ขณะที่คิดถึงเรื่องนี้ อินชิงเสวียนก็กลับมาพร้อมถุงอาหารแล้ว
นางบอกวิธีการทำอาหารกับเหมยชิงเกอ ส่วนใหญ่เป็นอาหารจานด่วนแบบกึ่งสุก นอกจากนี้ ยังมีหม้อแอลกอฮอล์ที่สามารถนำไปหุงต้มอาหารได้อีกด้วย เนื้อไก่เนื้อหมู่ต่างๆ ก็แลกเปลี่ยนมาบ้างด้วย ถึงอย่างไรในมิติก็มีฟังก์ชันการเก็บรักษาของให้สดใหม่ นางจึงไม่ต้องกังวลว่ามันจะเน่าเสีย ส่วนพวกผักผลไม้ อยากกินตอนไหนก็เก็บตอนนั้นก็พอ
เหมยชิงเกอรู้สึกทึ่งมาก ที่มีสิ่งของแปลกๆ มากมายในบ้านเล็กหลังไม่ใหญ่นี้
“ขอบใจแม่นางอินมาก ข้าไม่จู้จี้จุกจิกเรื่องอาหาร ผลไม้ป่าก็ช่วยแก้หิวได้ เพียงแต่เด็กยังเล็ก จะทำแค่พอถูไถไม่ได้”
เหมยชิงเกอมองไปยังเสี่ยวหนานเฟิงที่หลับใหลด้วยสีหน้าเปี่ยมรัก ในช่วงสองวันที่ผ่านมานางได้ทุ่มเทความพยายามและความอ่อนโยนทั้งหมดให้กับหลานชาย ด้วยหวังว่าจะใช้สิ่งนี้ชดเชยความเสียใจที่นางมีต่อลูกสาว
“ไม่ต้องกังวล พวกท่านจะขาดใครไปไม่ได้ อ้อจริงสิ ฟังจากที่ผู้อาวุโสพูด คงเคยติดต่อกับอิ๋นเฉิงมาก่อน เคยได้ยินเกี่ยวกับวิชายุทธ์การฝังโลหิตบ้างไหมเจ้าคะ”
อินชิงเสวียนคิดถึงเย่จิ่งอวี้มาโดยตลอด แม้ว่านางจะตัดสินใจที่จะไม่กลับไป แต่ภาพของเขายังคงอยู่ในใจของนาง
ฮ่องเต้หนุ่มอยู่ในเมืองหลวงแสนไกล กลายเป็นความกังวลที่ใหญ่ที่สุดของนางโดยไม่รู้ตัว
เหมยชิงเกอสะดุ้งเล็กน้อย จากนั้นจึงส่ายศีรษะ
“อิ๋นเฉิงมีชื่อเสียงจากเพียวเหมี่ยวสิบสามท่า และยังมีเจ็ดสิ่งต้องห้ามที่เป็นวิชาต้องห้ามเฉพาะในสำนัก ส่วนเรื่องอื่น ข้าก็ไม่รู้เลย”
อินชิงเสวียนรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย แต่ยังคงยิ้มอยู่
“เข้าใจแล้ว งั้นข้าไม่รบกวนผู้อาวุโสแล้ว”
หลังจากที่อินชิงเสวียนพูดจบ นางก็ออกจากมิติด้วยหัวใจที่หนักอึ้ง
ถ้าฉางเฮิ่นเทียนไม่ได้โกหก นั่นหมายความว่าการฝังโลหิตเป็นความผิดฐานวิชาต้องห้าม ถ้าเขาสามารถเรียนรู้วรยุทธ์เช่นนี้ได้ จะไร้ชื่อเสียงเรียงนามได้อย่างไร
เมื่อคิดว่าตอนนี้คนผู้นี้ยังมีประโยชน์ อินชิงเสวียนจึงระงับความคิดที่จะไปหาฉางเฮิ่นเทียน แล้วถอนหายใจหนักๆ
ผ่านมาหลายวัน ไม่รู้ว่าเมืองหลวงเป็นอย่างไรบ้าง
เมื่อเห็นเมล็ดพันธุ์เหล่านั้น เย่จิ่งอวี้จะยังจำตัวเองได้หรือไม่
ในขณะที่อินชิงเสวียนกำลังคิด เย่จิ่งอวี้ดูเหมือนจะรู้สึกถึงบางอย่างในใจ ค่อยๆ ลืมตาขึ้น
หลี่เต๋อฝูรู้สึกตื่นเต้นระคนยินดีมาก
หลี่เต๋อฝูมองไปที่ฮ่องเต้แต่ก็ไม่เห็นอะไรแปลกๆ หัวใจที่เป็นกังวลก็กลับคืนสู่วางใจได้ในที่สุด
“ฝ่าบาทไม่ได้เสวยอะไรมาทั้งวัน คงจะหิวมากแล้ว กระหม่อมจะให้ห้องครัวหลวงไปทำเกี๊ยวให้ฝ่าบาทเสวย”
หลังจากที่หลี่เต๋อฝูพูดจบก็ตระหนักว่าตัวเองพลั้งปากไป อาหารเหล่านี้คงไม่กระตุ้นให้ความทรงจำของเขากลับมาอีกกระมัง!
เย่จิ่งอวี้พยักหน้าเบาๆ
“ดีมาก ข้าอยากนอนต่ออีกสักหน่อย พวกเจ้าทุกคนออกไปก่อนเถอะ”
เย่ไห่ถังรีบปาดน้ำตา ลุกขึ้นยืนแล้วพูดว่า “ถ้าอย่างนั้นก็นอนต่ออีกหน่อยเถอะ รอให้เสด็จพี่รู้สึกสดชื่นเต็มที่ แล้วข้าค่อยมาเยี่ยมใหม่”
เย่จิ่งอวี้ตอบอืม และหลับตาลงอีกครั้ง
หลี่เต๋อฝูเพ่งพิศอย่างละเอียดอยู่พักหนึ่ง แต่ก็สังเกตไม่พบว่าฝ่าบาทมีอะไรผิดแผกไป เขาจึงวางใจได้ หันไปเตรียมอาหารอย่างมีความสุข
ในตอนที่พวกเขามองไม่เห็น น้ำตาหยดหนึ่งไหลออกมาจากหางตาของเย่จิ่งอวี้เงียบๆ และในไม่ช้าก็ไหลซึมเข้าสู่ผ้าห่ม...
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์
น่าจะต้องมีเล่มต่อรึเปล่าคะ เหมือนยังไม่จบเพราะตอนสุดท้ายเห็นว่ามีชนเผ่ามาเยือนโดยไม่ได้นัดหมาย...
สนุกมากค่ะ ขอบคุณที่ลงจนจบค่ะ❤️❤️...
แย่จิ่งหลานเอ๋ย ในมิติไม่มียาสลบหรือ เอามาแทงคอตอนเผลออะไรอย่างนี้ให้หลับไป...
ขอบคุณแอดมากๆค่ะที่อัพจนจบ 🙏👍สนุกมากเรื่องนี้ happy ending สุขสันต์วันสงกรานต์ หยุดพักผ่อนได้แล้วนะแอด555 ยังไงเรื่องถัดไปขอเรื่องฮองเฮาสุดที่รักด้วยนะคะ...
รออัพต่อนะคะ ใกล้จะจบแล้ว...
เศร้าเลย แอดมินไม่มาต่อ พลีสสสส...
รอๆๆ กลับมาอัพต่อค่ะ น่าจะใกล้จบแล้ว...
ไม่อัพต่อแล้วเหรอคะ กำลังสนุกเลย อินชิงเสวียนถูกจับแบบนี้จะมีใครมาช่วยได้บ้าง...
ตัวโกงเก่งกว่าคนดีแถมคนชั่วร้ายก็มีอยู่มากมายทั้งนอกทั้งในแบบนี้จะสู้ศึกไหวเหรอ...
มันเป็นพวกไหนกันแน่นะที่บ่อนทำลายชาติ ที่สำคัญจะเป็นคุณชายใหญ่ตระกูลอินด้วยหรือเปล่า...