สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์ นิยาย บท 1315

“ท่านตา!”

อินชิงเสวียนก็ร้องออกมาเบาๆ สถานการณ์นี้ทำให้นางตกใจมาก ดวงตาทั้งคู่เบิกโพลง ใบหน้าซีดเผือด

เมื่อไม่นาน ชายชราผู้นี้ยังมีร่าเริงมีชีวิตชีวา นัดกันไว้ดิบดีว่าวันหน้าต้องได้เจอกันอีกครั้ง คิดไม่ถึง วันที่ได้พบกันอีกครั้ง กลับกลายเป็นวันที่จากลาไปตลอดกาล

ถ้ารู้เช่นนี้แต่แรก ก็ยอมที่จะไม่เจอดีกว่า

เซี่ยวอิ่นหวนและคนอื่นๆ เห็นฉากที่น่าตกใจนี้ผ่านร่างอันสั่นเทาของเย่จิ่งอวี้ เซี่ยวอิ่นหวนรู้สึกว่าภาพเบื้องหน้าตัดเป็นสีดำมืด เกือบจะล้มพับลงไป ฮวาเชียนพุ่งเข้ามาประคองอย่างรวดเร็ว

“ผู้คุมตรา!”

เซี่ยวอิ่นหวนผลักฮวาเชียนออกไป เดินโงนเงนเข้าไปหาเจ้าสำนักเซี่ยว

“ท่านพ่อ ท่านพ่อ!”

ในชีวิตนี้ เจ้าสำนักเซี่ยวสะอาดเรียบร้อยมาโดยตลอด จะเคยมีสภาพสะบักสะบอมเช่นนี้ที่ไหน

เมื่อมองดูหนวดเคราที่เปื้อนเลือดและเลือดที่อาบไปทั่วร่างกาย เซี่ยวอิ่นหวนรู้สึกเหมือนหัวใจถูกมีดกรีด รู้สึกเจ็บปวดยิ่งนัก

แม้ว่านางกับเจ้าสำนักเซี่ยวจะไม่เกี่ยวข้องกันทางสายเลือด แต่ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาใกล้ชิดยิ่งกว่าพอ่ลูกแท้ๆ เจ้าสำนักเซี่ยวรักนางมาโดยตลอด ถ่ายทอดสั่งสอนทุกสิ่งที่รู้

เป่ยไห่ถูกทำลายลง ในที่สุดก็ไม่ต้องฝึกฝนเพลงพิณอีกต่อไป ในชีวิตนี้นางแค่อยากกตัญญู เพื่อตอบแทนพระคุณของชายชราที่เลี้ยงดูนาง แต่ไม่ว่าอย่างไรก็คิดไม่ถึงว่า การต่อสู้ครั้งนี้จะกลายเป็นการอำลาชั่วนิรันดร์!

ข้างหลัง ศิษย์ทุกคนคุกเข่าลง และหลั่งน้ำตาเงียบๆ

อินสิงอวิ๋นยืนอยู่ในฝูงชน อ้าปากไปทางอินชิงเสวียนเงียบๆ จากนั้นก็ทรุดตัวลงคุกเข่า

เย่จิ่งอวี้เดินโซเซลุกขึ้น อุ้มเจ้าสำนักเซี่ยวไว้ในอ้อมแขน

“เสวียนเอ๋อร์ รีบเอาน้ำพุวิญญาณออกมาเร็วๆ รีบเอามาให้ท่านตาดื่ม”

“ได้”

อินชิงเสวียนหยิบน้ำออกมาด้วยอาการอันสั่นเทา แต่ไม่ว่าอย่างไรก็สามารถเทเข้าไปในปากของเจ้าสำนักเซี่ยวได้

น้ำพุวิญญาณไหลออกมาไม่หยุด สีของเสื้อผ้าด้านหน้าของเจ้าสำนักเซี่ยวก็เข้มขึ้นเล็กน้อย

เย่จิ่งอวี้กระตุ้นกำลังภายในทั้งหมดในตัว พยายามถ่ายทอดทั้งหมดเข้าไปในร่างของเจ้าสำนักเซี่ยว ชั่วครู่หนึ่ง ฟ้าดินพลันเปลี่ยนสี กลางวันกลายเป็นความมืดที่เห็นดวงดาว อย่างไรก็ตาม เจ้าสำนักเซี่ยวยังคงไม่มีวี่แววว่าจะหายใจ

ทุกคนต่างตั้งตารอให้มีปาฏิหาริย์เกิดขึ้น ทว่า ในโลกนี้ไม่มีปาฏิหาริย์เกิดขึ้นมากมายขนาดนั้น

หลังจากได้รับการยืนยันแล้วว่าเจ้าสำนักเซี่ยวเสียชีวิตแล้ว ทุกคนก็ต่างคุกเข่าลุกไม่ขึ้น ร้องไห้โศกเศร้า

ตำนานหนึ่งยุค จบลงเพียงเท่านี้ วีรบุรุษในยามบั้นปลาย ยังเป็นบทเพลงแห่งความเศร้าของยุคสมัย!

เมื่อท้องฟ้าเริ่มมืด ทุกคนก็เตรียมที่จะจัดการงานศพของเจ้าสำนักเซี่ยว จากนั้นอินชิงเสวียนก็เห็นอินสิงอวิ๋นที่คุกเข่าอยู่ท่ามกลางฝูงชน

“พี่ใหญ่ ทำไมท่านมาอยู่ที่นี่”

อินสิงอวิ๋นถอนหายใจ และอธิบายเหตุผลว่าทำไมทุกคนมาที่นี่

“หากพูดจนถึงที่สุดแล้ว เป็นข้าเองที่ทำให้เจ้าสำนักเซี่ยวตาย”

อินชิงเสวียนได้ยินเช่นนั้นก็ยากจะสงบใจได้ พูดด้วยตาแดงก่ำ สะอื้นไห้ “ไม่ใช่ท่าน แต่เป็นข้า ถ้าข้าไม่ได้เล่นเพลงลืมกลุ้มกับฝ่าบาท ท่านและท่านพ่อคงไม่ต้องจากเมืองหลวงไป และคงไม่เกิดเรื่องขึ้นมากมายขนาดนี้”

เสียงของเย่จิ่งอวี้ดังขึ้นข้างหลัง

“อย่าโทษทั้งหมดว่าเป็นความผิดของตัวเอง หากจะตำหนิ ต้องตำหนิผู้อาวุโสหันผู้ละโมบ ถ้าไม่ใช่เพราะเขา เจ้ากับข้าสองสามีภรรยาคงไม่ต้องออกจากเมืองหลวง”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์