สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์ นิยาย บท 1265

“ท่านพี่ ไม่อย่างนั้น...ท่านไปเกลี้ยกล่อมพี่หญิงเหมยเถอะ นางต้องเชื่อคำพูดของท่านแน่นอน”

กงซวินอวิ๋นเฟิ่งคว้าแขนของเฮ่อยวน

เฮ่อยวนยิ้มอย่างขมขื่น “เจ้าคิดว่านางจะฟังคำพูดข้างั้นหรือ ไว้ค่อยคุยหลังการประลองยุทธ์ก่อนดีกว่า”

กงซวินอวิ๋นเฟิ่งถอนหายใจ

“พี่หญิงเหมยต้องทนทุกข์ทรมานมาหลายปี อุปนิสัยย่อมต้องเปลี่ยนไปบ้าง ข้าหวังว่าท่านพี่จะเข้าใจนาง อดทนต่อนาง”

เฮ่อยวนก้มศีรษะมองไปที่กงซวินอวิ๋นเฟิ่ง ประกายในดวงตาสั่นไหว จากนั้นก็จับมือนางทันที

“ได้มีภรรยาที่มีคุณธรรมเช่นนี้ เฮ่อยวนโชคดีอย่างยิ่งจริงๆ!”

กงซวินอวิ๋นเฟิ่งเม้มริมฝีปากเป็นรอยยิ้ม

“เราเป็นคู่สามีภรรยากันมายาวนานแล้ว พูดเรื่องพวกนี้ทำไมกัน รีบกลับกันเถิด”

ในอีกด้านหนึ่ง อินชิงเสวียนก็มาส่งเฮ่อฉางเฟิงกลับเช่นกัน

เมื่อมองดูแผ่นหลังของเขา เย่จิ่งอวี้ก็พูดด้วยอารมณ์ทอดถอนใจว่า “พี่เจ้าเป็นคนดีจริงๆ แต่มีบางอย่างที่ข้าไม่เข้าใจ”

อินชิงเสวียนถามว่า “เรื่องใดงั้นหรือ”

เย่จิ่งอวี้พูดอย่างสับสนว่า “ถ้าเราคำนวณตามเวลาการครองรักกัน เสวียนเอ๋อร์ก็ควรเป็นพี่สาวสิ ทำไมฉางเฟิงถึงกลายเป็นพี่ชายของเสวียนเอ๋อร์ไปได้”

อินชิงเสวียนกลอกตามองเขา แล้วพูดเสียงขึ้นจมูกเบาๆ “เป็นเพราะผู้ชายอย่างท่านควบคุมตัวเองไม่ได้ นกกาในโลกล้วนเป็นสีดำ”

เย่จิ่งอวี้รีบพูดว่า “ไม่ใช่ข้าแน่นอน ข้ารู้สึกเหมือนเดิมกับเสวียนเอ๋อร์มาโดยตลอด ไม่มีวันเปลี่ยนแปลง”

เขาก้มศีรษะลง เหลือบมองไปที่ท้องน้อยของอินชิงเสวียน

“ช่วงนี้เสวียนเอ๋อร์รู้สึกไม่สบายตรงไหนหรือไม่ มีคนบอกว่าหญิงตั้งครรภ์มักจะเหนื่อยง่าย ทำไมข้าถึงเห็นเสวียนเอ๋อร์ดูกระปรี้กระเปร่านัก”

“ข้าเป็นผู้หญิงธรรมดางั้นหรือ ลูกของเราโตมากับการดื่มน้ำพุวิญญาณเชียวนะ”

เย่จิ่งอวี้ยังคงกังวล

“จิ่งหลานก็อยู่ที่นี่ ทำไมไม่ให้เขาใช้เครื่องมือในยุคของเจ้าตรวจดูล่ะ”

อินชิงเสวียนคิดอยู่พักหนึ่งแล้วพูดว่า “ก็ดีเหมือนกัน คืนพรุ่งนี้ข้าค่อยไปหาเขา ประเดี๋ยวข้าขอไปดูท่านแม่ก่อน”

เย่จิ่งอวี้พยักหน้า “ได้ ท่านแม่กำลังโกรธอยู่ มีแค่เจ้าที่สามารถโน้มน้าวนางได้ เจ้าจะกลับมาเมื่อไหร่ ข้าจะไปรับเจ้า”

“ไม่ต้องหรอก มีศิษย์ของตำหนักเทพอยู่ทุกที่ ใครจะกล้าทำอะไร ท่านไปนอนเถอะ”

อินชิงเสวียนโบกมืออย่างสนุกสนาน แล้วค่อยๆ เดินจากไป

เย่จิ่งอวี้คลี่ยิ้มด้วยความรักเอ็นดู อย่างไรซะเขาก็นอนไม่หลับ ถ้างั้นไปคุยเล่นกับเย่จิ่งหลานดีกว่า

เย่จิ่งหลานไม่ได้อยู่ในถ้ำที่พัก อากาศบนเขาเย็นสบาย เสียงนกร้องดอกไม้ส่งกลิ่นหอม เหมาะกับการเดินย่อยหลังอาหารเย็นพอดี

“แม่งเอ๊ยเหงามากขนาดนั้นเลยหรือ ข้าอดไม่ได้ที่จะช่วยผ่อนคลายกล้ามเนื้อและกระดูกให้เจ้า”

เย่จิ่งหลานงอห้านิ้ว ตะปบไหล่ขวาของคนผู้นั้น บีบอย่างแรง ทำให้กระดูกไหล่แตกออกเป็นชิ้นๆ

คนผู้นั้นร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวด ยกมือซ้ายขึ้นตบเย่จิ่งหลานกลับ

เย่จิ่งหลานเคลื่อนไหวรวเร็วราวกับสายฟ้า คว้าแขนซ้ายของคนผู้นั้น มีเสียงดังกร๊อบๆ แขนนั้นก็หักออกเป็นสามท่อน

“โอ๊ย พ่อ...”

ก่อนที่คนผู้นั้นจะได้บอกชื่อ ก็ถูกเย่จิ่งหลานบีบคาง พูดด้วยสายตาเย็นชาว่า “กล้าเรียกตัวเองว่าพ่อต่อหน้าข้า ไม่อยากมีชีวิตอยู่จริงๆ สินะ”

เขายกมือขึ้นบีบกระดูกไหปลาร้าของคนผู้นั้น ออกแรงเล็กน้อย กระดูกก็แตกละเอียดทันที คนผู้นั้นเจ็บปวดทรมานจนต้องสูดปาก แต่ก็ไม่กล้าส่งเสียงกรีดร้อง

ศิษย์หญิงรีบขอบคุณเย่จิ่งหลาน คลุมเสื้อผ้าแล้วก็วิ่งหนีไป

ทั้งสองแขนของคนผู้นั้นพิการไปหมด พูดอะไรไม่ออก ทำได้เพียงหลั่งน้ำตา พยักหน้าขอความเมตตาจากเย่จิ่งหลานซ้ำๆ

เมื่อมองดูใบหน้าที่น่าเกลียด ท่าทางจะตายมิตายแหล่ เย่จิ่งหลานก็รู้สึกคลื่นไส้ ดวงตาเย็นเฉียบลงเล็กน้อย

เขาพุ่งออกไปกระแทกกระดูกท่อนอกของคนผู้นั้นหลายครั้ง จากนั้นคนผู้นั้นก็ตัวอ่อนยวบล้มลงเหมือนกองโคลน

เมื่อเห็นใบหน้าเหยเกบิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวดของเขา เย่จิ่งหลานก็รู้สึกสะใจอย่างอธิบายไม่ได้ ปราณกระบี่สองเล่มออกมาจากนิ้ว และกระดูกขาของคนผู้นั้นหักเป็นท่อนๆ

หวังซุ่นมองด้วยความหวาดกลัว ทำไมนายท่านถึงดูน่ากลัวขนาดนี้?

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์