พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 360

คืนนี้พวกอวิ๋นหลิงไม่ได้กลับจวน

ห้องพระเครื่องมีหมอกควันจากการทำอาหารอีกครั้ง แต่พวกพระสนมกลับไม่มีความอยากอาหารสักนิด พวกนางเห็นภาพสยดสยองกับตาแล้วจะกินลงได้อย่างไร?

ภายในตำหนักฉางหนิง อาหารสิบกว่าจานบนโต๊ะโดนกวาดเรียบ

อวิ๋นหลิงใช้พลังจิตอย่างหนัก จึงหิวแห้งตั้งนานแล้ว ส่วนหลิวฉิงก็เป็นคนกินจุอยู่แล้ว เวลานี้นางเองก็ใช้พลังจิตไปไม่น้อย จึงไม่เป็นอุสรรคให้พวกนางกินเยอะกว่าปกติ

พระเจ้าหลวงเห็นภาพตรงหน้าแล้วก็ต้องผงะ “ฝูเต๋อ...สั่งห้องเครื่องทำอาหารมาเพิ่มอีกหน่อยไหม?”

อวิ๋นหลิงเรอออกมา “ขอบพระทัย...เสด็จปู่เพคะ ไม่ต้องเพิ่มแล้วเพคะ”

พระเจ้าหลวงได้ยินว่าอวิ๋นหลิงกินอิ่มแล้วก็มองหลิวฉิงที่ทำหน้านิ่งด้วยแววตาเป็นมิตรโดยที่ไม่พูดอะไร

หลังจากที่เมื่อครู่พวกเขาคุยกัน จึงรู้ว่าเป็นศิษย์พี่รองของนังหนูหลิง ลูกศิษย์คนรองของเทพเซียน และเป็นพระสนมของจักรพรรดิแห่งเป่ยฉิน

ดูท่าทางอันองอาจ สุขุม สง่างามแล้วไม่เหมือนพระสนมทั่วไป เหมือนกระบี่เซียนมากกว่า

นังหนูหลิงเคยเล่าว่าศิษย์พี่รองของนางใช้กระบี่เก่งมาก

นึกได้ดังนั้น แม้จะเป็นสาวน้อย แต่พระเจ้าหลวงก็มองด้วยแววตาเอ็นดูและนับถือ

“ศิษย์พี่รองของอวิ๋นหลิงเอย ต้องการเพิ่มกับข้าวไหม?”

หลิวฉิงเห็นแววตาอันโอบอ้อมอารีของพระเจ้าหลวงแล้ว ใบหน้าเย็นยะเยือกก็ดีขึ้น อ้าปากอย่างยโส

จากนั้นก็เรอเสียงดัง

“เอิ้ก! ขอบคุณท่านปู่ ข้าก็อิ่มแล้ว”

เมื่อสิ้นเสียงอันมั่นใจดังขึ้น อวิ๋นหลิงก็เรออีกครั้ง

“เอิ้ก”

“เอิ้ก”

สองพี่น้องผลักกันเรออย่างมีจังหวะ ภายในตำหนักฉางหนิงจึงมีแต่เสียงเยี่ยงนี้

พระเจ้าหลวง “...”

เซียวปี้เฉิง “...”

ทั้ง ๆ ที่เมื่อครู่พวกเขาไม่ได้กินเยอะ แต่ตอนนี้ก็เหมือนอยากจะเรอด้วย

อวิ๋นหลิงหยิบไม้จิ้มฟันมาแทะ และไม่ลืมหยิบให้หลิวฉิงด้วย “เสด็จปู่ก็เหนื่อยมาทั้งวัน ดึกขนาดนี้แล้วยังไม่เข้านอนอีก มีเรื่องสำคัญจะคุยกับพวกเราหรือเพคะ?”

เซียวปี้เฉิงเห็นการกระทำของนางแล้วก็น้อยใจเล็กน้อย เมื่อก่อนเวลากินข้าวด้วยกัน นางจะยื่นไม้จิ้มฟันให้เขา

พระเจ้าหลวงกระอิดกระเอื้อน ส่ายหน้ากล่าวว่า “ช่างเถอะ เวลานี้ข้าก็ไม่มีอารมณ์พูดเหมือนกัน”

ตอนแรกคิดว่าจะให้ลูกหลานอยู่เป็นเพื่อนเพื่อคลายความทุกข์ใจ

แต่ตอนนี้ได้ฟังเสียงเรออันเป็นจังหวะเหมือนเสียงดนตรี ความเศร้าหมองของพระเจ้าหลวงก็ลดลงไปเล็กน้อย

อวิ๋นหลิงพูดอ่อนโยนอย่างเข้าอกเข้าใจ “พระองค์...เอิ้ก!ทุกข์ใจเพราะอันชินอ๋องหรือเพคะ?”

อันที่จริงไม่ปลอบใจคนไม่เก่ง ตอนนี้ไม่รู้จะปลอบประโลมพระเจ้าหลวงเช่นไร

พระเจ้าหลวงถอนหายใจ พูดเนิบ ๆ “เจ้าว่าทำไมเจ้าใหญ่ถึงคิดไม่ตกเช่นนี้”

หลิวฉิงยิ่งพูดไม่เก่งกว่าใคร ๆ ทว่านาเพิ่งมาใหม่แล้วกินอาหารไปเยอะ อีกฝ่ายยังเป็นปู่แท้ ๆ ของน้องเขยอีก นางคิดว่าจะเย็นชาเหมือนปกติไม่ได้

“พอแล้ว พวกเจ้าพักผ่อนที่ตำหนักข้างก่อน พรุ่งนี้เช้าค่อยกลับจวนตัวเอง”

“ช่วยบอกท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการแทนข้าด้วย ตอนนี้วังหลวงรกรุงรัง ไม่สะดวกรับแขก ขออภัยเขาด้วย ไว้เวลาเหมาะสมแล้วจะเชิญมาร่วมงานเลี้ยงต้อนรับเขา”

อวิ๋นหลิงพยักหน้า พาสามีและพี่สาวตัวเองไปยังตำหนักข้างของตำหนักฉางหนิง

หลังอาบน้ำอาบท่าเสร็จ นางก็มองเซียวปี้เฉิงแล้วเอ่ยเสียงเบา “คืนนี้ท่านนอนคนเดียวไปก่อน ข้าอยากนอนกับพี่ฉิง...”

เซียวปี้เฉิงหน้าซีดขาวทันที ทนความน้อยใจไม่ได้อีกต่อไป อุ้มนางเข้าไปด้านในด้วยความหึงหวง

วันนี้อวิ๋นหลิงละเลยเขาหลายครั้ง ซึ่งเขาก็ทนมาหลายครั้งแล้วด้วย

แต่จะทนอีกไม่ได้แล้ว หาไม่แล้วเขาต้อง...ร้องไห้หนักด้วยความน้อยใจแน่

เมียจ๋า ไม่เจอกันตั้งนาน กว่าจะได้เจอหน้าเจ้า ข้าต้องผ่านอันตรายจนเกือบเอาชีวิตไม่รอด เจ้าไม่เป็นห่วงข้าเลยหรือ?”

“ร้ายแรงขนาดนั้นเชียว? ข้าเห็นว่าท่านก็ดี ๆ อยู่นี่ วันนี้ยังกำจัดอาสื่อน่าหลี่ด้วยตัวคนเดียวอยู่เลย” อวิ๋นหลิงมองเขาด้วยความสงสัย ก่อนจะเตือนว่า “ข้าแค่อยากระลึกความหลังกับพี่ฉิง และถือโอกาสแลกเปลี่ยนข้อมูล ท่านอย่าหึงเชียวนะ ข้าชอบผู้ชายเอาใจใส่และรู้กาลเทศะ”

เซียวปี้เฉิงกลืนน้ำลายลงคอ เมื่อแผนหึงไม่ได้ผลกับสตรีตรงหน้า

ครั้งนี้เขาก็ฉลาดขึ้นกว่าเดิม ทำหน้าอิดโรยแล้วเอ่ยว่า “แผลข้าไม่น่าเป็นห่วงหรอก แต่สมองนี่สิเหมือนจะใช้การไม่ค่อยดี”

“ก่อนหน้านี้ ตอนข้าโดนจู่โจม พลังจิตของข้าสูญเสียการควบคุมกะทันหัน ช่วงเวลาคับขันเหมือนเลื่อนระดับขั้นได้ แต่อาการที่ตามมาคือปวดหัวบ่อยมาก”

อวิ๋นหลิงนึกถึงภาพที่เขาเข้าวังในวันนี้ เหมือนเขาจะไม่คิดจะใช้พลังจิตเอง หน้านางเปลี่ยนสีโดยพลัน เริ่มกังวลใจขึ้นมา

“ท่านรีบมานอนบนเตียง ให้ข้าดูสมองท่านหน่อย”

สมองคือจุดลี้ลับที่สุดของร่างกาย หากเซียวปี้เฉิงไม่อาจควบคุมพลังจิตแล้วมีโรคแทรกซ้อน กลายเป็นคนโง่หรือคนบ้าขึ้นมาจะทำยังไง?

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ