“ไม่มีปัญหา”
เย่จิ่งหลานตอบอย่างสบายๆ แล้วถามอย่างสงสัย “แล้วเรื่องหยดเลือดพิสูจน์เจ้าทำได้อย่างไร”
อินชิงเสวียนเม้มริมฝีปากยิ้ม “ง่ายมาก เติมสารส้มเล็กน้อย ไม่ว่าเลือดอะไรก็สามารถหลอมรวมด้วยกันได้”
เย่จิ่งหลานยกนิ้วให้
“เยี่ยม เรื่องการต่อสู้ในวังพวกเจ้าที่เป็นผู้หญิงสุดยอดจริงๆ แต่น่าเสียดาย ตอนนี้เจ้าไม่มีอะไรจะสู้แล้ว ชีวิตช่างโดดเดี่ยวดั่งหิมะจริงๆ”
เมื่อเห็นท่าทางเกินจริงของเขา อินชิงเสวียนก็อดหัวเราะไม่ได้
“ผู้หญิงคนไหนจะยอมสู้ เป็นเพียงวิธีการเพื่อเอาชีวิตรอดที่ถูกบังคับให้ทำเท่านั้น ถ้าผู้ชายมีคู่เดียวเมียเดียว ก็คงไม่มีความแค้นมากมายขนาดนี้”
เมื่อนึกถึงรักสามเส้าระหว่างเฮ่อยวน เหมยชิงเกอ และกงซวินอวิ๋นเฟิ่ง อินชิงเสวียนก็พูดอย่างปลงอนิจจัง
เย่จิ่งหลานหัวเราะเยาะกับสิ่งนี้
“ยุคของเราก็เป็นยุคสมัยผัวเดียวเมียเดียว แต่ก็มีเรื่องเมียน้อยเหมือนกันไม่ใช่หรอกรึ ของแบบนี้ไม่เกี่ยวอะไรกับกฎหมาย ขึ้นอยู่กับคุณภาพของบุคคล ถ้าเป็นคนต่ำช้าโดยกำเนิด แม้แต่ความสามารถในการปัสสาวะรดใส่คนอื่น ก็ยังนำไปใช้ได้”
เมื่อเห็นว่าเขาหยาบคายมากขึ้นเรื่อยๆ อินชิงเสวียนก็พูดไม่ออก นี่มันชักจะหยาบคายเกินไปแล้ว
“ที่พูดคำนี้ออกมาได้ ก็แสดงว่าเจ้าไม่ใช่คนแบบนั้นน่ะสิ ถ้าเจ้าได้แต่งงาน ต้องอยู่ด้วยกันจนแก่เฒ่าแน่นอน”
เย่จิ่งหลานส่ายหัวแล้วกล่าวว่า “ไม่ถูก ขึ้นอยู่กับว่าอีกคนจะเข้าตาข้าหรือเปล่า ถ้าไม่เข้าตา ข้าขออยู่โสดไปตลอดชีวิตดีกว่า”
“ชิ ยิ่งปากแข็ง ก็ยิ่งจะถูกตบหน้า”
อินชิงเสวียนกลอกตาใส่เขา ถามหยั่งเชิงดูว่า “ระหว่างทางไปตงหลิว มีศิษย์หญิงหลายคน แต่ไม่มีสักคนที่ทำให้ใจเจ้าหวั่นไหวเลยหรือ ตัวอย่างเช่นแม่นางเก่อ นางก็ถือว่าเป็นสตรีที่ไม่เป็นรองบุรุษ”
เย่จิ่งหลานหลบสายตาของอินชิงเสวียน หัวเราะแห้งๆ แล้วพูดว่า “ผู้หลักผู้ใหญ่อย่างเจ้าอย่าจับคู่ให้ข้าเลย ข้าไม่อยากแต่งงานกับคนบ้า”
“เรื่องนี้ต้องขอความเห็นจากทั้งสองสำนัก ในสองวันนี้ข้าจะหารือกับพวกเขาดู”
อินชิงเสวียนไม่ได้รับปากในทันที กำแพงหินขนาดใหญ่ให้ความรู้สึกเป็นลางไม่ดีแก่นางเสมอ ซึ่งไม่เหมือนกับความมุ่งร้าย หากต้องใช้คำเดียวอธิบาย นั่นคือคำว่าชั่ว
เย่จิ่งหลานพยักหน้า
“ได้ งั้นข้าจะรอฟังข่าวจากเจ้า อุตส่าห์ได้เห็นสิ่งมหัศจรรย์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในยุทธจักรทั้งที ถ้าไม่ดูให้ชัดเจน เกรงว่าคงตายตาไม่หลับ”
เย่จิ่งอวี้ดุทันที “อายุน้อยแค่นี้ จะพูดเรื่องตายได้อย่างไร ต่อไปอย่าพูดไร้สาระอีก”
เย่จิ่งหลานทำหน้าทะเล้น
“รู้แล้วขอรับ”
เมื่อมองดูร่างที่จากไปของเย่จิ่งหลาน อินชิงเสวียนก็อดไม่ได้ที่จะขนลุกไปทั้งตัว เห็นชัดๆ ว่าอายุใกล้จะสามสิบแล้ว แต่ยังทำตัวแอ๊บแบ๊วอีก อยากตายจริงๆ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์
น่าจะต้องมีเล่มต่อรึเปล่าคะ เหมือนยังไม่จบเพราะตอนสุดท้ายเห็นว่ามีชนเผ่ามาเยือนโดยไม่ได้นัดหมาย...
สนุกมากค่ะ ขอบคุณที่ลงจนจบค่ะ❤️❤️...
แย่จิ่งหลานเอ๋ย ในมิติไม่มียาสลบหรือ เอามาแทงคอตอนเผลออะไรอย่างนี้ให้หลับไป...
ขอบคุณแอดมากๆค่ะที่อัพจนจบ 🙏👍สนุกมากเรื่องนี้ happy ending สุขสันต์วันสงกรานต์ หยุดพักผ่อนได้แล้วนะแอด555 ยังไงเรื่องถัดไปขอเรื่องฮองเฮาสุดที่รักด้วยนะคะ...
รออัพต่อนะคะ ใกล้จะจบแล้ว...
เศร้าเลย แอดมินไม่มาต่อ พลีสสสส...
รอๆๆ กลับมาอัพต่อค่ะ น่าจะใกล้จบแล้ว...
ไม่อัพต่อแล้วเหรอคะ กำลังสนุกเลย อินชิงเสวียนถูกจับแบบนี้จะมีใครมาช่วยได้บ้าง...
ตัวโกงเก่งกว่าคนดีแถมคนชั่วร้ายก็มีอยู่มากมายทั้งนอกทั้งในแบบนี้จะสู้ศึกไหวเหรอ...
มันเป็นพวกไหนกันแน่นะที่บ่อนทำลายชาติ ที่สำคัญจะเป็นคุณชายใหญ่ตระกูลอินด้วยหรือเปล่า...