ยอดฝีมือที่ฟื้นคืนสติทั้งหมดยืนอยู่หน้าหลุมศพ ทั้งหมดไม่ปริปากกล่าวคำใด บรรยากาศเต็มไปด้วยความโศกเศร้าและความโกรธแค้นอย่างสุดซึ้ง
“แคว้นเฟยเหยา ข้าจะเอาชีวิตลูกสุนัขของพวกเจ้า เพื่อล้างแค้นให้กับศิษย์พี่น้องเหล่านี้อย่างแน่นอน”
ศิษย์ของสำนักดาบเดือดกำด้ามดาบแน่น ดวงตาทั้งคู่แดงก่ำ รู้สึกเจ็บปวดหัวใจอย่างยิ่ง
หากเป็นเหมือนในเป่ยไห่ ที่คนแคระเหล่านั้นต่อสู้ด้วยกระบี่อาวุธจริง เขาก็จะยอมรับ แต่เมื่อเดินทางรอนแรมข้ามภูเขาลำน้ำมาถึงที่นี่ กลับกลายเป็นว่าฝ่ายเดียวกันทำร้ายกันเอง
คนอื่นก็รู้สึกเช่นเดียวกัน การต่อสู้ครั้งนี้ช่างน่าอึดอัดใจและน่าโมโหจริงๆ หลายคนไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองตายอย่างไร
ใบหน้าของเฮ่อยวนก็เย็นชากว่าที่เคย เขาโค้งคำนับเล็กน้อยไปทางหลุมศพและพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วต่ำ “ทุกคนเดินทางไกลนับพันลี้มาถึงเทือกเขาเชื่อมเมฆา เดิมทีเฮ่อยวนควรเปิดประตูต้อนรับแขกผู้มีเกียรติที่เดินทางรอนแรมมาไกลให้ได้ดื่มกินอย่างอิ่มหนำสำราญ แต่ไม่นึกว่าจะทำให้ทุกคนโชคร้ายเช่นนี้ ถูกฝังร่างที่ต่างบ้านต่างเมือง เป็นเพราะเฮ่อยวนไร้สามารถ ไม่อาจปกป้องเหล่าบรรดาลูกศิษย์ของแต่ละสำนักได้ ในวันนี้เฮ่อยวนขอสาบานที่นี่ว่า ไม่ว่าต้องใช้วิธีการใด ก็ต้องจัดการฆ่าชาวเฟยเหยาให้สิ้นซาก ใช้หยาดโลหิตของพวกเขา สังเวยวิญญาณผู้กล้าหาญทุกท่าน!”
เมื่อศิษย์ที่เหลือได้ยินเช่นนี้ ก็อดไม่ได้ที่จะร้องไห้ ส่งเสียงสะอื้นออกมาเบาๆ
พวกเขาไม่ได้ตำหนิเฮ่อยวน แค่เกลียดที่ชาวเฟยเหยาต่ำช้าน่ารังเกียจ ถึงขั้นใช้วิธีการที่เลวร้ายเช่นนี้ได้ ทั้งยังสังหารศิษย์หลายร้อยคนโดยไม่สูญเสียเลือดเนื้อ ช่างเลวทรามยิ่งนัก
ถัดจากเขา เป็นเย่จิ่งอวี้ก็มีขอบตาแดงก่ำเช่นกัน
ราชสำนักและยุทธจักรไม่มีความขัดแย้งกันมาโดยตลอด ในความเห็นของเขายุทธภพเป็นเหมือนราชสำนักเล็กๆ แต่ละสำนักให้ความสำคัญกับผลประโยชน์เป็นอันดับแรก และการต่อสู้เป็นครั้งคราวก็เนื่องมาจากอำนาจ
จนกระทั่งเขาได้เห็นความโหดร้ายของการรบที่เป่ยไห่ด้วยตาเอง จึงตระหนักว่าในสถานที่ที่ผู้คนไม่รู้จัก ชาวยุทธ์เหล่านี้ต่อสู้เพื่อบ้านเมืองในแบบของพวกเขาเองเช่นกัน
เมื่อเผชิญหน้ากับยอดฝีมือของตงหลิวที่เชี่ยวชาญในวิชาพิสดาร และผู้ที่ถนัดในด้านกลอุบายอย่างชิงฮุย กองทัพทหารของราชสำนักก็ดูเปราะบางไปเลย หากสำนักเหล่านี้ไม่ช่วยกันปกป้องเป่ยไห่กันเอง ชาวตงหลิวคงจะดาหน้าเข้ามา และยึดครองเมืองต้าโจวไปแล้ว
อินชิงเสวียนคิดไม่ถึงว่าเย่จิ่งอวี้จะแสดงตัวตนเช่นนี้ ฐานะของเขานอกจากเฮ่ออวิ๋นทงและต่งจื่ออวี๋แล้ว ศิษย์และเจ้าสำนักส่วนใหญ่ก็ไม่รู้จักฐานะของเขา ทว่า ไม่นานนางก็ตระหนักได้อย่างรวดเร็ว
บางทีนี่อาจเป็นเรื่องดีก็ได้ ตอนนี้พวกเขากำลังสูญเสียกำลังคนไปคนแล้วคนเล่า แต่ฝ่ายศัตรูกลับมีการสูญเสียน้อยมาก นี่อยู่ในช่วงเวลาที่ขวัญกำลังใจตกต่ำ หากพวกเขารู้ว่าฮ่องเต้องค์ปัจจุบันต่อต้านศัตรูร่วมกับพวกเขา ขวัญและกำลังใจของพวกเขาจะดีขึ้นอย่างแน่นอน
เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ อินชิงเสวียนก็ยกกระโปรงขึ้นและคุกเข่าลงพร้อมกับตะโกน
“ฝ่าบาททรงปรีชา ขอพระองค์ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน!”
เซี่ยวอิ๋นหวนก็เป็นคนฉลาดเช่นกัน นางอยู่ในวังมาหลายปีแล้ว ย่อมเข้าใจอิทธิพลของผู้ครองแคว้นที่มีต่อบ้านเมืองและราษฎรอยู่แล้ว
จึงเป็นผู้นำเหล่าศิษย์ที่รอดชีวิตคุกเข่าลงทันที พูดด้วยน้ำเสียงที่ดังและทรงพลัง “ฝ่าบาททรงพระปรีชาสามารถ ต้องเอาชนะไสยศาสตร์ชั่วร้ายทั้งหมด และฟื้นฟูบ้านเมืองให้สงบสุขดังเดิมได้แน่ หอแห่งเสียงศักดิ์สิทธิ์ยินดีติดตามฝ่าบาท และแม้ว่าจะสู้จนคนสุดท้าย ก็จะไม่มีวันถอย!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์
น่าจะต้องมีเล่มต่อรึเปล่าคะ เหมือนยังไม่จบเพราะตอนสุดท้ายเห็นว่ามีชนเผ่ามาเยือนโดยไม่ได้นัดหมาย...
สนุกมากค่ะ ขอบคุณที่ลงจนจบค่ะ❤️❤️...
แย่จิ่งหลานเอ๋ย ในมิติไม่มียาสลบหรือ เอามาแทงคอตอนเผลออะไรอย่างนี้ให้หลับไป...
ขอบคุณแอดมากๆค่ะที่อัพจนจบ 🙏👍สนุกมากเรื่องนี้ happy ending สุขสันต์วันสงกรานต์ หยุดพักผ่อนได้แล้วนะแอด555 ยังไงเรื่องถัดไปขอเรื่องฮองเฮาสุดที่รักด้วยนะคะ...
รออัพต่อนะคะ ใกล้จะจบแล้ว...
เศร้าเลย แอดมินไม่มาต่อ พลีสสสส...
รอๆๆ กลับมาอัพต่อค่ะ น่าจะใกล้จบแล้ว...
ไม่อัพต่อแล้วเหรอคะ กำลังสนุกเลย อินชิงเสวียนถูกจับแบบนี้จะมีใครมาช่วยได้บ้าง...
ตัวโกงเก่งกว่าคนดีแถมคนชั่วร้ายก็มีอยู่มากมายทั้งนอกทั้งในแบบนี้จะสู้ศึกไหวเหรอ...
มันเป็นพวกไหนกันแน่นะที่บ่อนทำลายชาติ ที่สำคัญจะเป็นคุณชายใหญ่ตระกูลอินด้วยหรือเปล่า...