ทุกวันนี้พระสนมลี่ผินเป็นที่จับตามองอย่างมากในวัง
จักรพรรดิจาวเหรินมีพระสนมทั้งหมดไม่มากนัก หลังจากฮองเฮาเฟิงสิ้นพระชนม์ หลี่กุ้ยเฟยถูกลดตำแหน่ง เหลียงเฟยถูกกักบริเวณ
เพียงคนเดียวที่ไม่เคยทำผิดพลาดและถูกลงโทษ เป็นผู้ที่โปร่งใสเก็บตัวสันโดษมาโดยตลอดและไม่มีความรู้สึกถึงการดำรงอยู่
แม้ว่าวังหลังจะมีคนไม่มาก แต่ก็ไม่อาจไร้คนจัดการดูแลได้
ไทเฮาไม่สนใจดูแลวังหลังมานานหลายปีแล้ว ดังนั้นสนมลี่ผินจึงได้รับความไว้วางใจจากจักรพรรดิจาวเหรินให้ทำหน้าที่สำคัญ ระหว่างที่สนมเหลียงถูกกักบริเวณ ก็ให้ช่วยเหลือหลี่กุ้ยเฟยไปก่อน
เมื่อเผชิญหน้ากับพระสนมที่คมในฝักผู้นี้ จักรพรรดิจาวเหรินก็รู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย
ก่อนที่จะออกพระราชโองการ เขาได้ไปหาสนมลี่ผินที่วังหลังด้วยตนเอง
“ถวายพระพรฝ่าบาท”
เมื่อพระสนมลี่ผินเห็นคนมา ก็ลุกขึ้นเตรียมจะยอบกายคารวะ แต่จักรพรรดิจาวเหรินกลับรีบยื่นมือออกมาประคองไว้
“เจ้าไม่จำเป็นต้องมีพิธีรีตองถึงเพียงนั้น เจ้าหกบอกว่าเจ้าไม่สบายมาสองวันแล้ว พักผ่อนบนเตียงไปเถิด”
ยิ่งซิ่วกูกูที่อยู่ข้างๆ อดมองไปที่จักรพรรดิจาวเหรินอีกสองสามหนไม่ได้
สนมลี่ผินมีสุขภาพไม่ดี ในอดีตจักรพรรดิจาวเหรินก็ปฏิบัติต่อนางอย่างใจกว้างและอ่อนโยน แต่ไหนแต่ไรมาไม่เป็นดังเช่นวันนี้…ที่เอาแต่คอยระมัดระวังจนเกินพอดี
“หม่อมฉันขอบพระทัยฝ่าบาทที่ทรงห่วงใย ไม่ทราบว่าวันนี้ฝ่าบาทเสด็จมาด้วยเรื่องอันใดเพคะ?”
จักรพรรดิจาวเหรินกระแอมไออย่างผิดธรรมชาติและกล่าวว่า "เจ้าไม่สบาย ข้าจึงมาเยี่ยมเจ้า พลางถือโอกาสเอ่ยบางเรื่องกับเจ้า"
เขาต้องการให้สนมลี่ผินช่วยหลี่กุ้ยเฟยในการจัดการดูแลวังหลัง แต่ก่อนหน้านั้น เขาจำต้องแน่ใจถึงความสัมพันธ์ระหว่างสนมลี่ผินและสำนักทิงเสวี่ยว่าเป็นมาอย่างไรเสียก่อน
ก่อนหน้ายุ่งเกี่ยวกับราชกิจจนละเลยสนมลี่ผินไป ยามนี้ในที่สุดก็ว่างแล้ว ทั้งยังเตรียมใจมาอย่างดีแล้ว
สนมลี่ผินรู้ว่าจักรพรรดิจาวเหรินช้าเร็วอย่างไรก็ต้องมา นางมีท่าทีสงบเป็นอย่างมาก พลางเอ่ยเสียงนุ่มนวล "ฝ่าบาททรงอยากจะถามเกี่ยวกับเรื่องของสำนักทิงเสวี่ยใช่หรือไม่เพคะ?"
จักรพรรดิจาวเหรินชะงักไปเล็กน้อยและพยักหน้าด้วยแววตาที่ซับซ้อน
“เจ้าไม่ใช่บุตรสาวของทูตขนส่งเกลือหลวงขั้นสี่หรอกหรือ เหตุใดเจ้าจึงไปมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับสำนักทิงเสวี่ยได้?”
สนมลี่ผินทอดถอนใจเบา ๆ “ กว่าสิบปีที่ผ่านมา เดิมหม่อมฉันคิดว่าใช้ชีวิตในฐานะสนมลี่ผินไปตลอดแต่จู่ๆเรื่องราวต่างๆก็อยู่นอกเหนือการควบคุม บัดนี้ฝ่าบาททรงตรัสถามแล้ว หม่อมฉันก็ไม่ขอปิดบังอีกต่อไป”
“ชื่อจริงของหม่อมฉันคือกงจื่อหว่าน ดังที่ฝ่าบาทคาดเดาเอาไว้ หม่อมฉันเป็นทายาทสายตรงของสำนักทิงเสวี่ย”
สนมลี่ผินเล่าถึงประวัติความเป็นมาของตนอย่างหมดเปลือก
ย้อนกลับไปตอนนั้นพี่เขยของนางหลงรักนาง เพราะนางไม่อยากรับใช้สามีคนเดียวกันกับพี่สาว ทั้งไม่อยากให้พี่สาวน้องสาวกลายเป็นศัตรูกัน จึงได้เลือกหลบหนีจากงานแต่งและออกจากสำนักทิงเสวี่ย
ส่งผลให้นางถูกมองว่าเป็นคนทรยศและถูกไล่ล่าจากคนในสำนัก
“ยิ่งซิ่วเป็นสาวกประกาศิตป้ายม่วงในสำนักทิงเสวี่ย ที่เติบโตมาด้วยกันกับหม่อมฉัน เราสองคนซ่อนตัวอยู่ในราชวงศ์ต้าโจว ครานั้นเกิดอุบัติเหตุน้ำหลากขึ้น ทว่าโชคดีที่ได้รับการช่วยเหลือจากเด็กกำพร้าคนหนึ่ง ระหว่างรักษาอาการบาดเจ็บนั้น เมื่อหม่อมฉันออกไปข้างนอกกลับมา กลับเห็นว่าผู้มีพระคุณถูกพวกโจรฆ่าอย่างทารุณ”
หลังจากการสอบสวน นางก็พบว่าผู้มีพระคุณคือบุตรสาวที่ถูกส่งตัวไปลี้ภัยอยู่ข้างนอกของใต้เท้าเจิ้งทูตขนส่งเกลือหลวงขั้นสี่ ขุนนางแห่งราชสำนักต้าโจว
หลังจากที่ใต้เท้าเจิ้งรู้ถึงการดำรงอยู่ของนาง จึงคิดจะรับตัวคนกลับมา แต่กลับถูกฮูหยินคนต่อมาชิงสังหารเสียก่อน
“หม่อมฉันเพื่อที่จะตอบแทนบุญคุณ จึงยังคงใช้ชีวิตในฐานะของผู้มีพระคุณต่อไป และกลับไปยังตระกูลเจิ้งเพื่อล้างแค้นให้นาง จากนั้นข้าก็ถูกรับเลือกให้เข้าวัง และโชคดีที่ได้รับเลือกให้อยู่ในวังเพื่อรับใช้ฝ่าบาท”
หากนำประสบการณ์ที่ผ่านมาของสนมลี่ผินครั้งยังสาวเขียนเป็นเรื่องราวออกมา มันคงเป็นตำนานบทหนึ่งทีเดียว
แม้ว่าในเวลานั้นนางจะเป็นเพียงหญิงสาวอายุสิบแปดปี แต่นางกลับเป็นหนึ่งในผู้ได้รับการปลูกฝังอย่างพิถีพิถันจากสำนักทิงเสวี่ย โดยมียิ่งซิ่วกูกูคอยระวังเรือนหลังให้ จึงสามารถพลิกสถานการณ์และไม่มีผู้ใดกล้าลงมือกับนางอีก..
สนมลี่ผินพยักหน้าด้วยรอยยิ้มเล็กน้อย “หม่อมฉันขอบพระทัยสำหรับความเมตตาของฝ่าบาทเพคะ”
หลังจากที่ทั้งสองได้สนทนากันอย่างลึกซึ้ง จักรพรรดิจาวเหรินก็ยังคงหวังว่าสนมลี่ผินจะช่วยจัดการวังหลังได้
เขาขบคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้มาเป็นเวลานาน และพบว่าสนมลี่ผินดีกว่าพระสนมคนอื่นๆ มากในแง่ของทัศนคติโดยรวมไปจนถึงวิธีการจัดการเรื่องต่างๆ
สิบกว่าปีมานี้ เขาไม่เคยจำได้ว่าสนมลี่ผินได้กระทำความผิดใดๆไปบ้าง ไม่ว่านางจะเผชิญหน้ากับฮองเฮาเฟิงที่ยิ้มอย่างเชือดเฉือนหรือหลี่กุ้ยเฟยผู้มีท่าทีฉุนเฉียว นางก็สามารถเดินหน้าและตั้งรับได้อย่างเหมาะสม
ในวังหลังที่กินคนโดยไม่คายกระดูกออกมาแห่งนี้ สนมลี่ผินยังคงสามารถคงสถานะเอาไว้ได้เช่นนี้
จำต้องบอกว่าลักษณะนิสัยใจคอ อุบาย และฝีมือเช่นนี้ดีกว่าตระกูลเฟิงที่ยิ่งใหญ่ที่พระเจ้าหลวงชื่นชอบเสียอีก และนำหน้าตระกูลเฟิงเล็กไปสิบช่วงตึกด้วยซ้ำ
สนมลี่ผินคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก็ตกปากรับคำอย่างยินดี "หม่อมฉันยินดีที่จะแบ่งปันความกังวลของฝ่าบาท"
จักรพรรดิจาวเหรินมีความสุขมาก "เจ้าคือผู้ช่วยชีวิตข้าในช่วงที่ในวังเกิดการเปลี่ยนแปลง ข้าจะออกราชโองการในไม่ช้าและแต่งตั้งเจ้าเป็นเต๋อเฟย"
เขาไม่ได้คิดที่จะคืนอำนาจครึ่งหนึ่งให้กับสนมเหลียงแล้ว ดูเหมือนว่าสนมเหลียงจะไม่ใช่คนที่ฝากความหวังไว้ได้ ผ่านมากี่วันแล้ว และเจ้าห้ายังคงก่อปัญหาไม่เว้นวัน
จักรพรรดิจาวเหรินหวังว่านับจากวันนี้ไปสนมลี่ผินจะดูแลจัดการเรื่องเล็กใหญ่ในวังหลัง ดังนั้นเขาจึงวางแผนที่จะแต่งตั้งนางเป็นหนึ่งในสี่พระสนม
เมื่อสนมลี่ผินได้คิดอย่างรอบคอบแล้วก็เข้าใจจุดประสงค์ของเขาที่วางแผนจะแต่งตั้งนางในทันที จึงได้ส่ายศีรษะปฏิเสธ
“ขอบพระทัยในความเมตตาของฝ่าบาท แต่หม่อมฉันมีร่างกายที่อ่อนแอและเกรงว่าจะไม่อาจปฏิบัติหน้าที่สำคัญที่ฝ่าบาทมอบให้ได้ หลังจากสนมเหลียงสิ้นสุดการกักบริเวณลง หม่อมฉันจะคืนอำนาจการดูแลให้กับนางเพคะ”
ตอนนี้นางอายุสามสิบแล้ว ร่างกายของนางก็แย่กว่าตอนที่นางยังเด็กมาก แม้ว่านางจะต้องบรรเทาความกังวลของจักรพรรดิจาวเหรินทว่านางเองก็ต้องดูกำลังของตนด้วย
จักรพรรดิจาวเหรินพลันฉุกคิดได้ว่าสนมลี่ผิน ดูเหมือนจะป่วยและกลัวความหนาวอยู่เสมอ
เขาอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว “เจ้าเป็นโรคเรื้อรังอันใด แม้ว่าลูกสะใภ้สามจะเป็นคนประหลาด แต่นางก็มีทักษะทางการแพทย์ที่ยอดเยี่ยม ขอให้นางมาดูอาการให้เจ้าเสียหน่อย จะต้องหายขาดอย่างแน่นอน!"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ
วิธีเติมเหรียญตรงไหนอย่างไร...
จะมีอัพต่อจนจบไหมค่ะแอด...
นึกว่าจะอัพจนจบเสียอีกค่ะ กำลังสนุกเข้มข้นเชียว...
รบกวนแอดช่วยอับต่อไปให้จบเรื่องได้ไหมคะ รออ่านอยู่น้า...
ตอนต่อไปอ่านที่ไหนคะ...
ตอนต่อไป อัพช่วงไหนคะ 😭😭😭...
อัพต่อเถอะนะคะ...กำลังสนุกเลยค่ะ😅😄😊😘...
สนุกมากค่ะ..เดินเรื่องเร็ว..พระเอกไม่โง่..นางเอกฟาดแรงสะใจ...อ่านแล้วบันเทิงมาก55555......
ขอบคุณค่ะ...
รีบมาต่อนะคะ กำลังสนุกเลย...