ศิษย์กล่าวด้วยความเคารพนอบน้อม “ฟื้นคืนสติจริงขอรับ แถมยังออกมาจากที่พักหินพร้อมกับเฟิงเอ้อร์เหนียง ดูจากทิศทางที่พวกนางกำลังจะเดินทางไปแล้ว เหมือนจะมุ่งหน้าไปยังโถงคุมกฎ”
“โอ้?”
ผู้อาวุโสหันลูบเคราแล้วยืนขึ้น
“อินชิงเสวียนก็อยู่กับพวกนางด้วยหรือ”
“ใช่แล้ว รวมถึงสุนัขสีขาวตัวสูงใหญ่แข็งแรงนั่นด้วย”
ผู้อาวุโสหันหัวเราะเยาะ
“อินชิงเสวียนมีความสามารถที่คาดไม่ถึงจริงๆ พวกเจ้าออกไปก่อน หากพวกนางอยากไป ก็ปล่อยให้พวกนางไป ไม่ต้องสนใจ”
“ขอรับ”
ศิษย์หลายคนโค้งคำนับและจากไป
ผู้อาวุโสหันยืนเอามือไพล่หลังอยู่ในห้องโถง สายตาปรากฏแววเหยียดหยามอยู่หลายส่วน
ต้องการร่วมมือกับตาแก่หัวทึ่มทั้งสามคนนั้นเพื่อมาจัดการกับเขางั้นหรือ ดีดลูกคิดคำนวณได้ไม่เลว แต่น่าเสียดาย ที่พวกนางจะไม่มีวันเจอไอ้โง่พวกนั้นอีก!
ผู้อาวุโสหันเยาะเย้ย จากนั้นขมวดคิ้วและเริ่มคิด
เหลือเวลาอีกเพียงหนึ่งเดือนในการต่อสู้กับเพียวเหมี่ยวอิ๋นเฉิง ตัวเองควรมุ่งความสนใจไปที่การฝังโลหิตดี หรือควรแสวงหาการเลื่อนขั้นส่วนรวมจากน้ำพุวิญญาณดี?
หากเป็นอย่างหลัง จนป่านนี้เขายังไม่มีข่าวคราวของเด็กเปรตนั่น อินชิงเสวียนจะถวายให้โดยไม่คิดค่าตอบแทนจริงหรือ?
ที่นางพยายามอย่างเต็มที่ที่จะรวบรวมยอดฝีมือทั้งหมดไว้ในที่เดียว เกรงว่าจะไม่ง่ายขนาดนั้น
แม่หนูนี่อายุยังไม่มาก แต่กลับมีความคิดมากมาย หรือว่านางหวังพึ่งยอดฝีมือเหล่านั้นเพื่อควบคุมตัวเอง?
ช่างน่าขันสิ้นดี
หากไม่มีอาหารพิเศษของตำหนักเทพ สิ่งที่เรียกว่ายอดฝีมือเหล่านั้น ก็จะไม่ต่างอะไรกับจากเศษสวะ
เมื่อคิดถึงหลายสิ่งหลายอย่างที่เขามอบให้พวกเขาตลอดหลายปีที่ผ่านมา ผู้อาวุโสหันก็อดไม่ได้ที่จะยกริมฝีปากขึ้น แล้วหมุนตัวกลับเข้าไปในห้องลับ
เวลาเที่ยงคืน
ฉางเฮิ่นเทียนพยักหน้าและกล่าวว่า “ใช่ กงซวินฮูหยินเป็นลูกสาวของเจ้าของสวนยา ตระกูลกงซวินยังได้รับความไว้วางใจจากเจ้าเมืองด้วย”
ครั้นได้ยินดังนี้ อินชิงเสวียนก็นึกภาพผู้ชายห่วยๆ ขึ้นในใจทันที
นางคิดมาโดยตลอดว่าเจ้าเมืองอิ๋นเฉิงและเหมยชิงเกอมีความรักต่อกัน แต่เพียงเพราะสำนักแตกต่างกัน จึงนำไปสู่โศกนาฏกรรมที่ตามมา ถ้าเขามีฮูหยินจริงๆ การกระทำที่ทอดทิ้งภรรยาและลูกสาวก็นับว่าสมเหตุสมผลแล้ว
แล้วความคิดอื่นก็เข้ามาในใจ หากสามารถขับผู้อาวุโสหันออกจากตำหนักเทพได้จริง ทำไมไม่ให้เหมยชิงเกอขึ้นมาแทนที่เขาล่ะ เดิมทีนางก็เป็นศิษย์สายตรงที่อาศัยอยู่ในตำหนักเทพอยู่แล้ว มีเพียงแบบนี้ นางกับเจ้าเมืองอิ๋นเฉิงถึงจะนับว่ามีฝีมือพอฟัดพอเหวี่ยงกันอย่างแท้จริง!
แต่กลับพูดเบาๆ “เป็นเช่นนี้นี่เอง วรยุทธ์ของเจ้าทั้งหมดมาจากเพียวเหมี่ยวอิ๋นเฉิงงั้นรึ”
ดวงตากลมโตของอินชิงเสวียนเงยหน้าขึ้น มองไปที่ฉางเฮิ่นเทียน โดยมีแสงสีทองจางๆ สองดวงส่องออกมาจากรูม่านตาสีเข้มของนาง
จู่ๆ ฉางเฮิ่นเทียนก็คิดขึ้นมาว่า เหตุใดอินชิงเสวียนถึงรู้เคล็ดวิชานี้ได้
นี่เป็นวิชาเนตรของพวกผีแคระตงหลิวชัดๆ!
โชคดีที่เจ็ดสิ่งต้องห้ามช่วยหักล้างออกให้เขาไปเกินครึ่ง ทำให้ฉางเฮิ่นเทียนสามารถรักษาความชัดเจนเอาไว้ได้ ทว่าเขาก็แสดงท่าทางเฉื่อยชาไร้จิตวิญญาณแล้ว
อินชิงเสวียนมองเขาอย่างระมัดระวังสักพัก แล้วถามด้วยเสียงแผ่วต่ำ “วิชาฝังโลหิต มาจากอิ๋นเฉิงใช่หรือไม่ เจ้ารู้วิธีแก้ไขหรือไม่”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์
น่าจะต้องมีเล่มต่อรึเปล่าคะ เหมือนยังไม่จบเพราะตอนสุดท้ายเห็นว่ามีชนเผ่ามาเยือนโดยไม่ได้นัดหมาย...
สนุกมากค่ะ ขอบคุณที่ลงจนจบค่ะ❤️❤️...
แย่จิ่งหลานเอ๋ย ในมิติไม่มียาสลบหรือ เอามาแทงคอตอนเผลออะไรอย่างนี้ให้หลับไป...
ขอบคุณแอดมากๆค่ะที่อัพจนจบ 🙏👍สนุกมากเรื่องนี้ happy ending สุขสันต์วันสงกรานต์ หยุดพักผ่อนได้แล้วนะแอด555 ยังไงเรื่องถัดไปขอเรื่องฮองเฮาสุดที่รักด้วยนะคะ...
รออัพต่อนะคะ ใกล้จะจบแล้ว...
เศร้าเลย แอดมินไม่มาต่อ พลีสสสส...
รอๆๆ กลับมาอัพต่อค่ะ น่าจะใกล้จบแล้ว...
ไม่อัพต่อแล้วเหรอคะ กำลังสนุกเลย อินชิงเสวียนถูกจับแบบนี้จะมีใครมาช่วยได้บ้าง...
ตัวโกงเก่งกว่าคนดีแถมคนชั่วร้ายก็มีอยู่มากมายทั้งนอกทั้งในแบบนี้จะสู้ศึกไหวเหรอ...
มันเป็นพวกไหนกันแน่นะที่บ่อนทำลายชาติ ที่สำคัญจะเป็นคุณชายใหญ่ตระกูลอินด้วยหรือเปล่า...