ต้นเดือนเมษา ลมที่พัดมาในตอนกลางคืนของเมืองเป่ยยังคงให้ความรู้สึกเย็นอยู่เล็กน้อย
ยวี่จิ้นเหวินกับหนานซ่งออกมาจากชานชาลา ยวี่เจ๋ออวี่กับยวี่เจียหางคอยอยู่ที่ประตูทางออกอยู่นานแล้ว
เขาโบกมือให้ทั้งสองคนทั้งที่อยู่ห่างกันตั้งไกล "พี่ใหญ่ พี่หนาน!"
"แม่ของฉันเป็นไงบ้าง?" ยวี่จิ้นเหวินถามขึ้น
ยวี่เจียหางตอบ "คุณป้าออกมาแล้ว เด็กในท้องของโจ๋เยว่ไม่เป็นอะไร ถือว่าเป็นเรื่องที่ไม่มีอะไรน่ากังวล โชคร้ายจริง ๆ !"
"ไม่ใช่แค่โชคร้าย ผู้หญิงคนนั้นน่ะหน้าไม่อาย!"
ยวี่เจ๋ออวี่โมโหจนต้องด่าออกมา "เธอเป็นคนหาเรื่องน่าอายให้ตัวเองแท้ ๆ พอเจอคนอื่นเขาตลบหลังให้ คนที่ไปแจ้งตำรวจก็เป็นเธอ ต้องนั่งดูเธอเล่นละครไปวัน ๆ "
หางตาของยวี่จิ้นเหวินกระตุก ดวงตาทั้งสองข้างของเขาวาวโรจน์ น้ำเสียงเย็นชาเอ่ยขึ้น "กลับบ้านกันก่อนแล้วค่อยว่ากันอีกที"
รถขับไปบนทางไปคฤหาสน์เก่าตระกูลยวี่ ห่างไปไม่ไกลก็เห็นรถเบนซ์คันสีดำจอดอยู่หน้าซอย ยวี่เจ๋ออวี่สบถออกมา: "เฮ้ย นี่มันรถของเสิ่นหลิวซูไม่ใช่เหรอ?! นี่เขายังกล้ามาที่นี่อีก!"
ยวี่จิ้นเหวินกับหนานซ่งหันไปมอง แล้วหรี่ตาลงพร้อมกัน
หลังจากที่เข้าไปในคฤหาสน์เก่าตระกูลยวี่แล้ว ก็เดินไปฝั่งที่เป็นบ้านของยวี่เฟิ่งเจียว
ตอนที่เพิ่งจะเดินผ่านประตูโค้งไป ก็ได้ยินน้ำเสียงตกใจปนไม่เชื่อของเสิ่นหลิวซูดังออกมา "อาเจียว เธอยืนได้แล้วเหรอ?"
"......"
เสิ่นหลิวซูเองก็เพิ่งกลับมาจากต่างจังหวัด พอลงจากเครื่องบินปุ๊บเขาก็ได้รับโทรศัพท์จากโจ๋เยว่ทันที ในสายเธอกำลังร้องไห้ใส่เขา
เขารีบไปโรงพยาบาล เพื่อดูอาการของโจ๋เยว่ พอมั่นใจว่าเด็กในท้องไม่เป็นอะไร เขาถึงได้วางใจ จากนั้นก็ต้องฟังโจ๋เยว่ร้องไห้พร่ำพรรณนาอยู่นาน
"ฉันได้ยินโจ๋เซวียนบอกว่าอาจิ้นยังไม่ตาย ก็เลยดีใจมาก ๆ เลยไปหาเขาที่คฤหาสน์เก่าตระกูลยวี่ เผื่อจะได้ปลอบพี่เจียวสักหน่อยด้วย ใครจะไปคิด ว่าความโกรธแค้นที่พี่เขามีต่อฉันมันจะมากขนาดนั้น ไม่ทันจะได้พูดอะไรก็ผลักฉันออกมาจากคฤหาสน์ ฉันกลัวว่าลูกจะเป็นอะไรไป เลยขอให้เธอนั้นทำเบา ๆ หน่อย แต่ว่าเธอ......อาซู คุณอย่าโทษพี่เจียวเลยนะ เป็นฉันที่ไม่ดีเอง ฉันแจ้งความกับตำรวจไปแล้วล่ะ......"
เสิ่นหลิวซูได้ข่าวว่าลูกชายของตนนั้นยังไม่ตายระหว่างที่กำลังออกไปทำงานต่างจังหวัด มีคนเห็นยวี่จิ้นเหวิน
เขานั้นดีใจไปตลอดทาง ดังนั้นก็เลยกลับมาที่เมืองเร็วกว่ากำหนด เขาอยากกลับมาถามอาเจียวว่าตกลงแล้วเรื่องนี้มันยังไงกันแน่ ไม่นึกเลยว่าจะเกิดเรื่องขึ้นกับโจ๋เยว่เสียก่อน
คำพูดก่อนหน้านั้นที่โจ๋เยว่เล่าออกมา เขารับฟังมันด้วยใบหน้าไร้อารมณ์ แต่พอได้ยินคำว่า 'แจ้งความ' สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปในทันที เขาขมวดคิ้ว "เธอแจ้งความกับตำรวจแล้วอย่างนั้นเหรอ?"
"......" โจ่เยว่ตกใจกับสายตาโมโหที่เขามองมาที่เธอ ดังนั้นเสียงของเธอก็เลยเงียบไป จากนั้นก็พูดออกมาต่อ: "ฉันไม่ได้เป็นคนแจ้ง เป็นเสี่ยวหรงต่างหากที่แจ้งให้ เสี่ยวหรงก็แค่เป็นห่วงฉัน......"
พี่เลี้ยงเสี่ยวหรง ยืนก้มหน้าเงียบ ๆ อยู่ข้าง ๆ
เสิ่นหลิวซูมองโจ๋เยว่ด้วยใบหน้าที่ไม่พอใจ เขาไม่พูดอะไรออกมา
โจ๋เยว่ที่ถูกมองด้วยสายตาน่ากลัวแบบนั้นเธอก็กลัวจนขนหัวลุก จากนั้นก็พูดออกมาเสียงอ่อย: "คุณ......คุณไม่ต้องกังวลหรอกค่ะ พอลูกไม่เป็นอะไร ฉันก็รีบโทรไปถอนแจ้งความกับตำรวจทันทีเลย ตอนนี้เธอน่าจะออกมาแล้ว"
"ทำไมจะต้องทำเรื่องแบบนี้ด้วย?" อยู่ ๆ เสิ่นหลิวซูก็พูดขึ้น
เสิ่นหลิวซูมีสีหน้าหน่ายใจ มองเธอด้วยสายตาเย็นชา "แผนพวกนี้ เธอใช้มันมาตั้งยี่สิบปีแล้ว ยังไม่เบื่ออีกเหรอ?"
หัวใจของโจ๋เยว่กระตุกอย่างรุนแรง
เสิ่นหลิวซูยืนอยู่ตรงหัวเตียง ทั้ง ๆ ที่ทั้งสองคนห่างกันแค่เพียงหนึ่งก้าว กลับดูเหมือนห่างไกลกันเป็นพันหมื่นลี้
ใบหน้าของเขา ไม่มีความอบอุ่นดังเช่นวันวานเหลืออยู่เลย สิ่งที่เหลืออยู่ มีเพียงแต่ความระอา เย็นชา
"โจ๋เยว่ ในเรื่องเด็กเลี้ยงแกะหมาป่ามันออกล่ายังไม่เกินสามครั้งเลย คำโกหกบางคำ พูดบ่อย ๆ ก็ไม่มีใครเชื่อเหมือนกัน"
เสิ่นหลิวซูห่มผ้าห่มให้เธอ เพื่อจะปิดหน้าท้องนูนนั่น "เพราะว่าเธอ ฉันถึงได้ทำลายชีวิตรักของฉัน เป็นคนปิดฉากครอบครัวที่สมบูรณ์แบบเองกับมือ ที่จริงในครั้งแรกของพวกเรา ฉันนั้นเสียใจมาก ๆ แต่ว่าฉันกลับโลภ เพราะชอบความรู้สึกอย่างว่า แทนที่จะพูดว่าฉันนั้นเปลี่ยนใจไปรักเธอ ควรจะพูดว่าฉันชอบความตื่นเต้นที่เธอเป็นคนสร้างให้ฉันมากกว่า"
"คุณมาทำอะไร? ไสหัวออกไปเดี๋ยวนี้!"
เธอไม่แม้แต่จะรักษามารยาทขั้นพื้นฐานด้วยซ้ำ
เสิ่นหลิวซูก้าวขึ้นไปด้านหน้า "อาเจียว ผมเพิ่งกลับมาจากต่างจังหวัด ผมรู้ว่าคุณไม่ได้ผลักโจ๋เยว่ คุณไม่ชอบทำเรื่องแบบนี้มาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว"
"ถูกต้อง" ยวี่เฟิ่งเจียวพูด: "ไม่ต้องพูดถึงเรื่องฉันผลักเธอ แต่จะโดนฉันยังกลัวว่ามือฉันจะสกปรก"
"ผมได้เตือนเธอไปแล้ว เธอคงไม่มีทางมาวุ่นวายกับคุณแล้วล่ะ"
เสิ่นหลิวซูมองขาเรียวยาวที่ตรงสวยของเธอ ในใจของเขาเกิดความรู้สึกหลากหลายบอกไม่ถูก เขานั้นจำไม่ได้แล้วด้วยซ้ำว่าครั้งสุดท้ายที่เธอยืนอยู่ตรงหน้าเขาคือตอนไหน
แต่ว่าเขานั้นไม่เคยลืมตอนนั้น ที่เธอสวมกางเกงยีนขากระดิ่งสีน้ำเงินเข้ม แล้วก็กระโดดไปมาตรงหน้าเขา ขาของเธอทั้งเรียวยาวแล้วก็ตรง ทำให้หัวใจของเขารู้สึกคันยุบยิบ
ในตอนนี้ ความรู้สึกที่หัวใจเต้นรัว ดูเหมือนจะกลับมาอีกครั้ง
เขาไม่เคยคิดเลยว่า อายุมากขนาดนี้แล้ว เขายังสามารถที่จะรู้สึกหวั่นไหวได้อีก ไม่ว่าจะเป็นตอนไหนคนที่สามารถทำให้เขาใจเต้นแรงได้ ก็คงมีแต่ยวี่เฟิ่งเจียวคนเดียวเท่านั้นจริง ๆ
"อาเจียว......"
เสิ่นหลิวซูขยับขึ้นไปด้านหน้า ติงเหมาก็เข้ามาขวางเอาไว้เสียก่อน "ผมว่า ดวงตาของคุณเนี่ยเอาไว้หายใจใช่หรือเปล่า? ผมยืนหัวโด่อยู่ตรงนี้ทั้งคน คุณมองไม่เห็นหรือไง?"
"คุณหมอติงใช่ไหม?" เสิ่นหลิวซูพูดขึ้น: "คุณคือคนที่รักษาอาเจียวจนหายใช่ไหม ขอบคุณครับ"
เขาพูดพลางจะเข้าไปจับมือกับติงเหมา แต่ติงเหมาไม่สนใจเขา
"คุณนี่ก็ทำตัวตลกดีเหมือนกันนะ ผมรักษาขาของแฟนของผมให้หาย เกี่ยวอะไรกับคุณด้วย คุณจำเป็นที่จะต้องขอบคุณผมด้วยเหรอ?"
เสิ่นหลิวซูชะงักไปทันที "แฟน?"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สอนรักอดีตภรรยา
ต่อๆค่ะรอนานแล้ว...
อยากอ่านเร็วๆทำไงดี...
มีถึงตอนจบมั๊ยค่ะ อ่านสนุกมากเลย อ่านจบตอนทีลง 940 แล้วค่ะมีต่ออีกม่ะค่ะ รอๆอยู่ค่ะ เป็นกำลังใจให้ค่ะ...
ทำไมตั้งแต่บทที่ 57 ขึ้นไปมี 4-5 บรรทัดตอนสั้นๆล่ะ...
แอด..ช่วยกลับมาลงต่อหน่อยจ้า .อย่าเทกันแบบนี้😄😄...
1...
1...
พี่ยวี่..ตายจริงไหม.ใครเป็นพระเอกอ่ะ😂😂...
สนุกมาก.....
นางเอกไม่น่าให้อภัยนะ เพราะผู้ชายใจดำ ดูแลมาตั้งสามปี ไม่เคยทำดีด้วยแล้วจู่ๆก็ทิ้ง นี่ถ้าไม่ถูกเปิดโปง เขาก็จะแต่งกับนังโจ๋...