หลังจากที่กลับจากตงหลิวตั้งแต่ตอนแรก หวังซุ่นสังเกตเห็นว่ามีบางอย่างผิดปกติ แต่นอกจากฆ่าชาวยุทธ์ชั่วสามคนนั้นที่รังแกเฉิงเฟิ่งโหลวในโรงเตี๊ยมแล้ว เย่จิ่งหลานไม่ได้ทำอะไรอย่างอื่นที่เกินขอบเขตเลย
แต่วันนี้ กลับทำให้หวังซุ่นขนหัวลุก
นี่คือการฆ่าอย่างทารุณที่แท้จริง!
ด้วยวรยุทธ์ในปัจจุบันของเย่จิ่งหลาน การจัดการกับเศษสวะของยุทธภพนั้นทำได้ง่ายราวกับการดีดนิ้ว ไม่จำเป็นต้อนทรมานขนาดนี้ด้วยซ้ำ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าเขาไม่เกี่ยวข้องกับศิษย์หญิงคนนั้นเลย
ขณะที่คิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ เย่จิ่งหลานก็หันกลับมา ดวงตามืดมนส่องประกายวาวในความมืด จู่ๆ หวังซุ่นก็ตัวสั่นสะท้านอย่างควบคุมไม่ได้ ผงะก้าวถอยหลังโดยไม่รู้ตัว
“นายท่าน...”
เย่จิ่งหลานแยกเขี้ยวแสยะยิ้ม
“กลัวอะไรเล่า เศษสวะแบบนี้ ไม่ควรสั่งสอนให้ดีหรอกหรือ”
เขายกมือขึ้นคว้าคนผู้นั้น แล้วโยนอัดเข้ากับกำแพงหินอย่างแรง
คนผู้นั้นพ่นเลือดออกมา ชีวิตดับลงในพริบตา จากนั้นเย่จิ่งหลานก็ลอยตามไป และเตะคนผู้นั้นลงจากหน้าผาราวกับเตะบอล
หวังซุ่นพูดตะกุกตะกัก “อันที่จริง...ควรต้องสั่งสอนแล้ว!”
เย่จิ่งหลานคำรามเสียงดัง ในใจรู้สึกมีความสุขท่วมท้น สะบัดแขนเสื้อแล้วพูดว่า “วันนี้ข้าอารมณ์ดี จะให้บุหรี่เจ้าอีกซอง”
หวังซุ่นยกมือขึ้นรับ แต่ในใจยังคงรู้สึกหวาดกลัว
ส่วนเย่จิ่งหลานนั้นเดินฮัมเพลงออกไปแล้ว
เขาเดินตามหลังเย่จิ่งหลานอย่างระมัดระวัง ในใจก็กำลังพิจารณาอยู่ว่า ควรบอกเรื่องนี้กับอินชิงเสวียนดีหรือไม่
และในเวลานี้ อินชิงเสวียนมาถึงห้องโถงจื่อชี่ตงไหลแล้ว
เหมยชิงเกอกำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้ที่มีพนักพิงสูง ถือถ้วยชาด้วยมือข้างหนึ่ง แต่ไม่มีทีท่าว่าจะดื่มมันเลย
ศิษย์รุ่นเยาว์หลายคนยืนเคียงข้างด้วยอาการตัวสั่นงันงก ทุกคนขมวดคิ้วหลุบตาลง ไม่กล้าหายใจเสียงดัง
อินชิงเสวียนกระแอมไอเบาๆ จากนั้นโค้งคำนับและทำความเคารพ
“ชิงเสวียนคำนับท่านแม่เจ้าค่ะ”
เมื่อนางเห็นลูกสาว ท่าทีของเหมยชิงเกอก็อ่อนลงเล็กน้อย
“ดึกขนาดนี้แล้ว ทำไมเจ้าถึงมาที่นี่ล่ะ”
อินชิงเสวียนเดินก้าวไปข้างหน้า
“ชิงเสวียนสงสัยว่ากงซวินอวิ๋นเฟิ่งกำลังแทรกแซงให้เกิดความขัดแย้งงั้นหรือ”
“สงสัยจริงๆ เพราะนางมีแรงจูงใจเพียงพอ”
อินชิงเสวียนเงยหน้าดวงเล็กอันแสนงดงามขึ้น มองเหมยชิงเกอแล้วถามว่า “ตอนที่ท่านแม่เห็นนางอยู่กับท่านพ่อ ในใจไม่รู้สึกอิจฉาเลยจริงๆ หรือ”
เหมยชิงเกอเงียบไปนาน ก่อนที่จะพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาว่า “จะไม่อิจฉาได้อย่างไร”
อินชิงเสวียนบีบมือของนาง แล้วพูดเบาๆ “กงซวินฮูหยินคงจะคิดเหมือนกัน แต่ตอนนี้ลูกยังไม่มีหลักฐาน ที่วันนี้มาพูดอะไรมากมาน แค่หวังว่าท่านแม่จะไม่หุนหันพลันแล่น ยิ่งไม่อยากให้เหินห่างกับท่านพ่อเพราะว่าเหตุนี้ หากเป็นเช่นนี้จริง มิเท่ากับยอมให้คู่ต่อสู้บรรลุเป้าหมายหรอกหรือ”
เหมยชิงเกอลังเลและถามว่า “แล้ว...ข้าควรทำอย่างไรดี”
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เหมยชิงเกอลงจากยอดเขาบรรจบสวรรค์น้อยมาก เมื่อบนภูเขาคิดแค่ว่าจะฝึกฝน เลื่อนขั้นกำลังภายในอย่างไร ไม่มีเล่ห์เหลี่ยมกลอุบาย หากจะพูดถึงเรื่องแผนการแล้วนั้น นางด้อยกว่าชิงเสวียนมากจริงๆ
เมื่ออินชิงเสวียนเห็นว่าตัวเองพูดให้เหมยชิงเกอหวั่นไหวได้แล้ว ก็รู้สึกมีความสุขและพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ท่านแม่ควรจะสนิทสนมกับท่านพ่อถึงจะถูก เพียงแต่น้าเฟิงนั้น...”
“ตราบใดที่สามารถจับผู้บงการตัวจริงที่ฆ่าศิษย์พี่ฮั่วได้ ข้าก็ไม่ขัดข้อง”
เฟิงเอ้อร์เหนียงและฉุยอวี้เดินเข้ามาจากด้านนอกพร้อมกัน และโค้งคำนับให้เหมยชิงเกอ
อินชิงเสวียนยืนขึ้น พูดด้วยท่าทางมุ่งมั่นว่า “ตราบใดที่น้าเฟิ่งยังทนอยู่ ข้ารับประกันว่าอีกไม่นาน อีกฝ่ายจะเผยพิรุธออกมาแน่นอน”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์
น่าจะต้องมีเล่มต่อรึเปล่าคะ เหมือนยังไม่จบเพราะตอนสุดท้ายเห็นว่ามีชนเผ่ามาเยือนโดยไม่ได้นัดหมาย...
สนุกมากค่ะ ขอบคุณที่ลงจนจบค่ะ❤️❤️...
แย่จิ่งหลานเอ๋ย ในมิติไม่มียาสลบหรือ เอามาแทงคอตอนเผลออะไรอย่างนี้ให้หลับไป...
ขอบคุณแอดมากๆค่ะที่อัพจนจบ 🙏👍สนุกมากเรื่องนี้ happy ending สุขสันต์วันสงกรานต์ หยุดพักผ่อนได้แล้วนะแอด555 ยังไงเรื่องถัดไปขอเรื่องฮองเฮาสุดที่รักด้วยนะคะ...
รออัพต่อนะคะ ใกล้จะจบแล้ว...
เศร้าเลย แอดมินไม่มาต่อ พลีสสสส...
รอๆๆ กลับมาอัพต่อค่ะ น่าจะใกล้จบแล้ว...
ไม่อัพต่อแล้วเหรอคะ กำลังสนุกเลย อินชิงเสวียนถูกจับแบบนี้จะมีใครมาช่วยได้บ้าง...
ตัวโกงเก่งกว่าคนดีแถมคนชั่วร้ายก็มีอยู่มากมายทั้งนอกทั้งในแบบนี้จะสู้ศึกไหวเหรอ...
มันเป็นพวกไหนกันแน่นะที่บ่อนทำลายชาติ ที่สำคัญจะเป็นคุณชายใหญ่ตระกูลอินด้วยหรือเปล่า...