สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์ นิยาย บท 1244

รอยร้าวทั้งหมดดูเหมือนจะหายไปกับรอยยิ้มนี้ เหมยชิงเกอยื่นมือออกมา โอบตัวอินชิงเสวียนไว้ในอ้อมแขนของนาง

นางอุ้มเสี่ยวหนานเฟิงในมือซ้าย มือขวาก็กอดลูกสาว เพลิดเพลินกับความรักในครอบครัวที่หาได้ยากและแสนสั้น

พวกเขาทั้งสามนั่งอยู่ตรงนั้นโดยไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าใด จากนั้นอินชิงเสวียนก็ตกใจเมื่อรู้ว่าดวงอาทิตย์เคลื่อนขึ้นตรงหัวแล้ว

“ท่านแม่กับจ้าวเอ๋อร์คงจะหิวแล้ว ข้าจะเตรียมของกินมาหน่อย เรามาฉลองกันให้เต็มที่”

เหมยชิงเกอพยักหน้าอย่างมีความสุข

“ให้เย่จิ่งอวี้มาด้วยสิ เมื่อก่อนแม่กลัวว่าเขาจะมาแย่งเจ้าไป ถึงไม่ชอบเขาทุกอย่าง แต่เขาก็ยังปฏิบัติด้วยความสุภาพเรียบร้อย เป็นผู้ชายที่ควรค่าแก่การไว้วางใจอย่างยิ่ง แม่ขอกลับคำพูดที่เคยพูดไปก่อนหน้านี้ พวกเจ้าสองคนเหมาะสมกันมาก วันหน้าเมื่อกลับสู่ราชสำนัก แม่จะไปส่งพวกเจ้าทั้งสามคนในครอบครัวลงเขาด้วยตัวเอง”

ตั้งแต่ได้พบกับเฮ่อยวน อารมณ์ของเหมยชิงเกอก็อ่อนโยนมากขึ้น

ลักษณะอันโหดร้ายถูกปกคลุมไปด้วยความเมตตาที่มีอยู่ดั้งเดิม และนางในตอนนี้ ดูมีความเป็นแม่มากขึ้นเรื่อยๆ

อินชิงเสวียนยิ้มละไม

“ได้รับการยอมรับจากท่านแม่แบบนี้ อาอวี้จะต้องดีใจมากแน่ๆ ข้าจะไปหาเขาเดี๋ยวนี้”

เมื่อมองดูแผ่นหลังที่ร่าเริงของลูกสาว เหมยชิงเกอก็ถอนหายใจเบาๆ กอดเสี่ยวหนานเฟิงและหอมแก้มเขาแรงๆ สองครั้ง

“ตั้งแต่นี้ไปเจ้าจะต้องกตัญญูต่อแม่ของเจ้า อย่าให้ใครมารังแกนางเด็ดขาด”

เสี่ยวหนานเฟิงพยักหน้าแรงๆ โบกกำปั้นเล็กๆ แล้วพูดว่า “ท่านยายวางใจ ข้าจะเรียนวรยุทธ์ให้เก่งกาจ จะปกป้องท่านแม่ข้าอย่างแน่นอน”

ในขณะที่สองยายหลานกำลังคุยกัน อินชิงเสวียนก็เจอเย่จิ่งอวี้ที่กำลังนั่งอยู่บนบันไดหิน

นางกอดคอเย่จิ่งอวี้อย่างเสน่หา กระซิบข้างหูเขาว่า “ท่านแม่ของข้าคงเข้าใจแล้ว ต่อไปพวกเราไม่ต้องหลบๆ ซ่อนๆ กันอีก นางยังบอกข้าด้วยว่า ท่านเป็นคนที่ควรค่าแก่การไว้วางใจ”

เรียวตาหงส์ของเย่จิ่งอวี้เบิกกว้างอย่างแจ่มใส

“จริงหรือ?”

อินชิงเสวียนบีบจมูกโด่งเป็นสันของเขา แล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า “แน่นอน แต่ตอนนี้เรายังมีอีกหนึ่งภารกิจ ซึ่งก็คือจับตัวฉีอวิ๋นจื่อ มีเพียงการจับนางเท่านั้น เราถึงจะสามารถแก้ไขความเข้าใจผิดระหว่างท่านพ่อกับท่านแม่ได้อย่างสมบูรณ์”

เย่จิ่งอวี้จับมือนางแล้วพูดว่า “เจ้าพูดถูก มิสู้...ไปตามไป๋เสวี่ยมา บางทีมันอาจจะมีประโยชน์ อีกอย่าง ข้ายังเป็นห่วงเฉิงเฟิ่งโหลวด้วย”

“เฮ้อ ทำไมถึงลืมไป๋เสวี่ยทุกครั้งเลย อาอวี้รีบไปกันเถอะ ถ้าท่านเป็นห่วงเด็กคนนั้นด้วย งั้นก็พาเขาขึ้นมาบนเขาสิ”

“อื้ม”

เย่จิ่งอวี้จูบที่แก้มของอินชิงเสวียนอย่างรวดเร็ว จากนั้นใช้วิชาตัวเบาเหาะลงจากภูเขาไป

ณ เพียวเหมี่ยวอิ๋นเฉิง

เฮ่อยวนนั่งบนเก้าอี้ สีหน้าเคร่งขรึมจริงจัง ทำให้ใบหน้าคมสันของเขาชัดเจนยิ่งขึ้น

“ผ่านมาสองวันแล้ว พวกเจ้าสามารถสืบหาเบาะแสในปีนั้นได้หรือไม่”

องครักษ์ทั้งสี่โค้งคำนับและส่ายหัวพร้อมกัน

“ได้ตรวจสอบทุกคนในเมืองแล้ว ไม่พบร่องรอยบุคคลภายนอก”

และคนเดียวที่เข้าใจค่ายกลอย่างถ่องแท้ ก็มีคือผู้อาวุโสหลักทั้งสี่ของอิ๋นเฉิง และกงซวินอวิ๋นเฟิ่ง

เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ ดวงตาของเฮ่อยวนก็หรี่ลงเล็กน้อย แต่กลับได้ยินใครบางคนตะโกนว่า “ท่านพี่ ท่านกลับมาแล้ว”

กงซวินอวิ๋นเฟิ่งมาจากข้างนอกพร้อมกับสาวใช้ โดยที่ถือของว่างรสเลิศสองจาน

“ท่านพี่รับประทานอาหารเช้าหรือยัง ทางด้านพี่หญิงเหมยเป็นอย่างไรบ้างแล้ว ได้บอกหรือไม่ว่าจะเข้าจวนมาเมื่อไหร่ ที่อิ๋นเฉิงเราไม่ได้ฉลองงานมงคลมาหลายปีแล้ว คราวนี้ข้าจะตระเตรียมให้ดีเลย”

กงซวินอวิ๋นเฟิ่งมีสีหน้ายิ้มแย้ม สีหน้าแววตาล้วนเต็มไปด้วยปีติยินดี ราวกับว่าคนที่กำลังจะแต่งงานคือตัวนางเอง

สายตาของเฮ่อยวนหันไปมองที่ใบหน้าของกงซวินอวิ๋นเฟิ่ง แล้วเขาก็ถอนหายใจและพูดว่า “ในตอนนั้นนางถูกคนตามล่า แถมคนเหล่านั้นยังถือป้ายตราคำสั่งของอิ๋นเฉิง ข้าเกรงว่าความแค้นระหว่างข้ากับนางจะไม่มีวันแก้ไขได้ ยังจะพูดถึงเรื่องเข้าจวนอะไรอีกหรือ”

เฮ่อยวนโยนป้ายแขวนเอวที่เป็นตราอิ๋นเฉิงสองอันลงบนโต๊ะ กงซวินอวิ๋นเฟิ่งหยิบพวกมันขึ้นมาตรวจดู พูดด้วยสีหน้าท่าทางกังวลว่า “ป้ายนี้ดูเหมือนจะมาจากอิ๋นเฉิงจริง ทว่าตั้งแต่ไหนแต่ไรมาชาวเมืองอิ๋นเฉิงไม่เคยออกนอกเมืองโดยพลการ แล้วจะไปลอบสังหารพี่หญิงเหมยได้อย่างไร”

เฮ่อยวนหันหลังกลับแล้วพูดว่า “แล้วถ้าเขาเป็นคนในจวนล่ะ?”

กงซวินอวิ๋นเฟิ่งคิดอยู่พักหนึ่งแล้วพูดว่า “นั่นยิ่งเป็นไปไม่ได้เลย องครักษ์ในเมืองหลักถูกส่งมาจากผู้อาวุโสฉางมาตลอด ในช่วงสามถึงห้าปีที่ผ่านมา ผู้อาวุโสฉางมอบตราบัญชาการให้ข้า และผู้อาวุโสฉางก็ชื่นชมพี่หญิงเหมยจริงๆ แล้วฆ่านางได้อย่างไร”

เฮ่อยวนหันกลับมาแล้วถามว่า “แล้วฮูหยินคิดว่าเป็นฝีมือของใคร”

กงซวินอวิ๋นเฟิ่งส่ายหัว นางเดินกลับไปกลับมาหลายก้าว ขมวดคิ้วแล้วพูดว่า “เรื่องนี้ค่อนข้างแปลก โดยส่วนตัวแล้ว ข้าคิดว่ามีแนวโน้มที่จะเป็นการใส่ร้ายมากกว่า ถ้าคนจากอิ๋นเฉิงต้องการทำร้ายพี่หญิงเหมยจริงๆ ทำไมนางถึงพกป้ายแขวนเอวติดตัวไปด้วย แม้แต่นักฆ่าธรรมดา ก็ไม่นำตราประทับของสำนักตัวเองติดมือไปด้วย ท่านพี่ยังไม่เข้าใจความจริงข้อนี้หรือ”

เฮ่อยวนขมวดคิ้วอีกเล็กน้อย นี่ไม่ใช่เรื่องที่ไร้เหตุผล

ดวงตาของกงซวินอวิ๋นเฟิ่งเป็นประกาย ทันใดนั้นก็พูดอย่างตื่นเต้นว่า “ข้าพอมีแนวทางแล้ว ท่านพี่สืบสวนผู้คนในอิ๋นเฉิง แล้วทำไมไม่ตรวจสอบป้ายแขวนเอวของคนในเมืองล่ะ ถ้ามีใครทำหาย ก็จะมีเบาะแสให้ติดตาม บางทีนี่อาจเป็นช่องโหว่ขนาดใหญ่”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์