สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์ นิยาย บท 1509

ทหารที่อยู่ข้างหน้าเริ่มเข้ามาใกล้มากขึ้นเรื่อยๆ ครั้นแล้วก็มองเห็นชุดเกราะสีแดงรางๆ

เฉิงเฟิ่งโหลวสะดุ้งเล็กน้อย นี่...อาจเป็นทหารเปลวเพลิงสีชาดของราชาสงครามอาภรณ์ขาวกระมัง?

ถ้ามารับเสด็จฮ่องเต้ เหตุใดจึงสวมชุดเกราะ ถืออาวุธหนัก?

หรือว่าว่ามีการเปลี่ยนแปลงในเมืองหลวง อ๋องสิบสาม...ก่อกบฏ?

มือที่กุมกระบี่ของเฉิงเฟิ่งโหลวสั่นเทา เขาดึงสายบังเหียนออกทันที แม้ว่าเจ้านายกับนายหญิงจะมีทักษะวรยุทธ์สูง แต่มือเดียวสู้มือหลายไม่ได้ ใบหน้าที่อ่อนเยาว์ของเขาดูสิ้นหวัง

“ฝ่าบาท เสด็จขึ้นรถม้าเร็วเข้า”

เย่จิ่งอวี้หัวเราะเบาๆ แม้ว่าทั่วทั้งโลกจะทรยศเขา แต่เสด็จอาจะไม่มีวันทรยศเขา นี่คือความมั่นใจของเขา การสวมชุดเกราะ ถืออาวุธหนัก ถือเป็นมารยาทสูงสุดของค่ายเปลวเพลิงสีชาด

ในชั่วพริบตา ทหารม้าขบวนนั้นก็มาถึงเบื้องหน้า พวกเขาควบม้าและเคลื่อนไหวอย่างพร้อมเพรียงกัน จากนั้นแยกออกจากกันเป็นสองทาง เผยให้เห็นร่างที่สวมชุดคลุมสีขาว

ชายผู้นั้นมีใบหน้าที่หล่อเหลา ท่วงท่าไม่ธรรมดาสามัญ แต่งกายด้วยชุดสีขาวสะอาดราวกับหิมะ และเสื้อผ้าพลิ้วไหวดุจดั่งเทพเซียน

เขาพลิกตัวลงจากม้า เดินเร็วๆ ไปที่รถม้า สะบัดเสื้อคลุมออก คุกเข่าลงกับพื้น และพูดด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น “กระหม่อมเย่จั้น น้อมรับเสด็จฝ่าบาทฮองเฮากลับสู่วังหลวง!”

เฉิงเฟิ่งโหลวถอนหายใจด้วยความโล่งอก แต่ก็ค่อนข้างประหลาดใจเช่นกัน

ไม่คาดคิดว่าท่านอ๋องสิบสามผู้โด่งดังไปทั่วโลก จะทั้งหล่อและเยาว์วัยเพียงนี้!

เย่จิ่งอวี้กระโดดลงจากรถม้าอย่างคล่องแคล่ว เอื้อมมือไปพยุงเย่จั้น

“เสด็จอารีบลุกขึ้นเร็วเข้า!”

อินชิงเสวียนเดินตามออกไป แล้วโค้งคำนับน้อยๆ “คารวะเสด็จอาสิบสาม”

เย่จั้นรีบคำนับตอบอย่างรวดเร็ว

“กระหม่อมถวายพระพรฮองเฮาพ่ะย่ะค่ะ!”

อินชิงเสวียนยิ้มและพูดว่า “ท่านอ๋องตามสบาย ไม่ทราบว่าอาหญิงของข้า ตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง นางหายดีแล้วหรือยัง?”

ทันใดนั้นริ้วรอยบนใบหน้าของเย่จั้นก็อ่อนโยนลงเล็กน้อย

“ฮองเฮาโปรดวางใจ หลีเอ๋อร์ดีขึ้นมากแล้ว เราเข้าเมืองกันก่อนเถิด”

เย่จิ่งอวี้พยักหน้า

เสี่ยวหนานเฟิงยังจำนางได้ ยื่นมือเล็กๆ อันอบอุ่นออกมา

อินจื่อลั่วอุ้มหลานชาย แล้วหอมแก้มหนักๆ หลายฟอด

“จ้าวเอ๋อร์โตขึ้นมาก คิดถึงน้าไหม”

“คิดถึง~”

เสี่ยวหนานเฟิงเงยหน้าขึ้นมองแล้วเล่นผมของนาง ขณะที่อินชิงเสวียนก็รีบลงจากรถม้า คำนับอินจ้งและซูหมิงหลาน

“ชิงเสวียนคำนับท่าพ่อ คำนับท่านแม่”

ไม่ได้พบกันนานกว่าครึ่งปี ผมของอินจ้งก็ขาวโพลนขึ้นมาก ฮ่องเต้ไม่ได้อยู่ในเมืองหลวง แถมได้รู้เรื่องแคว้นเฟยเหยา เขามีความกดดันเพียงไรนั้นคึ่คิดก็รู้ได้

เส้นผมข้างขมับของซูหมิงหลานก็เริ่มมีสสีขาวประปราย นางมีน้ำมีนวลขึ้นเล็กน้อย มีราศีจับมากกว่าแต่ก่อน มีความเป็นนายหญิงของบ้านมากขึ้น

เมื่อได้ยินอินชิงเสวียนเรียกขานเช่นนี้ ซูหมิงหลานก็สะดุ้งเล็กน้อย อดไม่ได้ที่จะมองไปยังอินจ้ง ซึ่งอินจ้งขอบตาแดงรื้นอยู่แล้ว

“ฮองเฮาโปรดลุกขึ้นเถิด คำเรียกว่าท่านพ่อนี้...กระหม่อมมีหรือจะกล้ารับ!”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์