ในยามราตรี
ร่างสองร่างปรากฏตัวขึ้นในที่พักชั่วคราวของชาวเมืองเพียวเหมี่ยวอิ๋นเฉิง
ภายในถ้ำ ผู้อาวุโสกงซวินมองดูศพบนพื้นด้วยสีหน้ากังวล
“ศิษย์คนนี้ใช้สิ่งของของอิ๋นเฉิงจริงๆ แต่เรากลับไม่รู้จัก เรื่องนี้ค่อนข้างน่าสงสัยไปหน่อย”
ผู้อาวุโสฉางชิวเฟิงพยักหน้าและกล่าวว่า “ฮั่วเทียนเฉิงยังเป็นศิษย์สายตรงของตาเฒ่าจิน มีสถานะที่สูงมากในตำหนักเทพ เกรงว่าเจ้าตำหนักเหมยจะไม่หยุดแค่นี้”
เขาเหลือบมองเฮ่อยวนแล้วพูดว่า “ถ้าหากต้องการแก้ไขความขุ่นเคืองนี้ เกรงว่าเจ้าเมืองจะต้องออกหน้าด้วยตนเองแล้ว”
เฮ่อยวนพูดด้วยสีหน้ายุ่งยากใจว่า “เดิมทีชิงเกอก็มีอารมณ์รุนแรงอยู่แล้ว ถ้าข้าไปตอนนี้ ไม่เพียงจะไม่ส่งผลดี แต่กลับทำให้นางพาลโกรธมากขึ้น มีแค่ต้องรอหลังการประลองยุทธ์ค่อยว่ากันอีกที พรุ่งนี้ข้าจะส่งลูกศิษย์ที่เชื่อถือได้ ส่วนคนผู้นี้ เมื่อกลับอิ๋นเฉิงแล้วต้องตรวจสอบอย่างละเอียด”
ผู้อาวุโสหลักอีกสองคนพยักหน้าพร้อมกัน การมีบุคคลที่ไม่รู้ชื่อเสียงเรียงนามเช่นนี้มาปะปนในอิ๋นเฉิง มันไม่ใช่เรื่องเล็กเลย
ผู้อาวุโสกงซวินมองดูท้องฟ้าแล้วพูดว่า “นี่ก็ดึกแล้ว วันนี้เราสงบสติอารมณ์และพักผ่อนให้สบายกันก่อนเถอะ อวิ๋นเฟิ่ง เจ้าออกมาข้างนอกกับพ่อหน่อย”
จากนั้นผู้อาวุโสหลักอีกสามคนก็ทยอยถอนตัวออกจากที่พักหิน
เมื่อเห็นสีหน้าเย็นชาของเฮ่อยวน เฮ่อฉางเฟิงก็ไม่กล้าหาเรื่องซวยให้ตัวเอง รีบชวนหยวนเป่าโค้งคำนับ และกลับไปพักผ่อนยังที่พักของตนเอง
ครั้นทุกคนเดินจากไปอย่างรวดเร็ว ร่างสีดำทั้งสองบนภูเขาพยักหน้าให้แก่กันและเดินไปที่ประตูหินที่เปิดแง้มอยู่ครึ่งหนึ่งอย่างเงียบๆ คนชุดดำป้องปากแล้วตะโกนว่า “เจ้าตำหนักเหมย ที่หน้าผาตรงนั้นน่ะ เจ้าตำหนักต้องระวังให้ดี”
คนชุดดำอีกคนจงใจกระแอมและพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ออกไปซะ อย่าตามมา”
เฮ่อยวนนั่งอยู่บนเตียงหิน วันนี้ไม่ว่าเขาจะคิดอย่างไรก็รู้สึกไม่ถูกต้อง จึงอดไม่ได้ที่จะเดินไปดูที่ศพอีกครั้ง เมื่อได้ยินเสียงจากนอกประตู ทันใดนั้นเขาก็เหาะออกไป
ร่างสองร่างพุ่งไปที่ประตูห้องหิน ขณะที่ศิษย์ของอิ๋นเฉิงกำลังจะขัดขวาง ก็เห็นดวงตาของหนึ่งในนั้นส่องแสงสีทอง
นางพูดอะไรบางอย่างด้วยเสียงแผ่วต่ำ
“ศพฟื้นคืนชีพ เดินไปเอง”
ดูเหมือนว่าคนทั้งสองจะสูญเสียจิตวิญญาณ พยักหน้าด้วยแววตาว่างเปล่า
คนชุดดำอีกคนหนึ่งโบกข้อมือ ศพที่อยู่บนพื้นก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย หลังจากที่ทั้งสองทำงานเสร็จ พวกเขาก็ทะยานร่างขึ้นไป กระโดดขึ้นๆ ลงๆ ไม่กี่ครั้งร่างของทั้งคู่ก็กลืนหายไปกับความมืดมิด
“ท่านพ่อคงไม่ได้สงสัยว่าเรื่องในวันนี้เป็นฝีมือบงการของข้าหรอกกระมัง ในอิ๋นเฉิง ผู้ที่ข้าสามารถโยกย้ายระดมพลได้มีเพียงองครักษ์ส่วนตัวภายในจวนเท่านั้น ซึ่งเห็นได้ชัดว่าคนผู้นี้ไม่ใช่องครักษ์ เกรงว่าเรื่องนี้จะมีคนอื่นมาขัดขวาง”
ผู้อาวุโสกงซวินพยักหน้าและกล่าวว่า “ดีแล้ว ในเมื่อเจ้ารู้อยู่แก่ใจว่าในใจของเฮ่อยวนมีคนอื่นอยู่ แต่ยังเต็มใจที่จะแต่งงานกับเขา เช่นนั้นต้องรับผลที่ตามมาเอง ตระกูลกงซวินของเรามีความซื่อสัตย์ตรงไปตรงมา ต้องไม่ใช้วิธีที่ไร้ยางอายเช่นนั้นเด็ดขาด”
“ท่านพ่อวางใจเถิด ข้าจะประลองครั้งที่สามด้วยตัวเอง เพื่อแก้ไขความบาดหมางระหว่างเหมยชิงเกอกับท่านพี่เจ้าค่ะ”
เมื่อได้ยินสิ่งที่กงซวินอวิ๋นเฟิ่งพูด ผู้อาวุโสกงซวินก็กังวลเล็กน้อย
“เจ้าตำหนักเหมยมีทักษะวรยุทธ์ที่ยอดเยี่ยม เจ้าต้องระมัดระวังด้วย”
“ท่านพ่อไม่ต้องกังวล แม้ว่าเจ้าตำหนักเหมยจะใจร้อน แต่ก็คงไม่ระบายความโกรธกับผู้อื่น ลูกไม่เป็นไรแน่เจ้าค่ะ”
“ถ้าอย่างนั้นก็รีบไปพักผ่อนเถอะ พ่อไม่รบกวนพวกเจ้าแล้ว”
จากนั้นผู้อาวุโสกงซวินก็ใช้ท่าร่างและมุ่งหน้าไปยังที่พักของตนเอง
กงซวินอวิ๋นเฟิ่งมองดูแผ่นหลังของผู้เป็นพ่อด้วยสายตาเฉยชา เนิ่นนานหลังจากนั้น นางก็หันหลังกลับ และเดินไปที่ที่พักหินเมื่อครู่
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์
น่าจะต้องมีเล่มต่อรึเปล่าคะ เหมือนยังไม่จบเพราะตอนสุดท้ายเห็นว่ามีชนเผ่ามาเยือนโดยไม่ได้นัดหมาย...
สนุกมากค่ะ ขอบคุณที่ลงจนจบค่ะ❤️❤️...
แย่จิ่งหลานเอ๋ย ในมิติไม่มียาสลบหรือ เอามาแทงคอตอนเผลออะไรอย่างนี้ให้หลับไป...
ขอบคุณแอดมากๆค่ะที่อัพจนจบ 🙏👍สนุกมากเรื่องนี้ happy ending สุขสันต์วันสงกรานต์ หยุดพักผ่อนได้แล้วนะแอด555 ยังไงเรื่องถัดไปขอเรื่องฮองเฮาสุดที่รักด้วยนะคะ...
รออัพต่อนะคะ ใกล้จะจบแล้ว...
เศร้าเลย แอดมินไม่มาต่อ พลีสสสส...
รอๆๆ กลับมาอัพต่อค่ะ น่าจะใกล้จบแล้ว...
ไม่อัพต่อแล้วเหรอคะ กำลังสนุกเลย อินชิงเสวียนถูกจับแบบนี้จะมีใครมาช่วยได้บ้าง...
ตัวโกงเก่งกว่าคนดีแถมคนชั่วร้ายก็มีอยู่มากมายทั้งนอกทั้งในแบบนี้จะสู้ศึกไหวเหรอ...
มันเป็นพวกไหนกันแน่นะที่บ่อนทำลายชาติ ที่สำคัญจะเป็นคุณชายใหญ่ตระกูลอินด้วยหรือเปล่า...