ใบหน้าของเฮ่อยวนมืดลงทันที
“อวิ๋นเฟิ่ง เจ้าสะเพร่าขนาดนี้ได้อย่างไร”
กงซวินอวิ๋นเฟิ่งหิ้วร่างของคนผู้นั้น แล้วพูดด้วยความโกรธว่า “ไม่ว่าคนผู้นี้จะเป็นใคร หากกล้าทำลายมิตรภาพระหว่างอิ๋นเฉิงและตำหนักเทพ ก็ไม่อาจปล่อยให้รดอได้ ท่านพี่ไม่ต้องกังวล ข้าจะสืบหาต้นตอของเขาอย่างแน่นอน หาคำอธิบายให้พี่หญิงเหมย”
เดิมทีทุกคนในตำหนักเทพเต็มไปด้วยความเกลียดชังต่ออิ๋นเฉิง แต่เมื่อเห็นกงซวินอวิ๋นเฟิ่งฆ่าศิษย์คนนั้นด้วยมือตัวเอง ความโกรธของทุกคนก็ลดลงอย่างมาก
อินชิงเสวียนหรี่ตาลงเล็กน้อย นางต้องบอกว่ากงซวินฮูหยินมีกลอุบายบางอย่าง สิ่งที่นางพูดนั้นสมเหตุสมผล เป็นเรื่องยากที่จะจับผิดได้ แต่ถ้าสังเกตให้ละเอียดรอบคอบแล้ว เมื่อบุคคลนี้เสียชีวิต ระหว่างเหมยชิงเกอกับเฮ่อยวนก็ยิ่งมีเรื่องราวสับสนซึ่งยากต่อการคลี่คลาย
“ชิงเกอ ข้า...”
เฮ่อยวนต้องการอธิบาย แต่เมื่อเห็นท่าทางโกรธจัดของเหมยชิงเกอ เขาก็กลืนคำพูดกลับคืนทันที
เหมยชิงเกอสะบัดเสื้อคลุม แล้วพูดกับทุกคนว่า “สำหรับวันนี้พอเท่านี้ การประลองยุทธ์จะดำเนินต่อไปในวันพรุ่งนี้ ชาวยุทธ์ทุกคนสามารถพักอยู่ที่ตำหนักเทพอีกหนึ่งวัน เรื่องที่อยู่ที่กิน ตำหนักเทพจะรับผิดชอบอย่างเต็มที่ อวิ๋นลี่ พาฮั่วเทียนเฉิงไปกลับไปที่ห้องโถงจื่อชี่ตงไหลก่อน”
เฟิงเอ้อร์เหนียงพยักหน้าทั้งน้ำตา ออกจากสนามประลองยุทธ์พร้อมกับฮั่วเทียนเฉิงพรร้อมด้วยเหล่าลูกศิษย์ที่ใกล้ชิดอีกหลายคน
เมื่อมองดูที่แผ่นหลังของเหมยชิงเกอ เฮ่อยวนก็พูดด้วยใบหน้าที่เขียวขุ่นว่า “ชิงเสวียน เรื่องนี้...พ่อจะสืบให้กระจ่าง เจ้าไปเกลี้ยกล่อมแม่ของเจ้าหน่อยเถอะ”
อินชิงเสวียนถอนหายใจ คิดไม่ถึงว่าสิ่งต่างๆ จะกลายเป็นเช่นนี้
“ท่านน้ากงซวินไม่ควรฆ่าคนคนนี้จริงๆ เรื่องนี้หากไม่ทำให้เข้าใจชัดเจน จะเกิดเป็นปมความแค้นแน่นอน”
กงซวินอวิ๋นเฟิ่งก็มีสีหน้าหมดหนทางเช่นกัน
“ศิษย์ตำหนักเทพเดือดดาลเช่นนี้ ถ้าข้าไม่ลงมือทำ เกรงว่าจะเกิดความวุ่นวาย ถึงวาระนั้นสถานการณ์จะไม่ง่ายเหมือนกับการตายของเพียงคนเดียว ไปช่วยแม่เจ้าสงบสติอารมณ์เกิด แล้วข้าจะไปขอโทษนางด้วยตัวเอง!”
แม้ว่าอินชิงเสวียนจะไม่พอใจ แต่นางก็ไม่สามารถพูดอะไรได้อีก จึงพูดกับศิษย์ที่ดูแลแผนกต้อนรับว่า “ตอนนี้พาคนไปพักผ่อนยังที่พักก่อนเถอะ อย่าละเลยแขกผู้มีเกียรติเหล่านี้เด็ดขาด”
“ขอรับ”
เย่จิ่งหลานแค่นเสียงและพูดว่า “จะไปคิดอะไรให้ยุ่งยาก แค่ฆ่าคนปิดปาก ข้าว่ากงซวินอวิ๋นเฟิ่งไม่ธรรมดาอย่างที่คิด ยิ่งผู้หญิงมีความอ่อนโยนและมีคุณธรรมมากเท่าไร ก็ยิ่งหลอกคนเก่งขึ้นเท่านั้น ข้าไม่เชื่อ ว่านางจะไม่มีความริษยาแค้นเคืองแต่อย่างใด”
อินชิงเสวียนพยักหน้าอย่างเห็นด้วย
“เจ้าพูดถูกจริงๆ แต่ทุกอย่างต้องอยู่บนพื้นฐานของหลักฐาน ท้ายที่สุดแล้วมันไม่ใช่ความบาดหมางระหว่างของเพื่อนบ้าน นี่เป็นถึงสองสำนักที่มีอิทธิพลมากที่สุดในยุทธจักร หากไม่จัดการให้ดี ผลที่ตามมาจะตามมาจะเป็นความหายนะ”
เมื่อคิดถึงแม่ที่อารมณ์รุนแรง อินชิงเสวียนก็อดไม่ได้ที่จะปวดหัว
ดวงตาของเย่จิ่งหลานเป็นประกาย และเขาก็มีแผนอยู่ในใจแล้ว
“แล้วทำไมเราไม่ทดสอบกงซวินอวิ๋นเฟิ่งดูล่ะ”
เย่จิ่งอวี้หันกลับมาแล้วถามว่า “จิ่งหลานมีความคิดดีๆ อะไรงั้นหรือ”
เย่จิ่งหลานเลิกคิ้วแล้วพูดว่า “แน่นอน พี่ใหญ่ลืมไปแล้วหรือว่า เรายังมีหวังซุ่นอยู่ ตราบใดที่พี่ใหญ่สามารถขโมยศพมาได้ ข้าย่อมทำให้กงซวินอวิ๋นเฟิ่งเปิดเผยตัวตนได้อยู่แล้ว”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์
น่าจะต้องมีเล่มต่อรึเปล่าคะ เหมือนยังไม่จบเพราะตอนสุดท้ายเห็นว่ามีชนเผ่ามาเยือนโดยไม่ได้นัดหมาย...
สนุกมากค่ะ ขอบคุณที่ลงจนจบค่ะ❤️❤️...
แย่จิ่งหลานเอ๋ย ในมิติไม่มียาสลบหรือ เอามาแทงคอตอนเผลออะไรอย่างนี้ให้หลับไป...
ขอบคุณแอดมากๆค่ะที่อัพจนจบ 🙏👍สนุกมากเรื่องนี้ happy ending สุขสันต์วันสงกรานต์ หยุดพักผ่อนได้แล้วนะแอด555 ยังไงเรื่องถัดไปขอเรื่องฮองเฮาสุดที่รักด้วยนะคะ...
รออัพต่อนะคะ ใกล้จะจบแล้ว...
เศร้าเลย แอดมินไม่มาต่อ พลีสสสส...
รอๆๆ กลับมาอัพต่อค่ะ น่าจะใกล้จบแล้ว...
ไม่อัพต่อแล้วเหรอคะ กำลังสนุกเลย อินชิงเสวียนถูกจับแบบนี้จะมีใครมาช่วยได้บ้าง...
ตัวโกงเก่งกว่าคนดีแถมคนชั่วร้ายก็มีอยู่มากมายทั้งนอกทั้งในแบบนี้จะสู้ศึกไหวเหรอ...
มันเป็นพวกไหนกันแน่นะที่บ่อนทำลายชาติ ที่สำคัญจะเป็นคุณชายใหญ่ตระกูลอินด้วยหรือเปล่า...