“ข้าเตรียมอาหารเช้าไว้แล้ว นั่งกินข้าวก่อน พ่อเจ้าออกไปสักพักแล้ว น่าจะกลับมาเร็วๆ นี้”
กงซวินฮูหยินรีบให้สาวใช้ยกอาหารเข้ามา ขณะที่พูดเฮ่อฉางเฟิงก็เข้ามาแล้วเช่นกัน เมื่อเขารู้ว่าทั้งสองกำลังจะจากไป ก็รีบมาเกลี้ยกล่อมพวกเขา
“น้องเล็กได้กลับมาที่นี่ทั้งที ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องอยู่นานๆ สิบวันครึ่งเดือน ท่านพ่อตัดสินใจสละทางสู่วิถีแห่งสวรรค์แล้ว ทั้งสองสำนักจะหารือรายละเอียดร่วมกัน น้องเล็กไม่ต้องการเห็นท่านพ่อกับผู้อาวุโสเหมยแก้ไขความเข้าใจผิด ให้เราอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตาครอบครัวหรอกหรือ”
กงซวินอวิ๋นเฟิ่งจับมืออินชิงเสวียน แล้วถอนหายใจ “ใช่แล้ว เจ้าเป็นลูกของท่านพี่กับพี่หญิงเหมย ถ้าพี่หญิงเหมยเข้ามา แล้วไม่เจอชิงเสวียน นางจะเสียใจแน่ๆ เจ้ารีบร้อนแค่ไหนก็รอแค่ไม่กี่วัน ถ้าจากไปโดยไม่บอกลา พ่อเจ้าคงไม่มีความสุข”
“ใช่แล้ว ไม่ว่าอย่างไรน้องเล็กกับน้องเขยต้องอยู่ต่ออีกหลายๆ วัน ในเมืองนี้มีสถานที่ที่น่าสนใจมากมาย วันนี้ข้าจะพาพวกเจ้าไปเดินเล่น”
ยากที่จะปฏิเสธความมีน้ำใจของสองแม่ลูก อินชิงเสวียนอดไม่ได้ที่จะมองไปที่เย่จิ่งอวี้
เจ้าผู้ครองแคว้นจะอยู่ห่างจากบ้านเมืองตลอดทั้งปีได้อย่างไร อย่าให้เพราะเรื่องของตัวเอง มาเดือดร้อนคนทั้งแคว้นเลย
เย่จิ่งอวี้รู้ดีว่าอินชิงเสวียนกำลังคิดอะไรอยู่ เสด็จอาของเขากลับไปที่เมืองหลวงแล้ว เขาไม่ต้องการทำให้อินชิงเสวียนเสียใจภายหลังเพราะตัวเขาเอง เขาจึงพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม
“ในเมื่อพวกเราออกมาแล้ว เสวียนเอ๋อร์ก็ไม่จำเป็นต้องใจร้อน จะอยู่ต่อไปอีกสักหน่อยก็ไม่เป็นไร”
จู่ๆ หัวใจของอินชิงเสวียนก็อบอุ่นขึ้น นางพูดเพียงว่า “ถ้าอย่างนั้นข้าก็รบกวนฮูหยินแล้ว”
กงซวินอวิ๋นเฟิ่งพูดด้วยท่าทางรักใคร่เมตตาว่า “เราเป็นครอบครัวเดียวกัน ในบ้านของพ่อเจ้า เจ้าไม่จำเป็นต้องเกรงใจเพียงนี้ เรากินข้าวกันก่อน แล้วให้ฉางเฟิงพาพวกเจ้าออกไปเดินเล่น ผู้คนที่นี่เรียบง่าย พวกเจ้าต้องชอบแน่นอน”
“ขอบคุณเจ้าค่ะท่านน้ากงซวิน”
ทั้งหมดรับประทานอาหารง่ายๆ ในบ้าน บรรยากาศอบอุ่น หลังจากรับประทานอาหารเสร็จ เฮ่อฉางเฟิงก็เชื้อเชิญครอบครัวทั้งสามคนไปเดินเล่นที่อิ๋นเฉิง
ภูเขาและแม่น้ำที่นี่สวยงาม ยอดเขาเขียวขจี มีดอกไม้และพืชแปลกๆ มากมายตามริมถนน คนเฒ่าคนแก่หยอกล้อเด็กๆ ผู้หญิงซักผ้าข้างลำธารอย่างสนุกสนาน ทั้งเรียบง่ายและมีชีวิตชีวา
อินชิงเสวียนอดไม่ได้ที่จะนึกถึงบันทึกสวนดอกท้อที่เถาหยวนหมิงเป็นผู้ประพันธ์ ซึ่งทิวทัศน์ที่สวยงามที่กล่าวถึงนั้นคงไม่ต่างจากที่นี่
จากนั้นอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ “ที่นี่เป็นสถานที่ที่ดีจริงๆ”
“นางเล็กชอบก็ดีแล้ว ต่อไปที่นี่จะเป็นบ้านหลังที่สองของเจ้า เจ้าอยากกลับมาเมื่อไหร่ ก็สามารถกลับมาได้ทุกเมื่อ”
“คนที่นี่...รู้วรยุทธ์กันหมดงั้นหรือ”
อินชิงเสวียนรู้สึกพิศวงงุนงงกับปัญหานี้มาโดยตลอด
นี่ดูไม่เหมือนสำนักวรยุทธ์เลยจริงๆ
เย่จิ่งอวี้ก็อยากรู้เกี่ยวกับคำถามนี้เช่นกัน ในความรู้สึกของเขา สำนักวรยุทธ์ควรเป็นเหมือนตำหนักเทพ ไม่ก็เหมือนหอแห่งเสียงศักดิ์สิทธิ์ หรือไม่ก็เหมือนสำนักกระบี่สังหาร ที่เหล่าศิษย์สวมชุดเครื่องแบบเดียวกัน เคร่งในกฎ แบบนั้นถึงจะดูเหมือนสำนักใหญ่ที่มีชื่อเสียง
มุมปากของเฮ่อฉางเฟิงยกขึ้นเล็กน้อย
“แน่นอนว่า ทุกคนในอิ๋นเฉิงฝึกฝนวรยุทธ์ แต่อย่างไรก็ต้องใช้ชีวิต การฝึกฝนวรยุทธ์สามารถต้านทานศัตรูจากต่างถิ่นได้ก็จริง แต่ไม่ใช่ทั้งหมดของชีวิต”
เย่จิ่งอวี้อดไม่ได้ที่จะชมเชย “เจ้าเมืองมีความคิดเช่นนี้ได้ ช่างมีวิสัยทัศน์ที่กว้างไกลจริงๆ กงซวินฮูหยินก็คงจะเก่งกาจไม่แพ้กัน ไม่เพียงแต่มีทักษะทางการแพทย์ที่ยอดเยี่ยมเท่านั้น แต่ยังมีจิตใจเมตตาปรานี”
เฮ่อฉางเฟิงยิ้มแล้วพูดว่า “น้องเขยยกย่องเกินไปแล้ว ท่านพ่อมักจะบอกว่าคนควรใช่ชีวิตอย่างเต็มที่ บางทีนี่อาจจะเป็นสิ่งที่เขาต้องการ ส่วนแม่ของข้านางเก่งกาจมากจริงๆ”
เฮ่อฉางเฟิงพูดด้วยความภาคภูมิใจว่า “นางไม่เพียงแต่มีทักษะทางการแพทย์ที่ยอดเยี่ยมเท่านั้น ในด้านวรยุทธ์ก็ไม่ได้อ่อนแอกว่าท่านพ่อ ยังสร้างวรยุทธ์มากมายที่แม้แต่พ่อของข้าและข้าไม่เคยเห็นมาก่อน นางยังฝึกทหารองครักษ์ในเมืองอิ๋นเฉิง พวกเขาทั้งหมดอยู่ภายใต้การบริหารของแม่ข้า ทุกอย่างจึงเรียบร้อยดี”
อินชิงเสวียนรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย นางไม่คาดคิดว่ากงซวินฮูหยินที่ดูอ่อนโยน แต่แท้จริงแล้วนางเป็นยอดฝีมือ ดังคำที่ว่า คนจริงไม่แสดงตัวจริงๆ
ทั้งหมดเดินไปพลางคุยกันไปพลาง ตอนที่กลับไปก็ถึงยามเที่ยงวันแล้ว กงซวินฮูหยินไม่อยู่ นางบอกว่าวันนี้มีคนมาตรวจรักษามาก นางจึงไปช่วย
เฮ่อฉางเฟิงถามอีกครั้งว่า “ท่านพ่อกลับมาแล้วหรือ”
หลังจากได้ยินสิ่งนี้ คนชุดดำก็โกรธและดุด่าอย่างรุนแรง “แค่เหมยชิงเกอเพียงคนเดียวเจ้าก็ทำอะไรนางไม่ได้ เดิมทีอยากจะสนับสนุนให้เจ้าขึ้นเป็นเจ้าตำหนักเทพ แต่ตอนนี้ไม่จำเป็นแล้ว”
ฉีอวิ๋นจื่อเม้มริมฝีปากอย่างแรง ก้มศีรษะลงแล้วพูดว่า “คืนนี้ข้าจะไปที่ตำหนักเทพอีกครั้ง จะฆ่าเหมยชิงเกอนังแพศยานั่นให้ผู้มีพระคุณอย่างแน่นอน”
คนชุดดำพูดอย่างเย็นชา “เจ้าอย่าเข้าใจผิด เจ้าต่างหากที่ต้องการฆ่าเหมยชิงเกอ ไม่ใช่ข้า”
ฉีอวิ๋นจื่อสะดุ้งเล็กน้อย
“ผู้มีพระคุณต้องการอะไรกันแน่...”
“เจ้าไม่จำเป็นต้องเดาความคิดของข้า เจ้าอยากทำอะไรก็ได้ ข้าแค่เห็นว่าเจ้าน่าสงสาร เจ้าเข้าใจไหม”
“เจ้าค่ะ ขอบคุณผู้มีพระคุณมาก”
ฉีอวิ๋นจื่อกล่าวด้วยความเคารพ
ฉีอวิ๋นจื่อไม่มีทางเดาได้เลยว่าคนชุดดำกำลังคิดอะไรอยู่ คนผู้นี้พูดโดยไม่มีช่องโหว่ เป็นการยากที่จะแยกแยะความตั้งใจที่แท้จริงของเขา
“เฮ่อยวนได้รับบาดเจ็บหรือเปล่า”
คนชุดดำถามอีกครั้ง
ฉีอวิ๋นจื่อไม่กล้าปิดบัง นางก้มหน้าลงแล้วพูดว่า “เฮ่อยวนถูกฝ่ามือของข้าจริงๆ ไม่รู้ว่าตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง เหมยชิงเกอและฉุยอวี้ก็ถูกวิชาระบำสวรรค์ดาวสีเงินโจมตีเช่นกัน ไม่ทราบว่าวรยุทธ์นี้ร้ายกาจเพียงใด”
คนชุดดำพูดด้วยน้ำเสียงสงบ “ถ้าอยากรู้ เจ้าก็ไปดูเสียสิ”
คนชุดดำพูดเบาๆ และออกจากหอลับ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์
น่าจะต้องมีเล่มต่อรึเปล่าคะ เหมือนยังไม่จบเพราะตอนสุดท้ายเห็นว่ามีชนเผ่ามาเยือนโดยไม่ได้นัดหมาย...
สนุกมากค่ะ ขอบคุณที่ลงจนจบค่ะ❤️❤️...
แย่จิ่งหลานเอ๋ย ในมิติไม่มียาสลบหรือ เอามาแทงคอตอนเผลออะไรอย่างนี้ให้หลับไป...
ขอบคุณแอดมากๆค่ะที่อัพจนจบ 🙏👍สนุกมากเรื่องนี้ happy ending สุขสันต์วันสงกรานต์ หยุดพักผ่อนได้แล้วนะแอด555 ยังไงเรื่องถัดไปขอเรื่องฮองเฮาสุดที่รักด้วยนะคะ...
รออัพต่อนะคะ ใกล้จะจบแล้ว...
เศร้าเลย แอดมินไม่มาต่อ พลีสสสส...
รอๆๆ กลับมาอัพต่อค่ะ น่าจะใกล้จบแล้ว...
ไม่อัพต่อแล้วเหรอคะ กำลังสนุกเลย อินชิงเสวียนถูกจับแบบนี้จะมีใครมาช่วยได้บ้าง...
ตัวโกงเก่งกว่าคนดีแถมคนชั่วร้ายก็มีอยู่มากมายทั้งนอกทั้งในแบบนี้จะสู้ศึกไหวเหรอ...
มันเป็นพวกไหนกันแน่นะที่บ่อนทำลายชาติ ที่สำคัญจะเป็นคุณชายใหญ่ตระกูลอินด้วยหรือเปล่า...