พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 381

ยากนักกว่าจะมีเวลาได้พักผ่อน อวิ๋นหลิงไม่มีเวลาสนใจเรื่องของลุ่ยอ๋อง ดังนั้นนางจึงร่วมมือกับ เฉียวเย่เพื่อจัดงานเลี้ยงรับรอง

ขณะนี้เป็นช่วงปลายเดือนสามแล้ว ต้นท้อในจวนก็มีดอกไม้สีชมพูเข้มผลิบานเต็มไปหมด

พอลมพัดมากลิ่นหอมของดอกไม้ก็อบอวลไปทั่วจวน และสีชมพูอ่อนราวกับหยาดฝนก็ปกคลุมแผ่นหินอ่อน พอคนเดินผ่านไป ชายเสื้อก็มีกลิ่นหอมอ่อนหลงเหลืออยู่

วันนี้ทั้งภายในและภายนอกจวนได้ปรุงอาหารที่ดีขึ้น งานเลี้ยงรับรองไม่ได้จัดยิ่งใหญ่จนเกินไป เพียงแค่ตั้งโต๊ะกลมขนาดใหญ่ในเรือนเยี่ยนหุยเท่านั้น ที่สามารถนั่งได้สิบคนอย่างสบายๆ

ต้าเป่าและเอ้อร์เป่านอนอยู่บนเตียงไม้เล็กๆ มองไปรอบๆ ด้วยความสงสัย

“อ๊ากกก”

ดูเหมือนจะไม่เคยเห็นฉากที่คึกคักขนาดนี้ พี่น้องสองคนปรบมืออย่างตื่นเต้นและร้องอย่างแปลกใจ

อวิ๋นหลิงสั่งให้ตงชิงและคนรับใช้อีกหลายคนนำอาหารมาทีละจานจนเต็มโต๊ะ

“นั่งลง อย่ายืน หม้อไฟต้องกินร่วมกันถึงจะอร่อย”

อวิ๋นหลิงเรียกทุกคนมา ส่วนตงชิงและแม่นมเฉินที่ดูเด็กๆอยู่ข้างๆก็รีบนั่งลง

แม้ว่าสถานะของพวกเขาจะเป็นนายและบ่าว แต่พวกเขาก็ทานอาหารร่วมโต๊ะกันมากกว่าหนึ่งหรือสองครั้ง ดังนั้นพวกเขาจึงมีสีหน้าปกติ

แต่กลับเป็นเย่ว์อิ่นซิงเฉินสองพี่น้องที่เอาแต่คอยระมัดระวัง นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขานั่งอยู่ที่โต๊ะเดียวกันกับอ๋องผู้สำเร็จราชการแทนในงานเลี้ยง โดยที่ไม่ได้ยืนข้างๆหรือนั่งลง

หลิวฉิงขมวดคิ้วเล็กน้อย ใช้ข้อนิ้วเคาะบนโต๊ะ

“ให้พวกเจ้านั่งก็นั่ง อย่าอิดออด”

กู้ฉางเซินเองก็พยักหน้ากล่าว "ออกมาข้างนอกไม่จําเป็นต้องพิธีรีตองถึงเพียงนั้น น้องสามให้พวกเจ้านั่งก็นั่งลงเถิด"

น้ำเสียงของเขาเรียบนิ่ง หลังจากได้รับการดูแลเป็นอย่างดีในครึ่งเดือนที่ผ่านมา สีหน้าไม่เหมือนกับเมื่อก่อนที่ซีดขาวและราวกับคนป่วย เผยให้เห็นความสง่างามมากขึ้น พร้อมด้วยความสุขุมและทรงอำนาจ

เมื่อได้รับอนุญาตจากกู้ฉางเซิน เย่ว์อิ่น ซิงเฉินก็นั่งลงอย่างสบายใจ

เย่ว์อิ่นอดไม่ได้ที่จะถามอย่างสงสัย “พระชายาจิ้งอ๋อง เหตุใดโต๊ะตัวนี้จึงมีสองระดับ ซ้ำตรงกลางยังหมุนได้”

โต๊ะกลมขนาดใหญ่ตรงหน้านางถูกสร้างขึ้นเป็นพิเศษโดยอวิ๋นหลิง เพื่อความสะดวกในการกินหม้อไฟ

ตรงกลางขุดเป็นวงกลม ให้สามารถถอดและวางหม้อเป็ดแมนดารินได้พอดี จากนั้นเป็นแผ่นไม้เคลื่อนที่ที่กว้างประมาณสองฝ่ามือ สามารถหมุนไปหยิบผักได้

อวิ๋นหลิงอธิบายให้พวกเขาฟังไปพลาง จุดถ่านเงินไว้ใต้หม้อไปพลาง

ถ่านลวดเงินเนื้อดีชนิดนี้เผาไหม้โดยไม่มีควัน ติดไฟยากแต่ดับไม่ง่ายและเป็นสิ่งของพระราชทาน

แต่อวิ๋นหลิงทนไม่ได้ที่จะใช้ถ่านไร้ควันดีๆ เช่นนี้ในการทำความร้อน นอกจากนี้นางยังได้ปรับปรุงและคิดค้นถุงทำความร้อนขึ้น จึงเก็บถ่านเงินทั้งหมดในฤดูหนาวและใช้อีกครั้งเมื่อกินหม้อไฟ

ซิงเฉินกินจนแก้มสองข้างป่อง มองอวิ๋นหลิงและฟังด้วยความเพลิดเพลิน

พระชายาจิ้งอ๋องช่างร้ายกาจและน่าสนใจมากกว่าข่าวลือ

ในระหว่างที่อยู่ในจวนจิ้งอ๋อง พวกเขาไม่เพียงแต่ได้ผ่อนคลายทั้งกายและใจเท่านั้น แต่จิตใจที่ตึงเครียดของอ๋องผู้สำเร็จราชการแทนเป็นเวลาหลายปีก็ผ่อนคลายลงและมีสุขภาพที่ดีอย่างรวดเร็ว

อย่าได้เอ่ยว่าพระสนมฟงมีความสุขมากเพียงใด ดื่มกินเนื้อสัตว์ทุกวันอย่างสุขใจ จนใบหน้าของนางกลมกว่าเดิม

ถ้าสามารถอยู่ได้นานก็คงดี

ในขณะที่กินไปคุยไป ทุกคนก็เริ่มพูดคุยกันอย่างสนิทสนม

จู่ๆเซียวปี้เฉิงก็ฉุกคิดได้ว่า "แคว้นเป่ยฉินมักจะมีอากาศเย็นตลอดทั้งปี ดังนั้นหม้อไฟและถุงร้อนจึงน่าจะได้รับความนิยมอย่างมากที่นั่น"

เดิมทีมันเป็นหยกชิ้นเดียวกัน ถูกเจียรแบ่งออกเป็นสองชิ้นโดยเฉพาะ พอประกบกันก็จะเป็นวงกลมที่สมบูรณ์

เซียวปี้เฉิงมองปราเดียวกฌรู้ได้ว่าหยกโบราณชิ้นนั้นไม่ธรรมดา เป็นสิ่งของที่กู้ฉางเซินพกติดตัวได้ เกรงว่าจะล้ำค่าอย่างมาก

เขามีสีหน้าวิตกเล็กน้อย ลังเลว่าไม่รับ "นี่เกรงว่าจะล้ำค่าจนเกินไปกระมัง?"

กู้ฉางเซินกล่าวด้วยรอยยิ้มบางๆ บนใบหน้าของเขา "ดูจากความสัมพันธ์ของพวกเราแล้ว ไยต้องถือสาด้วย? มันเป็นแค่หยกโบราณธรรมดาชิ้นหนึ่งเท่านั้น ครานี้มาอย่างรีบเร่ง จึงไม่ได้เตรียมตัวให้ดี คงได้แต่ต้องทดแทนให้พวกเขาในภายหลัง”

หยกโบราณธรรมดาทั่วไป...

เซียวปี้เฉิงเงียบไปครู่หนึ่ง ลอบปวดใจเงียบๆราวกับตนเองเป็นคนยากจน

“พี่กู้ใส่ใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะรับไว้แทนพวกเขาสองคน”

เอ่ยจบ เขาก็รับหยกโบราณมาคล้องคอลูกทั้งสอง และดื่มสุราสักจอกให้กับกู้ฉางเซิน

ตามธรรมเนียม หากต้าเป่าเอ้อร์เป่ายอมรับว่ากู้ฉางเซินเป็นพ่อบุญธรรม เขาควรคุกเข่าคำนับสามครั้งและดื่มชาหนึ่งจอก

แต่ด้วยความที่เด็กทั้งสองยังเล็กอยู่ ดังนั้นผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายจึงดื่มสุราสักแก้วให้กัน ซึ่งถือเป็นพิธีอย่างเป็นทางการ

ดวงตาที่สดใสของอวิ๋นหลิงขยับเล็กน้อย นางมองไปที่หลิวฉิงด้วยรอยยิ้ม และเอ่ยอย่างมีความนัย

“เช่นนั้นเจ้าเด็กทั้งสองก็มิใช่ว่าควรนับเจ้าเป็นแม่ทูนหัวหรือ?”

พ่อบุญธรรมและแม่บุญธรรมนั้นเทียบเท่ากับพ่อทูนหัวและแม่ทูนหัว ทันทีที่นางเอ่ยประโยคนี้ออกมา กู้ฉางเซินก็มองไปยังหลิวฉิงโดยไม่รู้ตัว ด้วยสีหน้าที่ลึกซึ้ง

เขากลายเป็นพ่อบุญธรรมของเด็ก เช่นนั้นหลิวฉิง... ก็เท่ากับว่า...

หัวใจของกู้ฉางเซินค่อยๆสั่นไหวขึ้นมา

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ