สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์ นิยาย บท 1280

เฮ่อฉางเฟิงไม่ได้ง่วงนอน เขานั่งอยู่คนเดียวบนภูเขาสูง มองดูดวงดาวบนท้องฟ้า

เขารู้จักนิสัยของท่านตาดี แม้ว่าท่านพ่อจะไว้ชีวิตท่านแม่ได้ แต่ท่านตาต้องไม่ยอมปล่อยนางไปแน่

เขาเพิ่งไปที่สนามประลองยุทธ์เพื่อยืนยัน กองเลือดขนาดใหญ่บนพื้นทำให้เขาตกใจ และเขาก็เดาผลลัพธ์ได้รางๆ แล้ว

ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกเหมือนเด็กที่ถูกทอดทิ้ง ไม่รู้ว่าจะไปที่ไหน

หากเขาเป็นคนชั่วร้ายอย่างแท้จริง ก็ไม่จำเป็นต้องยุ่งวุ่นวายมากนัก แต่ท่านพ่อดันเลี้ยงดูเขามาเป็นอย่างดี บางครั้งการแยกแยะถูกผิด ก็เป็นสิ่งที่เจ็บปวด

สำหรับเหมยชิงเกอนั้น เฮ่อฉางเฟิงรู้สึกเห็นอกเห็นใจ และมีความไม่พอใจ แต่เขาไม่ใช่เด็ก เข้าใจว่าไม่มีใครสามารถอธิบายเรื่องความรักได้อย่างชัดเจน

เช่นเดียวกับครั้งแรกที่เขาได้เจออินชิงเสวียน เขามักจะมีความรู้สึกดีๆ ในใจเสมอ ไม่ว่าความรู้สึกนั้นจะเป็นความรักแบบครอบครัว หรือความรักแบบคนรักกัน เฮ่อฉางเฟิงก็ไม่สามารถอธิบายได้เช่นกัน

บางทีเขาอาจเป็นคนที่มีจิตใจมืดมนเช่นกัน เมื่อรู้ว่าอินชิงเสวียนมีสามีที่เพียบพร้อม เขาจึงซ่อนความคิดที่แท้จริงของเขาไว้อย่างสิ้นหวัง เสแสร้งจนเหมือนความจริง!

เมื่อคิดถึงใบหน้างดงามหยาดเยิ้มดวงนั้น เฮ่อฉางเฟิงก็อดไม่ได้ที่จะยกมุมปากขึ้น เผยรอยยิ้มประชดประชัน

ขณะที่กำลังเหม่อลอย เสียงเสื้อผ้าดังผ่านอากาศดังแว่วมาจากข้างหลัง เฮ่อฉางเฟิงไม่ได้หันกลับไปมอง

เขาคิดว่าเป็นพ่อ แต่กลับเห็นกาสุราที่ถูกส่งมาจากด้านข้าง

“อยากดื่มหน่อยไหม”

เสียงที่อ่อนโยนเหมือนหยกของเย่จิ่งอวี้ดังขึ้นเหนือหัว นั่งลงข้างๆ เฮ่อฉางเฟิงด้วยท่าทีสบายๆ

หางตาของเฮ่อฉางเฟิงกวาดไปทั่วใบหน้าหล่อเหลาของเย่จิ่งอวี้ที่เงียบสงบราวกับทะเลสาบในฤดูใบไม้ร่วง และครู่หนึ่งเขาก็รู้สึกละอายใจในตัวเอง

ความคิดเมื่อครู่นี้ทำให้เฮ่อฉางเฟิงรู้สึกว่าตัวเองเป็นคนสกปรกและลามกอนาจาร

เขารับสุรา กระดกอึกๆ เข้าไป ราวกับจะบรรเทาความหดหู่และความรู้สึกผิดในใจ

เย่จิ่งอวี้ไม่ได้พูดอะไรมาก เพียงแค่นั่งเงียบๆ บนยอดเขากับเขา มองดูทิวเขาที่ทอดยาวไปยังเบื้องล่าง

ในพริบตาเดียว เฮ่อฉางเฟิงก็ดื่มสุราในกาจนหมด

“มีอีกไหม”

“เยอะแยะ”

เย่จิ่งอวี้ยิ้มบางๆ หยิบอีกกาออกมาจากเอว และโยนมันออกไปอย่างสง่างาม

เฮ่อฉางเฟิงกระดกอีกหลายอึก แล้วหันกลับมาถามว่า “ชิงเสวียนให้เจ้ามาหรือเปล่า”

เย่จิ่งอวี้ยิ้มเล็กน้อย “ทุกคนเป็นห่วงเจ้า”

เฮ่อฉางเฟิงถามอีกครั้งว่า “แม่ของข้าตายแล้วงั้นหรือ”

เย่จิ่งอวี้ไม่ตอบ แต่เฮ่อฉางเฟิงได้คำตอบในใจแล้ว

“เจ้าจะแค้นไหม”

เย่จิ่งอวี้มองไปที่ภูเขาแล้วถามกลับ

เฮ่อฉางเฟิงค่อยๆ หลับตาลง

“ข้าไม่สามารถอธิบายความรู้สึกที่แท้จริงของตัวเองได้ ข้าก็ไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไรถึงจะถูกต้อง”

ในฐานะลูกชาย เขาควรจะล้างแค้นให้กับแม่ของเขา แต่แค้นนี้ เขาควรจะแก้แค้นกับใครล่ะ?

ฆ่าพ่อ?

ฆ่าเหมยชิงเกอ?

ความทุกข์ทรมานที่เหมยชิงเกอได้รับในช่วงสิบปีที่ผ่านมา ล้วนไม่ได้เกิดจากแม่ของเขาไม่ใช่หรือ

แต่หากเขาไม่ทำอะไรเลย เขายังสมควรที่จะเป็นลูกชายอีกหรือไม่

ชีวิตของเฮ่อฉางเฟิงนั้นเรียบง่ายมาโดยตลอด นอกเหนือจากการฝึกฝนวรยุทธ์ทุกวันแล้ว เขายังชอบแอบออกจากอิ๋นเฉิง ไปเล่นอย่างสนุกสนานอิสรเสรี

วันนี้ เขากลับรู้สึกหนักใจกว่าที่เคยรู้สึกมาก่อน จิตใจอันสับสนทำให้เขาหายใจแทบไม่ออก อัดอั้นตันใจยิ่งนัก

เย่จิ่งอวี้พยักหน้าเห็นด้วย

“เมื่อใดที่ความดีงามที่ศรัทธามายาวนานพังทลายลง คนมักจะตกอยู่ในความสับสนวุ่นวายชั่วขณะอย่างแน่นอน แต่ข้าเชื่อว่าเจ้าจะทนไหว หนทางข้างหน้าต้องมองไปข้างหน้าเสมอ ไม่ควรหยุดโดยไม่จำเป็น ยิ่งไม่ควรมองย้อนกลับไป”

เฮ่อฉางเฟิงยิ้มอย่างขมขื่น

“แล้วต้องเดินไปถึงไหน ถึงจะสุดทางล่ะ?”

“ชีวิตควรปรับตัวไปตามสภาพ ไยต้องคำนวณวันเวลาให้แม่นยำละเอียดเกินไป ชัดเจนเกินไป อาจจะไม่ใช่เรื่องดีก็ได้ เมื่อใดที่เกินขอบเขตของแผนที่วางไว้เล็กน้อย ย่อมนำไปสู่ความผิดหวังและความทุกข์ยากหลายๆ อย่างอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ หลายๆ เรื่องก็ไม่ควรคิดมาก คิดมากไปก็รังแต่จะก่อให้เกิดความยึดติด เกิดปีศาจในจิตใจ ในโลกนี้ไม่มีอะไรดีที่สุด และไม่มีอะไรเลวร้ายที่สุด ทุกสิ่งล้วนขึ้นอยู่กับความคิดของพี่ชาย”

เสียงของเย่จิ่งอวี้ราวกับสายลมที่พัดมาบนใบหน้าของเขา ทำให้เฮ่อฉางเฟิงมีจิตใจที่ชัดเจน

เขาไม่รู้เลยว่านี่คือสิ่งที่เย่จิ่งอวี้เคยรู้สึกมาก่อน

ครั้งหนึ่งเขาเคยจินตนาการว่าทุกสิ่งสวยงามมาก มีเสด็จแม่ที่รักเขา มีเสด็จพ่อที่เข้มงวดรักใคร่ เมื่อเขาโตขึ้น ถึงได้ตระหนักว่าสิ่งที่เขาต้องการนั้นไม่มีอะไรมากไปกว่าภาพลวงตา ซึ่งไม่ใช่ความจริง

สิ่งที่เขาเคยคิดว่าเป็นความสัมพันธ์ระหว่างพ่อกับลูก แต่ไม่รู้ว่ามันกลายเป็นงูพิษไปตั้งแต่เมื่อใด พวกเขาทั้งคู่เกลียดกัน เขาคิดว่าจะได้อยู่ข้างๆ เสด็จแม่เสมอ มีความสุขไปด้วยกัน แต่สิ่งที่เขาไม่ต้องการ กลับกลายเป็นภาพความตายอันน่าสังเวชของมารดา

อินชิงเสวียนถามด้วยความวิตกกังวล

เย่จิ่งหลานเก็บเครื่องมือ ถามว่า “หรือว่าเจ้าให้คุณค่ากับเพศชายมากกว่าเพศหญิง?”

อินชิงเสวียนกลอกตามองเขา

“ไอ้บ้า ข้าไม่ใช่คนแบบนั้นซะหน่อย ข้าแค่กลัวว่าจะเป็นเด็กผู้ชาย”

เย่จิ่งหลานถามอย่างไม่ใส่ใจ “จะกลัวอะไรขนาดนั้น หรือเจ้าจะไม่สามารถฝึกฝนเสี่ยวหนานเฟิงคนที่สองได้อีก?”

“ข้าทำได้อยู่แล้ว แต่เป็นเพราะเหตุนี้ ข้าจึงกลัว จิตใจของผู้คนมีความลำเอียงโดยธรรมชาติ เมื่อข้ามีลูกชายของตัวเอง ชามน้ำหนึ่งชาม ย่อมหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะถือไม่เสมอ นี่ไม่ยุติธรรมกับเสี่ยวหนานเฟิง ข้าไม่อาจผิดต่อเจ้าของร่างเดิมได้ ที่ข้ารับปากนาง ข้าต้องทำให้ได้”

เสียงของอินชิงเสวียนนุ่มนวล แต่กระแสเสียงนั้นเด็ดขาด ไม่เหลือที่ว่างให้สงสัย

เย่จิ่งหลานถอดถุงมือที่ใช้แล้วทิ้งออก เอนตัวลงบนเตียงแล้วมองดูนาง

“บางทีข้าก็รู้สึกว่าเจ้าคร่ำครึมากกว่าคนโบราณซะอีก ต้องขนาดนั้นเลยหรือ”

“ใช่ ในฐานะมนุษย์ควรรักษาสัญญา”

นางเงยหน้าขึ้น มองไปที่เย่จิ่งหลาน

“หรือเจ้าคิดจะจากไปโดยไม่บอกลาอีก?”

เย่จิ่งหลานแทบจะสำลัก เขาไอแห้งๆ แล้วพูดว่า “เจ้าเลี้ยวไปไกลเกินไปแล้ว เบรกแตกหรือเปล่า”

อินชิงเสวียนจัดเสื้อผ้าให้เข้าที่ แล้วพูดเบาๆ ว่า “อย่ามาพูดนอกเรื่องกับข้า ในเมื่อแดนศักดิ์สิทธิ์ได้ส่งคนหลายกลุ่มมาหาเจ้า แสดงว่าจะไม่มีวันยอมแพ้แน่นอน ในเมื่อข้าเห็นเจ้าเป็นเพื่อนของข้าแล้ว ข้าไม่มีทางปล่อยให้เจ้าต้องเผชิญปัญหาคนเดียว ถ้าเจ้าไม่กลับมาเมืองหลวงกับเรา ข้าจะไล่ตามเจ้าไปจนสุดขอบโลกเลยทีเดียว”

น้ำเสียงของอินชิงเสวียนหนักแน่น ค่อนข้างก้าวร้าว ตาดำตัดกับตาขาวชัดเจนคู่นั้นคมกริบราวกับมีด เย่จิ่งหลานก็ไม่กล้ากระทบ

เขาเงียบไปสักพัก แล้วจู่ๆ ก็หัวเราะออกมา

“อย่าบ้านักสิ ถ้าไม่พอใจก็ไปหาสามีเจ้าสิ ถ้าเจ้าไล่ตามข้ามาจริง ข้าเกรงว่าสามีเจ้าจะหักขาข้าก่อน”

อินชิงเสวียนเตะเขาด้วยความโกรธ

“ไม่ว่าอย่างไรเจ้าต้องกลับบ้านกับข้า ข้าจะไปอารามซ่างชิงกวนด้วยตนเอง ถามเรื่องนี้ให้กระจ่าง”

เย่จิ่งหลานร้องโอ๊ยอย่างเกินจริง พนมมือขึ้นขอร้อง “เอาล่ะเจ๊ใหญ่ของข้า ข้าสัญญากับเจ้าพอแล้วใช่ไหม ขืนเจ้าเตะมาอีกหลายครั้ง ข้าคงจะเดินเองไม่ได้”

อินชิงเสวียนหลุดเสียงหัวเราะออกมา วรยุทธของไอ้เพื่อนบ้าคนนี้ไม่เห็นว่าจะดีขึ้นมากนัก แต่คำพูดคำจากลับลื่นไหลเก่งจริงๆ

“ตกลงตามนี้นะ จากนี้หนึ่งอาทิตย์เราจะกลับเมืองหลวง”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์