พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 653

การรักสวยรักงามเป็นเรื่องธรรมชาติของมนุษย์

เมื่อพบกับผู้หญิงที่มีหน้าตางดงามเช่นนี้ จู่ๆอวิ๋นหลิงก็สะกดกลั้นความอยากรู้เอาไว้ไม่ได้

“ได้ยินชื่อเสียงของแม่นางหลีว่าเป็นหญิงงามขายเต้าหู้มานาน วันนี้ได้เห็นกับตาแล้วสมคำร่ำลือจริงๆ ไม่ทราบว่าท่านมีเคล็ดลับคงความอ่อนเยาว์อะไร”

มองจากหน้าตาของกู้ฮั่นม่อ ก็รู้ว่าพ่อแม่ของเขาก็ไม่น่าจะเลวร้ายอะไร

แต่อวิ๋นหลิงคิดตลอดว่า สามารถเลี้ยงดูลูกให้เติบโตเพียงลำพัง แม่นางหลีน่าจะเป็นหญิงที่เผชิญความลำบากมาไม่น้อย

แต่กลับคิดไม่ถึงว่าจะมีหน้าตาท่าทางโดดเด่นเช่นนี้

ความขาวที่ไม่ได้ขาวจนรู้สึกสึกเย็นเหมือนอาการป่วยของสนมลี่ผิน แต่เป็นสีขาวที่แฝงไปด้วยความแดงระเรื่อดูสุขภาพดี

แม่นางหลีเอ่ยด้วยรอยยิ้มสดใสว่า “พระชายารัชทายาทชมเกินไปแล้ว หม่อมฉันไม่ได้มีเคล็ดลับความอ่อนเยาว์อะไรเลย ก็แค่สวรรค์ประทานใบหน้าให้ ส่วนพ่อแม่ก็มอบผิวพรรณที่ดีให้เท่านั้นเอง”

คนในบ้านมารดาของนางมีผิวพรรณขาวผ่องละเอียดนุ่มมาแต่กำเนิด ใครเห็นใครก็ชมว่าสวย นางโชคดีที่ได้รับการสืบทอดจุดเด่นนี้ของมารดา

“แต่ถ้าจะพูดถึงเรื่องความอ่อนเยาว์ ที่หลินอันของพวกเรามีคำพูดที่ว่า กินเต้าหู้สามมื้อ จะมีหน้าตาสวยสดงดงาม เป็นเพราะว่าคนหลินอันชอบกินเต้าหู้ ด้วยเหตุนี้คนส่วนใหญ่ที่นั่นจึงมีผิวพรรณขาวละเอียด”

ได้ยินคำพูดนี้ เซียวปี้เฉิงก็หูผึ่งขึ้นมาทันที จ้องมองแม่นางหลีอย่างวิเคราะห์อยู่ครู่หนึ่ง

ถ้าดูอย่างละเอียดละก็ ริ้วรอยตรงหางตาของนางก็สามารถมองเห็นได้ชัดเจน เป็นเพราะผิวพรรณที่ขาวละเอียด จึงทำให้ดูอ่อนเยาว์ขึ้นจริงๆ

เส้นทางแห่งความขาวสวย คิดว่านอกจากยาทาภายนอกแล้ว ต้องปรับสมดุลภายในด้วย

อวิ๋นหลิงเอ่ยด้วยรอยยิ้มสวยงาม “เป็นเช่นนี้นี่เอง”

ทั้งๆที่เป็นการพบบุคคลในราชวงศ์เป็นครั้งแรก แต่แม่นางหลีกลับไม่มีท่าทีหวาดกลัว เชิญสองสามีภรรยาทั้งสองเข้าไปนั่งในเรือนด้วยตนเอง

“เมื่อวานได้รับรู้ว่าท่านทั้งสองจะมา เมื่อครู่จึงได้ทำของว่างเอาไว้ ฤดูใบไม้ร่วงอากาศเย็น พวกเราเข้าไปในเรือนกินไปด้วยคุยไปด้วยดีกว่า”

หลังจากที่เข้าไปในเรือน แม่นางหลีก็ยกเต้าหู้ที่ทำจากเมล็ดซิ่งและดอกหอมหมื่นลี้ออกมา

เดือนสิบเป็นเดือนที่ดอกหอมหมื่นลี้เบ่งบานส่งกลิ่นหอมหวาน ก่อนหน้านี้ได้มีการเก็บสะสมดอกหอมหมื่นลี้ตากแห้งไว้ไม่น้อย แต่งแต้มอยู่บนเต้าหู้เมล็ดซิ่งส่งกลิ่นหอมอบอวลไปทั่วห้อง

นั่งรถม้ามาเป็นเวลานาน ตอนนี้เซียวปี้เฉิงรู้สึกหิวขึ้นมาบ้างแล้ว

เขาชิมไปหนึ่งคำ เอ่ยด้วยสีหน้าประหลาดใจ “ฝีมือของแม่นางหลี่สมคำร่ำลือจริงๆ แค่เคยได้ยินว่าท่านทำเต้าหู้เป็น แต่คิดไม่ถึงว่าของว่างอย่างเต้าหู้เมล็ดซิ่งยังทำได้อร่อยเช่นนี้ รสชาติเหมือนที่พ่อครัวในห้องเครื่องทำไม่มีผิด กระทั่งอร่อยกว่าด้วยซ้ำ”

ผู้ดูแลเจิ้งนั่งอยู่ด้านล่าง ยิ้มพลางเอ่ยว่า “พระองค์คงไม่รู้ ท่านปู่ของแม่นางหลีเคยเป็นพ่อครัวอยู่ในห้องเครื่องของพระราชวัง กระหม่อมก็เพิ่งรู้เมื่อวาน ในโรงอาหารของพวกเรายังมีพ่อครัวที่เคยเป็นลูกศิษย์ของอีกฝ่ายด้วย”

“ตระกูลหลีเป็นต้นกำเนิดและผู้สืบทอดวิธีการทำเต้าหู้เมล็ดซิ่ง เพราะอาหารชนิดนี้จึงทำให้พ่อครัวหลีได้เข้าไปทำงานในห้องเครื่องในตอนนั้น พระเจ้าหลวงทรงชื่นชอบของหวาน ถ้าพระองค์กลับไปถามดู ไม่แน่ว่าอาจจะยังจำชื่อของพ่อครัวหลีได้”

อวิ๋นหลิงรู้สึกประหลาดใจ คิดไม่ถึงว่าต้นกำเนิดของแม่นางหลีจะเกี่ยวข้องกับราชวังอยู่หลายส่วน

ช่างเป็นโชคชะตาที่แสนมหัศจรรย์

หลังจากที่พูดคุยกัน จึงได้รับรู้ถึงที่ไปที่มาของเรื่องราว

ที่แท้ตอนนั้นห้องเครื่องเคยลดกำลังคนลง เป็นเพราะพ่อครัวหลีไม่ถนัดการทำอาหารอย่างอื่น จึงถูกไล่ออกจากวังหลวง

แต่นางมีความรักที่ลึกซึ้งต่อสามีที่เสียชีวิตไปแล้ว หลายปีมานี้ไม่เคยมีความคิดที่จะแต่งงานอีก แม่สื่อผู้หวังดีทั้งหลายเห็นว่าขอร้องอย่างไรก็ไม่ได้ผล จึงรามือกันไปเอง

ตระกูลหลีกับตระกูลกู้ล้วนเป็นคนดีที่คนในหลินอันต่างก็รับรู้ ตอนแรกที่เกิดภัยจากความอดอยาก ตระกูลหลียังเคยใช้ทรัพย์สินของตระกูลในการช่วยเหลือชาวบ้าน

แม่นางหลีแม้จะยากจนแต่ไม่ละทิ้งความมุ่งมั่น ไม่เคยรับความช่วยเหลือเรื่องเงินทองจากผู้อื่นเปล่าๆ ด้วยเหตุนี้ชาวบ้านข้างเคียงต่างก็ไปซื้อเต้าหู้กับนาง และยังสามารถช่วยเหลือส่งเสริมแม่หม้ายลูกกำพร้าคู่นี้อีกด้วย

การขายเต้าหู้เลี้ยงชีพนั้นไม่ยาก แต่เพื่อส่งเสียลูกชายเรียนหนังสือ ครอบครัวไม่สามารถมีเงินเก็บออม มักจะเงินขาดมืออยู่เสมอ

เมื่อเอ่ยถึงกู้ฮั่นม่อ แม่นางหลีก็ถอนหายใจและพูดว่า “ฮั่นม่อเจ้าเด็กคนนี้ก็เหมือนพ่อของเขา ล้วนไม่อยากให้ข้าลำบาก เรียนรู้งานฝีมือเบ็ดเตล็ดต่างๆกับชาวบ้านตั้งแต่ยังเล็ก แค่แปดขวบก็หาเลี้ยงครอบครัวได้แล้ว”

ขุดรากบัว เก็บเมล็ดบัว จับงูเก็บสมุนไพร งานเบ็ดเตล็ดเหล่านี้เขาล้วนเคยทำมาหมดแล้ว และทำลับหลังแม่นางหลีทั้งสิ้น

“กระทั่งฮั่นม่อผ่านการสอบระดับท้องถิ่น แล้วก็สอบคัดเลือกเป็นซิ่วไฉ หลังจากที่มียศตำแหน่งแล้ว ชีวิตของพวกเราแม่ลูกจึงนับว่าดีขึ้นมาบ้าง”

กู้ฮั่นม่อฉลาดมีไหวพริบ มีวิธีหาเงินมากมาย เพียงแต่การเรียนก็ยุ่งมากขึ้นเรื่อยๆ ยากที่จะทุ่มเทความคิดไปทางเรื่องของเงินทอง

เขาไม่ทำให้แม่นางหลีผิดหวัง ได้รับคำชื่นชมจากสำนักศึกษาในพื้นที่ มีอาจารย์ที่เกษียณอายุของสำนักศึกษาฮั่นหลินรู้สึกเสียดายในความสามารถของเขา จึงได้ใช้ความสัมพันธ์ส่วนตัวส่งเขาไปเรียนที่สำนักศึกษาเป่ยลู่ในเมืองหลวง

“ทุกๆสามเดือน ฮั่นม่อจะวานให้คนช่วยส่งตั๋วเงินกลับมาที่บ้าน ข้าคิดมาตลอดว่าเขาคงมีชีวิตที่ไม่เลวอยู่ในสำนักศึกษาเป่ยลู่ ไหนเลยจะคิดว่าเด็กคนนี้จะปิดบังข้าไปทุกเรื่อง โชคดีที่ได้รับความช่วยเหลือจากท่านทั้งสอง และวันนี้ยังช่วยให้พวกเราแม่ลูกได้พบกัน หม่อมฉันรู้สึกซาบซึ้งใจมากจริงๆ”

ว่าแล้ว ใบหน้าของแม่นางหลีก็มีแววซาบซึ้งใจเผยออกมา แล้วก็ลุกขึ้นมาคำนับสองสามีภรรยาอวิ๋นหลิงอีกครั้ง

กู้ฮั่นม่อใช้ชีวิตอย่างยากลำบากแร้นแค้นในเมืองหลวง เป็นเพราะว่าพอเขามีเงินก็จะส่งกลับบ้านทั้งหมด ก่อนหน้านี้นางถูกปกปิดไม่รับรู้อะไรทั้งสิ้น ไม่รู้ว่าเขาถูกคนอื่นรังแกรีดไถ ถูกไล่ออกจากสำนักศึกษาเป่ยลู่เป็นเวลากว่าครึ่งปีแล้ว

เขาไร้อำนาจไร้บารมี ในเมืองหลวงก็ไม่มีญาติพี่น้อง ถ้าหากไม่ใช่เพราะอวิ๋นหลิงเปิดสำนักศึกษาชิงอี้ ก็คงไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไรจริงๆ

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ