สอนรักอดีตภรรยา นิยาย บท 477

หนานซ่งหันหน้าไป สายตาของเธอประสานเข้ากับสายตาของเขาพอดี

ดวงตาทั้งสองข้างของเขาดำสนิท พอมีแสงตกกระทบ มันก็เป็นประกายราวกับหินออบซิเดียน นัยน์ตาของเขาเป็นประกาย ทั้งน่ามองแล้วก็ชวนให้ลุ่มหลง

เธอมองเขาไม่หลบสายตาไปไหน และรู้สึกว่าตัวเองนั้นพูดอะไรไม่ออก

ผู้ชายคนนี้ตั้งแต่กลับมา ไม่รู้ว่าเขาโดนพ่อกับแม่เธอสกัดจุดตรงไหนเอาไว้หรือเปล่า เพราะหลัง ๆ เขาชอบพูดจาทะเล้นทะลึ่ง ตรรกะความคิดของเขาก็เปลี่ยนไปจากเดิมลิบลับ เขามักจะทำให้เธอตกหลุมพรางโดยที่ไม่ทันระวังตัว

ที่สำคัญก็คือ ทำไมพอฟัง ๆ แล้วมันถึงได้รู้สึกว่ามีเหตุผลด้วยนี่แหละ

เธอหรี่ตาทั้งสองข้างลง จากนั้นก็กัดฟันพูดออกมา "ถ้าเกิดว่าคุณอยากตาย ก็บอกมาเลยตรง ๆ ฉันสามารถช่วยสงเคราะห์คุณได้"

ยวี่จิ้นเหวินหัวเราะออกมาอย่างไม่ใส่ใจ: "ผมรู้ว่าคุณเป็นคนปากร้ายใจดี คุณไม่กล้าหรอก"

"ฉัน......"

หนานซ่งมองผู้ชายคนนี้ที่หน้าหนายิ่งกว่ากำแพงของเมืองซีอานในยุคโบราณ ก็นึกอยากจะต่อยเขาสักสองสามที แต่สายตาของยวี่จิ้นเหวินกลับมองไปทางด้านหลังเธอ "ออกมาแล้ว"

ยวี่เฟิ่งเจียวกับติงเหมาเดินจับมือกันออกมา ในมือของแต่ละคนถือเล่มทะเบียนสีแดงกันเอาไว้คนละเล่ม กำลังเดินออกมาจากสำนักงานกิจการพลเรือน

แม้จะอยู่ใต้แสงอาทิตย์ แต่รอยยิ้มของทั้งสองคนนั้นดูสดใสยิ่งกว่าแสงอาทิตย์เสียอีก

ยวี่จิ้นเหวินกับหนานซ่งลงมาจากรถ

ติงเหมาดีใจจนกระโดดตัวลอย "ต่อไปฉันก็คือผู้ชายที่แต่งงานแล้ว! ฮ่า ๆ !"

"ดูดีใจเข้าสิ ขอดูหน่อยสิคะ"

หนานซ่งรีบหยิบเล่มทะเบียนสมรสของพวกเขามาดู บนสมุดเล่มสีแดง มีรูปภาพที่ทั้งสองคนยืนคู่กันอยู่ พวกเขายกยิ้มให้กันอย่างสดใส และชื่อของพวกเขาก็ถูกเขียนเอาไว้ข้าง ๆ กัน พร้อมกับมีตราประทับอยู่ด้านบน

ต่อไปติงเหมาและยวี่เฟิ่งเจียวก็คือคู่รักที่ถูกต้องตามกฎหมาย และถูกยอมรับโดยประเทศนี้แล้ว!

"ทำไมถึงเข้าไปนานนักละครับ?"

ยวี่จิ้นเหวินเองก็ดีใจตามไปด้วยเหมือนกัน แต่เขากลับดีใจมากจนพูดอะไรไม่ออก ดังนั้นจึงพูดเรื่องอื่นออกมา

"เลิกพูดเถอะ เขาน่ะ อยากจะกล่าวคำสาบานในวันแต่งงานให้ได้น่ะสิ ไปเบียดกับคู่รักวัยรุ่นอยู่หลายคู่ แถมไม่อายคนอีกต่างหาก พอจดทะเบียนเสร็จแล้วออกมาเจอใครก็เดินอวดเขาไปทั่ว วันนี้บังเอิญมีหนังสือพิมพ์มาทำการสำรวจที่สำนักงานกิจการพลเรือนพอดี พอรู้ว่าพวกเราอายุเยอะกันขนาดนี้แล้วแต่เพิ่งจะได้จดทะเบียนสมรส ก็เลยขอใช้คู่ของเราเป็นคู่หลักในการสัมภาษณ์ รั้งพวกเราเอาไว้ถามคำถามอยู่ตั้งนาน......" ยวี่เฟิ่งเจียวเล่าไปก็หน้าแดงไป เธอหันไปถลึงตาใส่เขาครั้งหนึ่ง

ติงเหมาหัวเราะ "แหะ ๆ ๆ " จากนั้นก็พิงตัวเธอ "ช่วยไม่ได้ วันนี้เป็นวันที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของฉันเลยนะ ที่ได้แต่งงานกับภรรยาที่ทั้งสวยทั้งเก่งแบบนี้ ยังไงก็ต้องอวด!"

หนานซ่งไม่รู้ว่าตัวเองจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี เธอรู้สึกว่าไม่ใช่ติงเหมาที่ไปขอยวี่เฟิ่งเจียวแต่งงาน แต่เป็นยวี่เฟิ่งเจียวต่างหากที่เป็นคนขอติงเหมาแต่งงาน

บนทางกลับเมือง ติงเหมานั่งพิงอยู่กับไหล่ของยวี่เฟิ่งเจียว เขาจับมือเธอเอาไว้แล้วนวดมือของเธอไปมา "ไอ้หยา ต่อไปผมก็คงต้องเรียกคุณว่า 'เมียจ๋า' แล้วสินะ"

"......" ริมฝีปากของยวี่เฟิ่งเจียวกระตุก "อย่างนั้นฉันต้องเรียกคุณว่าอะไร เหล่ากงกง(แปลว่าผัวจ๋า แต่ในนิยายมีการเล่นคำให้คล้ายคำว่า 'กงกง' ที่แปลว่าขันที)?"

ติงเหมา: "......ทำไมฟังแล้วมันดูเหมือนกับผมเป็นขันทีเลยล่ะ?"

ยวี่เฟิ่งเจียวเหลือบตามองเขา "คุณเองก็รู้นี่"

"อย่างนั้นเราก็เรียกกันแบบง่าย ๆ ไหม ผมเรียกคุณว่า 'เมีย' คุณก็เรียกผมว่า 'ผัว' ง่าย ๆ จบ"

"ไม่เอา" ยวี่เฟิ่งเจียวปฏิเสธ

ติงเหมา: "ทำไมล่ะ?"

ยวี่เฟิ่งเจียว "หยาบ"

"......"

ติงเหมาคิดอะไรไม่ค่อยออกแล้ว "อย่างนั้นคุณก็เรียกผมว่า 'ติงติง' ส่วนผมก็เรียกคุณว่า 'เจียวเจียว' ?"

ยวี่เฟิ่งเจียวไม่พูดอะไร แต่เธอเลื่อนสายตาของตัวเองลงไปมองด้านล่าง

"?"

ติงเหมามองตามสายตาของเธอไป อยู่ ๆ ก็นึกอะไรได้ "!" เขารีบหุบขาเข้าหากันในทันที "ไม่ได้! สองแง่สองง่าม เปลี่ยนใหม่!"

ยวี่จิ้นเหวินกับหนานซ่งที่นั่งอยู่ด้านหน้า กลั้นขำจนเจ็บหน้าไปหมด

อาจารย์เนี่ย ก็มีช่วงเวลาที่ดูไม่ฉลาดเหมือนกันนะ

"หัวเราะอะไร! พวกเธอก็มาช่วยฉันคิดเดี๋ยวนี้เลย มีชื่อเรียกแบบไหนที่หวาน ๆ ไม่มีความหมายสองแง่สองง่าม แล้วก็ไม่หยาบบ้าง?"

หนานซ่งทำหน้าทะเล้นใส่เขา

ยวี่จิ้นเหวินได้ฟังก็หัวเราะออกมาด้วยความชอบใจเหมือนกัน "อย่างนั้นก็บังเอิญมากเลยล่ะ เพราะว่าชื่อเล่นของแม่ผมก็คือ 'เฟิ่งหวา' ใช้เป็นคู่กันได้พอดีเลย"

"เฟิ่งหวา?"

ติงเหมาตบเข่าฉาด "ชื่อนี้ดีนะ!"

ยวี่เฟิ่งเจียวเองก็อายจนหน้าแดง "ห้ามเรียกนะ ฉันอายุมากขนาดนี้แล้ว ไม่ใช่เด็กเล็ก ๆ เสียหน่อย"

"พวกเราทำตัวเป็นวัยรุ่นไม่รู้จักแก่ มีอะไรไม่ดีกันเล่า?"

ติงเหมากลับรู้สึกว่าแบบนี้น่ะดีมากต่างหาก เขาโอบไหล่ของยวี่เฟิ่งเจียวเอาไว้ แล้วพูดขึ้น: "ที่จริง ที่อาจารย์แม่ของผมตั้งชื่อเล่นผมว่า 'ถงหวา' ในตอนนั้นยังมีอีกความหมายหนึ่งด้วยนะ สาวสวยจะพักใต้ต้นอูถงเท่านั้น เรื่องเล่าสมัยจีนโบราณที่คอยเล่าต่อ ๆ กันมาว่า สาวสวย จะหยุดพักใต้กิ่งก้านของต้นอูถงเพียงเท่านั้น เธอบอกว่า ผมน่ะจะต้องสามารถหาผู้หญิงสวย ๆ มาเป็นภรรยาได้แน่ ๆ ดูสิ ผมก็คือต้นอูถงของคุณ แล้วคุณก็คือสาวสวยของผม"

เพียงประโยคเดียว ทำเอายวี่เฟิ่งเจียวน้ำตารื้นมาอยู่ที่ขอบตา

ยวี่จิ้นเหวินกับหนานซ่งที่นั่งอยู่เบาะหน้า ได้ฟังก็รู้สึกขนลุกเกรียว แต่ว่าก็รู้สึกซึ้งไปด้วยเหมือนกัน

บางที เรื่องพรหมลิขิต อาจจะลิขิตมาแล้วก็ได้

******

วันนี้คือวันที่ติงเหมาแล้วก็ยวี่เฟิ่งเจียวจดทะเบียนสมรสกัน ถือเป็นวันดีวันหนึ่ง นายท่านยวี่ก็เลยสั่งทุกคนเอาไว้ตั้งแต่เช้าว่า ให้ทุกคนกลับมาที่คฤหาสน์เก่าตระกูลยวี่ให้หมด มาฉลองให้กับพวกเขา

ลั่วอินกับหนานหนิงซงรวมไปถึงซูรุ่ยเองก็กำลังนั่งรถมายังเมืองเป่ย พวกเขาจะมาร่วมแสดงความยินดี

กลับมาจากสำนักงานกิจการพลเรือน ทั้งสี่คนก็เดินเรียงแถวกันเข้าบ้าน แต่ก็สังเกตเห็นว่าที่หน้าประตูคฤหาสน์มีเงาของใครบางคนกำลังยืนอยู่ตรงนั้น

ไม่ใช่คนอื่น แต่เป็นเสิ่นหลิวซู

เขาสวมสูทสีเทา ยืนพิงอยู่กับกำแพง พอได้ยินเสียงหัวเราะมีความสุขดังเข้ามา เขาก็เงยหน้าขึ้น เห็นว่ายวี่เฟิ่งเจียวกับติงเหมาเดินมาด้วยกัน ใบหน้ามีรอยยิ้มเต็มไปด้วยความสุข

รอยยิ้มนั่น ทำเขาตัวแข็งทื่อไป เขาพยายามพยุงกำแพงให้ตัวเองยืนตัวตรง

รอยยิ้มที่อยู่บนใบหน้าของยวี่เฟิ่งเจียวเริ่มแข็งค้างและค่อย ๆ หายไปเมื่อหันไปเห็นใบหน้าของเสิ่นหลิวซู

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สอนรักอดีตภรรยา