โจ๋เยว่ไม่เคยนึกเลยจริง ๆ ว่า โทรศัพท์ที่เธอรอเสิ่นหลิวซูโทรหามาหา จะกลายเป็นโรงพยาบาลโทรมาบอกว่าเขาอยู่ที่นั่นแทน
ตอนนี้เธอไม่มีเวลาสนใจเรื่องของโจ๋เจิ้งเหยา เธอรีบไปโรงพยาบาล ต่อจากนั้นก็ได้รู้จากทางโรงพยาบาลว่าเสิ่นหลิวซูเป็นมะเร็งกระเพาะอาหารและมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นาน
เมื่อบวกกับโรคหลอดเลือดหัวใจอุดตัน ทำให้เขาสามารถจากไปตอนไหนก็ได้
ราวกับมีเสียง "ครืน" ของฟ้าผ่า ผ่าลงมากลางศีรษะของเธอ โจ๋เยว่หวังว่าเรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้นจะไม่ใช่เรื่องจริง เธอนั้นแทบจะเป็นลม
เธอไม่เข้าใจเลยว่าทำไมชีวิตของเธอถึงได้น่าสงสารแบบนี้
พี่ใหญ่เป็นแบบนั้น เสิ่นหลิวซูก็มาเป็นแบบนี้
มีเรื่องเกิดขึ้นไม่เว้นในแต่ละวัน ไม่ปล่อยให้เธอได้พักแม้แต่ครู่เดียว
เธอเหนื่อยจริง ๆ เหนื่อยมากแล้วจริง ๆ ......
โจ๋เยว่นั่งลงบนม้านั่งยาวหน้าห้องพักผู้ป่วย ต้องนั่งอยู่พักใหญ่ เธอถึงจะสงบสติอารมณ์ได้
พอเข้าไปด้านใน ในวินาทีที่เธอมองเห็นเสิ่นหลิวซู เธอรู้สึกเหมือนว่าตัวเองนั้นแทบจะจำเขาไม่ได้
ผู้ชายที่เคยประสบความสำเร็จ มีชีวิตที่รุ่งโรจน์ ผู้ชายที่เคยหล่อเหลาคนนั้น ทำไมอยู่ ๆ ถึงกลายเป็นคนแก่ที่ผอมแห้งจนหนังติดกระดูกได้?
ภายในไม่กี่วันมานี้ ตกลงแล้วมันเกิดอะไรขึ้นบ้าง?
โจ๋เยว่รับไม่ได้ น้ำตาของเธอไหลออกมา เธอเอามือปิดปากของตัวเองไว้ หมุนตัวพร้อมจะเดินออกไปข้างนอก แต่กลับโดนเขาเรียกเขาไว้ "เยว่เอ๋อร์"
ได้ยินเสียงเรียกจากทางด้านหลัง โจ๋เยว่ก็หยุดเดิน จากนั้นก็กลับหลังหันไปทั้งที่ใบหน้าเต็มไปด้วยน้ำตา เสร็จแล้วเธอก็เดินเข้าไปหาเสิ่นหลิวซู
"หมอบอกฉันแล้ว" เธอสะอื้น จากนั้นก็ถามต่อ: "ทำไมคุณไม่รีบบอกฉันคะ?"
เสิ่นหลิวซูฝืนยิ้มด้วยความลำบาก "มีอะไรน่าบอกล่ะ? ชีวิตของมนุษย์เรา ใคร ๆ ก็ต้องมีวันนี้กันทั้งนั้น น่าเสียดาย ที่ไม่ได้ทำให้เธอเห็นช่วงที่ดีที่สุดของฉัน"
โจ๋เยว่ร้องไห้น้ำตานองหน้า เมื่อมองเสิ่นหลิวซูที่ทั้งดูแก่ ดูไร้เรี่ยวแรงจนสภาพแทบจะไม่เหมือนคน เธอก็รู้สึกเหมือนมีอะไรมาจุกอยู่ที่ลำคอ พูดอะไรไม่ออกแม้แต่คำเดียว
เสิ่นหลิวซูมองผู้หญิงที่อยู่กับเขามาถึงครึ่งชีวิตของเขา อยู่ ๆ ในใจก็มีหลากหลายความรู้สึก
ใจของเขามีผู้หญิงคนนี้อยู่ด้วย นอกจากยวี่เฟิ่งเจียว โจ๋เยว่ก็น่าจะเป็นผู้หญิงอีกคนที่มีพื้นที่ที่มากที่สุดในหัวใจของเขา
บางทีเขาอาจจะเคยรักเธอจริง ๆ ก็ได้ แต่ว่าภายในความรู้สึกรักมันมีเรื่องหลอกลวงกับเรื่องเพศเข้ามาปะปนอยู่มาก มันจึงทำให้เขารู้สึกว่าไม่ใช่เรื่องจริง มีบางครั้งที่แม้แต่ตัวเขาเองก็ยังไม่ค่อยแน่ใจ ว่าตกลงแล้วตัวเขามีความรู้สึกแบบไหนต่อโจ๋เยว่กันแน่
แต่ไม่ว่าจะอย่างไร พวกเขาก็แต่งงานกัน เป็นสามีภรรยากันไปแล้ว
แต่น่าเสียดายที่ชีวิตการแต่งงานของเขานั้นมันสั้นนัก
"เยว่เอ๋อร์ ขอโทษนะ" เสิ่นหลิวซูจับมือของโจ๋เยว่เอาไว้ จากนั้นก็พูดด้วยเสียงเบา: "ทางด้านพี่ชายของเธอ ฉันคงไม่มีวิธีช่วยอีกแล้ว อาเจียวไม่ยอมมาเจอหน้าฉัน ฉันเองก็ไม่มีหน้าไปเจอเธออีก ฟังคำแนะนำของฉันสักครั้ง ตระกูลโจ๋ก็เหมือนกับหลุมที่เติมยังไงก็ไม่มีวันเต็ม เธอช่วยโจ๋เจิ้งเหยาเอาไว้ได้ครั้งหนึ่ง แต่คงจะช่วยเขาไปตลอดชีวิตไม่ได้ หลายปีมานี้ที่โจ๋เจิ้งเหนากล้าที่จะทำตัว เหิมเกริมแบบนี้ ก็เป็นเพราะเธอคอยให้ท้าย เขาเป็นผู้ชาย ถึงเวลาที่เขาควรจะรับผิดชอบเองได้แล้ว"
โจ๋เยว่ก้มหน้า ไม่รู้ว่าตัวเองควรจะพูดอะไรดี เธอพยักหน้าอย่างไร้เรี่ยวแรง
ไม่นานนัก เธอก็พูดขึ้น: "ฉันเข้าใจแล้ว ตอนนี้คุณไม่ต้องคิดเรื่องพวกนี้หรอก รักษาร่างกายของคุณให้หายก่อนเถอะ"
เธอปาดน้ำตาที่อยู่บนหน้าของตัวเอง จากนั้นก็เงยหน้าขึ้น "ตอนนี้คุณอยากกินอะไรไหมคะ? ฉันจะไปซื้อมาให้"
***
หลังจากที่กลับมาถึงคฤหาสน์เก่า ยวี่จิ้นเหวินก็เข้าไปในบ้านของยวี่เฟิ่งเจียว
เขาเอาเรื่องอาการป่วยของเสิ่นหลิวซูไปบอกให้เธอฟังอย่างละเอียด รวมไปถึงเรื่องที่เสิ่นหลิวซูอยากจะเจอเธอด้วย
หลังจากที่ยวี่เฟิ่งเจียวได้ฟัง ใบหน้าของเธอก็ยังคงมีสีหน้าเรียบนิ่งเช่นเคย "เจออะไรอีกล่ะ? มาถึงจุดนี้แล้ว ยังมีอะไรให้เจอหน้ากันอีก ? ให้เจอกันสู้ไม่เจอกันยังจะดีเสียกว่า แม่เองก็ไม่อยากจะมีการปฏิสัมพันธ์อะไรกับเขาอีกต่อไปแล้ว จากใจจริง ๆ เลยด้วย"
ยวี่จิ้นเหวินพยักหน้า "ผมเองก็บอกเขาไปแบบนี้เหมือนกัน ผมให้คนโทรไปบอกโจ๋เยว่แล้ว เขามีคนตระกูลโจ๋คอยดูแล แม่ไม่ต้องเป็นห่วงหรอก"
"แม่ไม่ได้ห่วง" ยวี่เฟิ่งเจียวบอก "ระหว่างแม่กับเขา พอทะเบียนสมรสถูกฉีกทิ้งแม่กับเขาก็ไม่มีความสัมพันธ์อะไรต่อกันอีก ว่าแต่ลูกเถอะ ถ้าเกิดว่าลูกยังเห็นแก่สายเลือดของเขาที่อยู่ในตัว แล้วอยากจะไปดูแลเขา แม่ก็ไม่ห้าม"
ยวี่จิ้นเหวินส่ายหน้า "ก่อนหน้านี้ผมเคยบอกเขาแล้ว เขาไม่ได้เลี้ยงดูผมตอนเด็ก ผมก็จะไม่ดูแลเขาตอนเขาแก่ ผมไม่ได้มีหน้าที่ที่จะต้องดูแลเขา"
ยวี่เฟิ่งเจียว: "อืม อย่างนั้นก็ช่างมันเถอะ ครอบครัวของเสิ่นหลิวซูเหมือนจะมีบ้านอยู่ เป็นสมบัติที่พ่อกับแม่เขาทิ้งไว้ให้ ถ้าเอาไปขายก็คงจะพอได้เงินมาบ้าง ถ้าเกิดว่าเขาอยากจะรักษาตัวจริง ๆ แค่ขายบ้านก็ได้เงินมาแล้ว ไม่ใช่เรื่องที่พวกเราต้องไปกังวล ปล่อยให้ชะตาฟ้าลิขิตไปแล้วกัน"
ได้ยินถึงประโยคนี้ อยู่ ๆ ยวี่จิ้นเหวินก็เกิดนึกถึงหนานซ่งขึ้นมา เขายกยิ้มขึ้นเล็กน้อย "เสี่ยวซ๋งเองก็พูดแบบนี้เหมือนกัน"
"รีบจัดการงานให้เสร็จ แล้วก็ไปเมืองหนานเถอะ อยู่ให้ห่างจากเรื่องวุ่นวายพวกนี้ที่เมืองเป่ยสักพัก" ยวี่เฟิ่งเจียวบอกเขา: "ตอนนี้เรื่องที่สำคัญที่สุดสำหรับลูกคือการง้อเสี่ยวซ่งให้สำเร็จให้ได้ ทางบริษัทมีแม่กับน้าอีกสองคนของลูกช่วยดูอยู่ แถมตอนนี้เจียหางกับเจ๋ออวี่เองก็พอจะช่วยเรื่องงานได้เยอะแล้ว ลูกเองก็ไม่จำเป็นที่จะต้องแบกรับภาระหนักขนาดนั้นแล้ว"
ยวี่จิ้นเหวินพยักหน้า "ผมเข้าใจแล้ว ผมจองตั๋วเครื่องบินวันมะรืนเอาไว้เรียบร้อยแล้ว พอจัดการเรื่องด่วนของที่บริษัทเสร็จ พอก็จะไปเมืองหนานทันที"
"จิ๊ ๆ ดูลูกสิ" ยวี่เฟิ่งเจียวเงยหน้าแล้วหรี่ตามองลูกชายตัวเอง จากนั้นก็แกล้งแซวเขาออกมา: "คิดถึงลูกสะใภ้แล้วเหรอ?"
ยวี่จิ้นเหวินพยักหน้าออกมาอย่างไม่ปิดบัง จากนั้นก็หัวเราะ "ครับ คิดถึงเธอแล้ว"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สอนรักอดีตภรรยา
ต่อๆค่ะรอนานแล้ว...
อยากอ่านเร็วๆทำไงดี...
มีถึงตอนจบมั๊ยค่ะ อ่านสนุกมากเลย อ่านจบตอนทีลง 940 แล้วค่ะมีต่ออีกม่ะค่ะ รอๆอยู่ค่ะ เป็นกำลังใจให้ค่ะ...
ทำไมตั้งแต่บทที่ 57 ขึ้นไปมี 4-5 บรรทัดตอนสั้นๆล่ะ...
แอด..ช่วยกลับมาลงต่อหน่อยจ้า .อย่าเทกันแบบนี้😄😄...
1...
1...
พี่ยวี่..ตายจริงไหม.ใครเป็นพระเอกอ่ะ😂😂...
สนุกมาก.....
นางเอกไม่น่าให้อภัยนะ เพราะผู้ชายใจดำ ดูแลมาตั้งสามปี ไม่เคยทำดีด้วยแล้วจู่ๆก็ทิ้ง นี่ถ้าไม่ถูกเปิดโปง เขาก็จะแต่งกับนังโจ๋...