สอนรักอดีตภรรยา นิยาย บท 609

ผ่านไป 24 ชั่วโมงแล้ว แต่ยังไม่มีหลักฐานใหม่ว่ากู้เหิงนั้นเกี่ยวกับการตายของเฉียนเจิ่งเหวยและเมียวเจียง เขาก็เลยถูกปล่อยตัวออกมา

"รุ่นพี่" หนานหลินรีบเข้าไปหา แล้วกอดเขาเอาไว้

แม้จะรู้ว่าตอนอยู่ข้างในเขาไม่มีทางเป็นอะไรไปอยู่แล้ว แต่เธอก็ยังเป็นห่วงเขา ดวงตาของเธอแดงก่ำ

"ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร ตอนอยู่ข้างในฉันยังหลับไปตื่นหนึ่งด้วยนะ"

กู้เหิงพูดปลอบหนานหลิน เขายิ้มแล้วก็ลูบใบหน้าของเธอ "หนึ่งคำนับฟ้าดิน สองคำรับบรรพบุรุษ การแต่งงานของพวกเราขาดแค่อย่างสุดท้ายย่างเดียวแล้ว"

ทั้งความคิดและจิตใจของหนานหลินมัวแต่คิดเรื่องของเขา เธอก็เลยตอบสนองได้ช้ากว่าปกติ "อะไรเหรอ?"

"เข้าหอไง"

กู้เหิงกระซิบเบา ๆ ข้างหูเธอ: "เมื่อวานงานแต่งของเรายังไม่ได้สำเร็จเรียบร้อยทุกขั้นตอนเลย วันนี้น่าจะได้แล้วมั้ง"

"......" หนานหลินเขินจนหน้าแดง เธอทุบเขาเบา ๆ

กู้เหิงจูงมือเธอเดินออกไปด้านนอก แล้วค่อยพูดปลอบพี่สาวคนโตที่ต้องมาเป็นห่วงเขา จากนั้นก็หันไปมองหนานซ่ง "พี่ ผมไม่เป็นไร"

หนานซ่งตบบ่าเขา "ออกไปแล้วค่อยคุยกัน"

เฉิงเซี่ยนจัดการเรื่องเอกสารอีกหน่อย พอเดินออกไป ก็ต้องพบกับกล้องถ่ายรูปและกล้องวิดีโอของนักข่าว ทนายเฉิงเซี่ยนกางเอกสารทางกฎหมาย เพื่อพิสูจน์ว่าหนานซ่งกับกู้เหิงนั้นไม่มีความผิด

ในฐานะทนายที่มีชื่อเสียง ใบหน้าของทนายเฉิงเซี่ยนเป็นที่คุ้นหน้าคุ้นตาของบรรดานักข่าวและชาวเน็ตเป็นอย่างดี

ทุกคนต่างต้องยกยอเส้นสายอันยิ่งใหญ่ของหนานซ่งที่สามารถจ้างเขามาได้ และนอกจากนั้นตอนที่ออกมาจากสถานีตำรวจ ยังมีเหล่าแฟนคลับจำรถของเฮ่อเซินได้

แม้แต่เจ้าพ่อของวงการภาพยนตร์ยังมารับด้วยตัวเอง เหล่าแฟนคลับรู้ดีว่าสถานะระหว่างเฮ่อเซินกับหนานซ่งนั้นไม่ได้สนิทกันแบบทั่ว ๆ ไป เพราะว่าเวลาอยู่ด้วยกันส่วนตัวนั้นทั้งสองคนเรียกแทนกันว่าพี่กับน้อง

หลายคนเคยได้ยินว่าหนานซ่งนั้นเรียกเฮ่อเซินว่า 'พี่สาม' แต่ไม่เคยรู้เลยว่าลำดับศักดิ์แบบนี้นั้นมาจากไหน?

เฮ่อเซินนั้นเป็นลูกชายคนเดียวของตระกูลเฮ่อ ไม่ได้พี่น้องคนอื่น ๆ ถ้าเป็นนักแสดงคนอื่น ๆ นอกเหนือจากภรรยาแล้วยังมีน้องสาวคนสนิทหลายคน ก็คงจะโดนด่าจนจมดินไปแล้ว แต่ว่าเฮ่อเซินนั้นเป็นคนในวงการที่มีชื่อเสียงด้วยตัวเองและมีแต่ข่าวด้านดี นอกจากซูอิงภรรยาคนปัจจุบันก็ไม่เคยมีข่าวเสียหายกับนักแสดงหญิงคนไหนอีกเลย ยิ่งทำให้หนานซ่งนั้นดูพิเศษมากกว่าเดิมอีก

และที่สำคัญที่สุดเลยก็คือ แม้แต่ซูอิงก็ไม่ได้เดือดร้อนกับการมีอยู่ของหนานซ่ง และหลาย ๆ คนก็เคยเห็นว่าทั้งสองคนนั้นเคยไปเดินเล่นหรือช็อปปิ้งด้วยกันบ่อย ๆ ด้วย แถมยังเคยไปซื้อของใช้เด็กอ่อนด้วยกันอีก

และเพราะว่าทั้งสองสามีภรรยานั้นดูจะให้ความสำคัญกับหนานซ่งมากเป็นพิเศษ

เลยทำให้หลายคนคิดว่าเธอนั้นทำตัวน่าสงสัย แต่ก็มีแรงดึงดูดอย่างน่าประหลาด

ในรถโรลส์-รอยซ์ แฟนธอมของเฮ่อเซิน มีคนนั่งอยู่หลายคน

ไป๋ลู่ยวี๋พอได้เห็นหนานซ่ง เขาแทบจะพุ่งเข้าไปบีบหน้าของเธอ "น้องรักของฉัน เข้าไปอยู่ในนั้นแค่วันเดียวเอง หน้าตอบไปหมดแล้วนะ"

หนานซ่งทำหน้ารังเกียจใส่เขา จากนั้นก็ปัดมือเขาออก "แค่คืนเดียวเอง จะผอมได้สักเท่าไหร่กัน นายอย่าเว่อร์ให้มันมากนักเลย"

เฮ่อเซินเห็นว่าหนานซ่งนั้นไม่ได้เป็นอะไรมาก เขาถึงได้หัวเราะออกมาเพราะว่าสบายใจ แต่พอเห็นว่าที่แขนของเธอยังมีรอยกัดหลงเหลืออยู่ ใบหน้ายิ้มแย้มก็เปลี่ยนเป็นนิ่งขรึมอีกครั้ง

"ตอนแรกตั้งใจว่าจะมาตั้งแต่เมื่อวานแล้ว แต่ว่าพี่ใหญ่ห้ามไว้ เขาบอกว่าถ้าคนมาเยอะอาจดูตื่นตระหนกเกินไป ไม่เป็นผลดีกับเธอ พวกเราก็เลยอดทนมาจนถึงตอนนี้"

"ที่จริงพวกนายไม่ควรจะมา"

หนานซ่งพิงกับเบาะรถด้วยความเหนื่อยล้า จากนั้นก็ค่อย ๆ ถอนหายใจออกมา "ยังไงตอนนี้ได้ชื่อว่า 'คนที่ชอบใช้อำนาจในการข่มเหงคนอื่นไปแล้ว' "

"อย่าไปสนใจคนพวกนั้นเลย ก็แค่คนที่วัน ๆ ไม่ทำอะไรชอบสนใจเรื่องของคนอื่นนั่นแหละ คนพวกนั้นไม่เคยสนใจเรื่องถูกผิดหรอก ขอให้ได้ปากไวเล่าไปก่อนก็พอ ยิ่งไปสนใจคนพวกนั้นพวกเขาก็จะยิ่งพูด" ระหว่างที่พูด ไป๋ลู่ยวี๋ก็ทำการแย่งโทรศัพท์ในมือของหนานซ่งมาด้วย จากนั้นก็โยนใส่อกของยวี่จิ้นเหวิน "โทรศัพท์นี่ก็เก็บก่อนสักพัก ไอ้ยวี่ แกเก็บโทรศัพท์ให้เธอด้วย"

ยวี่จิ้นเหวิน: "......"

เขามองไปทางหนานซ่งเงียบ ๆ เพื่อขอความคิดเห็นจากเธอ

หนานซ่งพูดออกมาเบา ๆ : "คุณช่วยเก็บให้ฉันก่อนก็แล้วกัน ตอนนี้ฉันไม่มีแรงจะเล่นโซเชียล"

ยวี่จิ้นเหวินพยักหน้า "ถ้าเหนื่อยก็หลับสักหน่อยเถอะ เธอไม่นอนมาหนึ่งวันหนึ่งคืนแล้ว ต้องเตรียมร่างกายให้พร้อมถึงจะชนะศึกรอบนี้ไปได้"

เจี่ยงฟานมองเธอ เขาขยับริมฝีปากไปมา แต่กลับไม่กล้าเรียก

"พี่เจี่ยงฟาน พี่ถอนหญ้าเป็นไหม?" เสี่ยวซ่งเรียกเขาราวกับสนิทกันมาก

เจี่ยงฟานพยักหน้า "เป็น"

"อย่างนั้นมาช่วยถอนหญ้าหน่อยได้ไหม?"

เสี่ยวซ่งพูด: "หนูกำลังช่วยแม่ทำงานอยู่ ถอนหญ้าที่แปลงดอกไม้นี่เสร็จ แม่ก็จะให้ค่าขนมหนู พอถึงตอนนั้นหนูจะแบ่งให้พี่ครึ่งหนึ่ง"

สุดท้าย ทั้งสองคนก็นั่งคุกเข่าอยู่กลางแปลงดอกกุหลาบอยู่ทั้งช่วงบ่าย ทั้งตัวนั้นเต็มไปด้วยโคลน

เห็นอีกฝ่ายเนื้อตัวมอมแมม ก็หัวเราะออกมาด้วยความชอบใจ

หนานซ่งตื่นขึ้นเพราะเสียงหัวเราะในความทรงจำ เมื่อเธอลืมตาขึ้นมา ก็เจอเข้ากับดวงตาเป็นห่วงของยวี่จิ้นเหวิน "ตื่นแล้วเหรอ?"

เขาพยุงเธอ

หนานซ่งขยี้ตา เธอเพิ่งรู้ว่าตัวเองนั้นกำลังอยู่บนเตียง ในห้องของตัวเอง

"ฉันหลับไปเหรอ?" เธอเอ่ยปากถาม ลำคอของเธอแห้งผาก

ยวี่จิ้นเหวินลุกขึ้นไปรินน้ำใส่แก้ว จากนั้นก็ส่งมันให้เธอ เขาพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน: "ระหว่างทางที่กลับมาบ้านเธอหลับไป ฉันอุ้มเธอขึ้นมาด้านบน เธอก็ไม่ยอมตื่น"

นานครั้งที่เธอจะหลับลึกแบบนี้ หนานซ่งดื่มน้ำจนหมดแก้ว ถึงได้รู้สึกว่าตัวเองนั้นได้ชาร์จแบตจนเต็มแล้ว ร่างกายของเธอรู้สึกสบายขึ้นมาก

"ฝันหรือเปล่า?" ยวี่จิ้นเหวินถามเธอด้วยสีหน้าห่วงใย จากนั้นก็ลูบผมของเธอเบา ๆ

หนานซ่งส่ายหน้า "ก็แค่นึกถึงเรื่องที่ผ่านมาแล้วน่ะ คนเราเปลี่ยนกันได้ พวกเขาก็เปลี่ยนไป ฉันเองก็เปลี่ยนไป ทุกอย่าง ไม่มีวันกลับไปเป็นเหมือนเดิมอีก"

เป็นนาทีที่เธอจะต้องเผชิญหน้ากับความจริง หนีไปก็ไม่ช่วยอะไร ยังไงก็ต้องไปเผชิญหน้ากับมัน

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สอนรักอดีตภรรยา