ผู้อาวุโสหันลูบหนวดเคราพลางถามว่า “เจ้าหมายความว่าอย่างไร กำลังข่มขู่ข้าอยู่งั้นหรือ”
อินชิงเสวียนพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มลึก “หากผู้อาวุโสหันยืนกรานที่จะคิดแบบนี้ ข้าไม่มีอะไรจะพูด ตอนนี้ก็เลยเวลาเที่ยงคืนแล้ว ไม่มีข่าวของเด็ก ข้าจะลงเขาไปตามหา ก็นับว่าเป็นเรื่องปกติ”
ผู้อาวุโสหันกล่าวว่า “ศิษย์ของตำหนักเทพได้ขยายพื้นที่ค้นหาเป็นรัศมีหนึ่งร้อยลี้แล้ว หรือว่าพวกเขามีความสามารถเทียบกับเจ้าคนเดียวไม่ได้งั้นรึ”
“จะทำอย่างตั้งใจจริง หรือทำแค่พอเป็นพิธี ก็ยากที่จะบอกได้ ทุกอย่างขึ้นอยู่กับความคิดของผู้อาวุโสหัน”
“พูดอะไรเช่นนั้น เด็กข้าก็เป็นคนพาจากเมืองหลวงมาที่ตำหนักเทพเอง เกิดความรู้สึกเอ็นดูนานแล้ว หลายวันนี้ข้าก็รู้สึกไม่สบายใจ แต่ไม่รู้ว่าเป็นใครกันแน่ ถึงทำวิธีเช่นนั้นได้”
ผู้อาวุโสหันเปลี่ยนหัวข้อ ถามอีกว่า “หรือว่าเจ้าไปล่วงเกินผู้ใดเข้า?”
อินชิงเสวียนถามกลับ “ข้าอาศัยอยู่ในวังหลังมานาน จะไปล่วงเกินใครได้ เพียงแต่ไม่รู้ว่าผู้อาวุโสหันที่อยู่ในตำหนักเทพมีศัตรูที่แข็งแกร่งหรือไม่”
ผู้อาวุโสหันหัวเราะเบาๆ และกล่าวว่า “ตำหนักเทพเป็นสถานที่เงียบสงบ ทุกคนมุ่งเน้นไปที่การบำเพ็ญเพียรฝึกฌานตบะเป็นหลัก ไม่เคยมีการขัดแย้งกันเกิดขึ้น ชิงเสวียนกังวลเกินไปแล้ว”
“เอาเถอะ โต้เถียงเรื่องนี้กันไปก็ไม่มีประโยชน์ เรื่องเด็กข้าจะต้องตามหาแน่ หวังว่าผู้อาวุโสหันจะอนุญาตให้ข้าพบธิดาเทพด้วย”
อินชิงเสวียนก้าวไปข้างหน้า ผู้อาวุโสหันก็เบี่ยงตัวมาขวางที่ประตูหิน
“เกรงว่าจะไม่ได้ ธิดาเทพขี้อาย ไม่ชอบพบปะกับคนนอก ชิงเสวียนกลับไปเถอะ”
อินชิงเสวียนถามอย่างไม่พอใจ “ผู้อาวุโสหันนี่มันหมายความว่าอะไร”
ผู้อาวุโสหันพูดด้วยสีหน้าอ่อนโยน “ก็หมายความตามนั้น แม่นางชิงเสวียนเป็นถึงฮองเฮาของแคว้น ย่อมสามารถเข้าใจได้อย่างแน่นอน”
“แล้วถ้าข้ายืนยันที่จะพบคนล่ะ”
“ถ้างั้นเราก็มีแต่ต้องคุยกันด้วยเชิงวรยุทธ์เท่านั้นแล้ว”
หลังจากพูดจบผู้อาวุโสหันก็เกลี้ยกล่อมอีกครั้ง “เดิมทีเจ้ากับข้าเราเป็นคนกันเอง ไยต้องต่อสู้กันเองด้วย การต่อสู้กับอิ๋นเฉิงกำลังจะเริ่มขึ้นในไม่ช้า เราควรร่วมมือร่วมใจกันต่อสู้กับศัตรู เฮ่อยวนฆ่า มารดาผู้ให้กำเนิดเจ้า หรือว่าเจ้าไม่อยากแก้แค้นแทนนางอย่างนั้นหรือ”
ฉุยอวี้ส่ายศีรษะ
“สถานการณ์ดูเหมือนจะแตกต่างจากที่เราคิด”
จู่ๆ อินชิงเสวียนก็มีลางสังหรณ์ที่ไม่ดี
“เกิดอะไรขึ้น”
เฟิงเอ้อร์เหนียงกล่าวว่า “เราได้พบกับศิษย์หลายคน ตามที่พวกเขาพูด ผู้อาวุโสอีกสามคนไม่ได้อยู่บนเขาแล้ว”
“หายไปไหนกันนะ” อินชิงเสวียนถามอย่างกังวล
ฉุยอวี้กล่าว “ได้ยินมาว่าผู้อาวุโสยันต์แดงลงจากเขาเมื่อสามปีที่แล้ว จนป่านนี้ยังไม่กลับมา ส่วนอีกสองคนทยอยเสียชีวิตด้วยอาการเจ็บป่วย”
อินชิงเสวียนขมวดคิ้วพูดว่า “พวกท่านหมายความว่า ตอนนี้ในตำหนักเทพ มีผู้อาวุโสหันเป็นเพียงผู้ดูแลแต่เพียงผู้เดียว?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์
น่าจะต้องมีเล่มต่อรึเปล่าคะ เหมือนยังไม่จบเพราะตอนสุดท้ายเห็นว่ามีชนเผ่ามาเยือนโดยไม่ได้นัดหมาย...
สนุกมากค่ะ ขอบคุณที่ลงจนจบค่ะ❤️❤️...
แย่จิ่งหลานเอ๋ย ในมิติไม่มียาสลบหรือ เอามาแทงคอตอนเผลออะไรอย่างนี้ให้หลับไป...
ขอบคุณแอดมากๆค่ะที่อัพจนจบ 🙏👍สนุกมากเรื่องนี้ happy ending สุขสันต์วันสงกรานต์ หยุดพักผ่อนได้แล้วนะแอด555 ยังไงเรื่องถัดไปขอเรื่องฮองเฮาสุดที่รักด้วยนะคะ...
รออัพต่อนะคะ ใกล้จะจบแล้ว...
เศร้าเลย แอดมินไม่มาต่อ พลีสสสส...
รอๆๆ กลับมาอัพต่อค่ะ น่าจะใกล้จบแล้ว...
ไม่อัพต่อแล้วเหรอคะ กำลังสนุกเลย อินชิงเสวียนถูกจับแบบนี้จะมีใครมาช่วยได้บ้าง...
ตัวโกงเก่งกว่าคนดีแถมคนชั่วร้ายก็มีอยู่มากมายทั้งนอกทั้งในแบบนี้จะสู้ศึกไหวเหรอ...
มันเป็นพวกไหนกันแน่นะที่บ่อนทำลายชาติ ที่สำคัญจะเป็นคุณชายใหญ่ตระกูลอินด้วยหรือเปล่า...