สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์ นิยาย บท 350

ณ ตำหนักเฉิงเทียน

เย่‍จิ่ง‍อวี้แช่ตัวในน้ำพุวิญญาณ และหลับลึกอีกแล้ว

บาดแผลที่หน้าอกตกสะเก็ดออกหมด ทิ้งไว้เพียงรอบแผลเป็นสีชมพู

ฝีมือการเย็นของเย่จิ่งหลานไม่เลวเลย อย่างน้อยบาดแผลก็ไม่น่าเกลียด

อินชิงเสวียนยืนอยู่ข้างๆ เมื่อมองไปที่เย่‍จิ่ง‍อวี้ นางก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจด้วยความลำเอียงของท่านเทพผู้สร้าง

ดูเหมือนว่าข้อดีทั้งหลายจะอยู่ในตัวเขาหมดเลย คิ้วหนา เรียวตาหงส์ จมูกโด่งเป็นสัน รับกับริมฝีปากบาง กลุ่มผมสีดำห้อยอยู่บนไหล่ เส้นตรงใต้กระดูกไหปลาร้า กล้ามเนื้อหน้าท้องแน่น และกล้ามท่อนแขนเป็นเส้น หลังมือที่วางอยู่ขอบถังไม้อาบน้ำเห็นเส้นปูดนูน อันทำให้รู้สึกได้ถึงความแข็งแกร่ง

ในสมัยโบราณการที่นางสามารถพบกับชายหนุ่มรูปงามได้ และเขาก็ชอบนางด้วย อาจเป็นผลบุญที่ครอบครัวของนางสั่งสมมาตั้งแต่บรรพบุรุษ

แต่ชายหนุ่มรูปหล่อคนนี้ดูเหมือนจะหลับไปสักพัก ดังนั้นอินชิงเสวียนจึงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกเบื่อ นางจึงหยิบกระพรวนทองเส้นเล็กๆ ออกมาจากอกเสื้อของนาง

ต่งจื่ออวี๋กล่าวว่าต้องสั่นเจ้านี่ในตอนกลางคืน ถึงจะตามหาเขาได้ ถ้าลองสั่นดูตอนนี้คงจะไม่เป็นไรกระมัง

อินชิงเสวียนค่อนข้างชอบเสียงนี้ มันฟังดูไพเราะเป็นพิเศษ

นางถือขึ้นแนบหู แล้วเขย่าอย่างแรง ทันใดนั้นกระพรวนทองก็ส่งเสียงดังแผ่วเบา

ในถังอาบน้ำ เย่‍จิ่ง‍อวี้ลืมตาขึ้นมาทันที

อินชิงเสวียนถามด้วยรอยยิ้ม “ท่านตื่นแล้วรึ”

ทว่าเรียวตาหงส์ของเย่‍จิ่ง‍อวี้กลับมองไปยังกระพรวนทองเส้นนั้น

“เจ้าได้สิ่งนี้...มาจากไหน”

อินชิงเสวียนแกว่งไปมาครู่หนึ่ง เอียงคอแล้วพูดว่า “เจ้าเด็กทึ่มคนหนึ่งให้มาน่ะ ไพเราะใช่หรือไม่”

เสียงกริ๊งดังทะลุหูของเย่‍จิ่ง‍อวี้ แล้วจู่ๆ เขาก็รู้สึกปวดหัวอย่างกะทันหัน ราวกับว่ามีบางอย่างกำลังจะตื่นขึ้นมา

เขาจับหน้าผากแล้วครางเสียงต่ำด้วยความเจ็บปวด

อินชิงเสวียนตกใจ นางเดินเข้าไปถามว่า “ฝ่าบาท ทรงเป็นอะไรไปเพคะ”

ขณะที่นางเคลื่อนไหว กระพรวนก็ส่งเสียงดังอีกครั้ง อาการปวดหัวของเย่‍จิ่ง‍อวี้แย่ลง จนต้องก้มศีรษะ

“อย่ามา”

อินชิงเสวียนหยุดเดิน แล้วถามด้วยความประหลาดใจ “ฝ่าบาท...ท่าน...”

เย่‍จิ่ง‍อวี้พยายามจะพ่นคำพูดออกมา “กระพรวนนั้น...”

เมื่อนั้นอินชิงเสวียนจึงรู้ตัวว่าเสียงกระพรวนทำให้เขากระเทือน จึงรีบเก็บกลับเข้าไปในอกเสื้อ

“ตอนนี้ท่านรู้สึกดีขึ้นหรือยัง”

เย่‍จิ่ง‍อวี้สงบลง เขารู้สึกประหลาดใจ

เมื่อเสียงกระพรวนดังขึ้น เหมือนเขาจะเห็นภาพบางภาพที่ไม่เคยเห็นมาก่อน แต่กลับเป็นภาพเลือนราง เขารู้สึกราวกับมีเข็มเหล็กนับพันเล่มทิ่มแทงที่ศีรษะ ซึ่งทำให้เขาเจ็บปวดจนทนไม่ไหว

เขารวบรวมสติและหายใจออกช้าๆ

“ดีขึ้นแล้ว ของสิ่งนั้นมาจากไหนดันแน่”

แล้วอินชิงเสวียนก็เล่าตอนที่ตัวเองได้พบกับต่งจื่ออวี๋ให้เย่‍จิ่ง‍อวี้ฟัง

ไม่ใช่ว่านางจงใจปกปิด นางแค่รู้สึกว่าต่งจื่ออวี๋และอา‍ซือ‍หลานไม่เกี่ยวข้องกัน คิดว่าต่อให้นางไม่พูดก็คงไม่ส่งผลกระทบต่อสถานการณ์โดยรวม

“สำนักกระบี่สังหารงั้นรึ”

เย่‍จิ่ง‍อวี้พูดทวนคำนี้เบาๆ แต่เขาไม่เคยได้ยินเลย

เรื่องที่เขารู้คือกิจการบ้านเมือง ไม่รู้เรื่องในยุทธภพเลย

อินชิงเสวียนพยักหน้าและกล่าวว่า “วรยุทธ์ของเขาดูแข็งแกร่งมาก ข้ายอมรับสายกระพรวนทองคำนี้ เพราะข้าต้องการให้เขาช่วยเราจับตัวอา‍ซือ‍หลาน”

เย่‍จิ่ง‍อวี้ส่ายศีรษะ

“ชาวยุทธ์มีกฎของชาวยุทธ์ ไม่ควรให้พวกเขามาเกี่ยวข้องกับเรื่องในเรื่องราชสำนักดีกว่า”

อินชิงเสวียนไม่เห็นด้วย

“กลัวอะไร ถึงอย่างไรเขาก็อยู่เมืองหลวงไม่นานอยู่แล้ว เขาบอกว่าถ้าพบอาจารย์อาก็จะกลับแล้ว”

“ข้าไม่อยากให้เจ้าไปยุ่งกับคนพวกนี้มากเกินไป”

สิ่งที่อินชิงเสวียนพูดก็มีเหตุผล ถ้าดินปืนทำง่ายมากขนาดนั้น ก็คงจะถูกสร้างขึ้นมานานแล้ว

เย่‍จิ่ง‍อวี้พยักหน้าและถามว่า “พอจะสืบได้หรือไม่ว่าใครเป็นคนทรยศ”

ฉินไห่ฉิวเหลือบมองอินชิงเสวียนอย่างรู้สึกขอบคุณ แล้วพูดด้วยความเคารพ “กระหม่อมกำลังสืบสวนอยู่”

เย่‍จิ่ง‍อวี้ถามอีกครั้ง “ทำถุงดินปืนได้กี่ถุงแล้ว”

ฉินไห่ฉิวก้มศีรษะลงแล้วพูดว่า “มีประมาณห้าสิบถุงพ่ะย่ะค่ะ ยังมีส่วนผสมเหลืออยู่บ้าง วันนี้น่าจะทำเสร็จได้”

เย่‍จิ่ง‍อวี้ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “ไม่จำเป็นต้องรออีกต่อไป เจ้าไปหาเสนาบดีกรมกลาโหมทันที ถ่ายทอดรับสั่งขากข้า ให่ส่งห่อดินปืนออกไปทันที”

เมื่อเห็นว่าฝ่าบาทไม่ได้ตำหนิตัวเอง ฉินไห่ฉิวก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก

“กระหม่อมจะไปจัดการเดี๋ยวนี้”

ฉินไห่ฉิวโค้งคำนับและจากไป สีหน้าท่าทางของเย่‍จิ่ง‍อวี้ก็กลับมาจริงจังอีกครั้ง

“อาซือหลานแทรกซึมไปทั่วจริงๆ การทำลายเจียงวูจะมัวชักช้าไม่ได้อีกแล้ว”

อินชิงเสวียนเห็นด้วยพูดว่า “คนผู้นี้ซ่อนตัวอยู่ในตระกูลอินมานานถึงหนึ่งปี คุ้นเคยกับเมืองหลวงเป็นอย่างดี ยิ่งกว่านั้นเขาเก่งในการหลอกลวงผู้คน ยังมีเงินทองและหญิงงามอยู่ในมือมากมาย ถ้าเขาไม่ถูกจับโดยเร็วที่สุด จะต้องเกิดปัญหาตามมาอีกแน่นอน”

“เสวียน‍เอ๋อร์พูดมีเหตุผล ข้าจะเรียกองครักษ์เงามาเดี๋ยวนี้ ให้นางสวมหน้ากากผิวหนังมนุษย์ไปตามหาอา‍ซือ‍หลาน”

ทันทีที่เขาพูดจบ เขาก็ได้ยินเสียงคนตะโกนจากข้างนอก “รายงาน มีเรื่องด่วนจากเมืองซุ่ยหาน”

หลังจากได้ยินข่าวจากเมืองซุ่ยหาน เย่‍จิ่ง‍อวี้ก็ลุกขึ้นยืนทันที

“เข้ามา”

ทหารคนหนึ่งวิ่งเข้ามาจากด้านนอก คุกเข่าลง และยกจดหมายขึ้นเหนือศีรษะ

เย่‍จิ่ง‍อวี้เอื้อมมือไปหยิบจดหมาย เปิดจดหมายแล้วมองดู นัยน์ตาของเขามืดลง

เมื่อเห็นว่าสีหน้าของเขาไม่ดี อินชิงเสวียนจึงถามอย่างกังวล “ฝ่าบาท มีอะไรเกิดขึ้นกับท่านพ่อของหม่อมฉันหรือเพคะ”

เย่‍จิ่ง‍อวี้วางจดหมายลงบนโต๊ะแล้วพูดด้วยสีหน้าเคร่งเครียด “ไม่ใช่ พ่อของเจ้าออกจากเมืองเพื่อกลับเมืองหลวงเมื่อสองวันก่อนแล้ว เป็นแม่ทัพของเป่ยมู่ต๋าที่รู้ว่าเสด็จอาไม่อยู่ในเมืองซุ่ยหาน จึงออกคำสั่งให้โจมตีเมือง ดูท่าว่าเสด็จอาต้องกลับไปแล้ว”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์