าที่มีรอยเฆี่ยนเต็มตัว

ภายในตำหนักเว่ยยาง แสงเทียนสว่างไสวเช่นกัน

หวงกุ้ยเฟยรู้ว่าองค์ชายห้าต้องเจอกับเหตุการณ์เลวร้ายก็ลูบหน้าอกอย่างสบายใจ

“โชคดีที่ครั้งนี้อวี้จือไม่อยู่เมืองหลวง สวรรค์คุ้มครองให้เขารอดจากเภทภัย”

ถ้าเยียนอ๋องเป็นอะไรไป นางต้องเป็นลมเป็นแล้งแน่

แม่นมเหอเยว่รีบเอ่ย “บ่าวจะรีบเขียนจดหมายไปที่แคว้นตงฉู่เพื่อให้ท่านอ๋องสบายใจเพคะ”

หวงกุ้ยเฟยพยักหน้า เมื่อระลึกถึงเหตุการณ์ช่วงนี้แล้วก็อุทาน

“จี้หลิงหวาทั้งโง่และโลภมาก หากข้าเป็นนางคงไม่เป็นอย่างวันนี้แน่”

จี้ซูเฟยสามารถครองคู่กับบุรุษที่รักตน เขายังยินดีสละบัลลังก์ และสัญญาว่าชั่วชีวิตนี้จะมีจี้ซูเฟยคนเดียว ถ้าจักรพรรดิจาวเหรินทำแบบนี้กับนางบ้าง คาดว่าเวลาหลับนางก็จะต้องอมยิ้มไม่หยุดแน่

แม่นมเหอเยว่วิจารณ์เสียงเบา “แต่นางกลับไม่รู้จักพอ สุดท้ายก็ทำชีวิตตัวเองพัง เสียดายชีวิตอันสวยงามของอันชินอ๋องมากเพคะ”

เมื่อก่อนอันชินอ๋องเป็นที่รักของสตรีทั่วทั้งเมืองหลวง ตอนนั้นเวลาที่นางติดตามข้างกายหวงกุ้ยเฟยแล้วเห็นอันชินอ๋องแต่ไกล หัวใจก็เต้นตุ๊บ ๆ ไปหลายวันแล้ว

หวงกุ้ยเฟยเอ่ยเสียงเรียบ “ตอนนางยังสาว นางสวยดุเทพธิดา คุณชายที่ตามจีบนางล้อมรอบเมืองหลวงได้หลายรอบเลย คงเคยชินกับการเป็นจุดสนใจของคนอื่น อยากให้คนอื่นแย่งชิงกัน”

“ช่างเถอะ ไม่พูดถึงนางแล้ว” หวงกุ้ยเฟยเปลี่ยนหัวข้อการสนทนากะทันหัน กดเสียงเบาแล้วเอ่ยว่า “เหอเยว่ ต่อจากนี้เจ้าจับตามองฮองเฮาให้ดี ดูว่ารุ่ยอ๋องเป็นยังไงแล้ว”

“แล้วไปสืบผู้หญิงชุดดำข้างกายอวิ๋นหลิงคนนั้นด้วย ข้ารู้สึกจิ้งอ๋องกับภรรยาเขาสนิทกับผู้หญิงคนนี้มาก”

สตรีชุดดำที่ฆ่าคนเหมือนหั่นผักทำให้นางยากจะลืมเลือน

“แล้ว...ไปสืบเรื่องของลี่ผินด้วยว่าเป็นยังไงกันแน่”

นางใช้ชีวิตอยู่ในวังหลังยี่สิบกว่าปี ยังมีความลับเท่าไหร่ที่พวกนางไม่รู้?

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ