“ชิงเสวียน!”
อินปู้อวี่ยกกระบี่ขึ้นรับหน้าคนชุดดำ คนชุดดำส่งเสียงเหยียดหยาม ก้าวตัดในแนวทแยงมุมสามก้าว และสะบัดฝ่ามือใส่ที่ข้อมือของอินปู้อวี่
ความเร็วของอินปู้อวี่ไม่ได้ช้า หมัดซ้ายได้เหวี่ยงออกไป ตรงไปยังรักแร้ของคนชุดดำ
คนชุดดำแค่นเสียงหึอย่างแหบแห้ง
“สมแล้วที่เป็นคนตระกูลอิน พอมีฝีมืออยู่บ้าง”
คนผู้นั้นหลบหมัดของอินปู้อวี่ บิดร่างกายด้วยท่าประหลาด และโจมตีไปยังอินชิงเสวียนอีกครั้ง
การเคลื่อนไหวนี้รวดเร็วมาก ความเร็วเทียบได้กับสายอสุนีบาตที่ฟาดเปรี้ยงลงมา
อินชิงเสวียนก็เตรียมพร้อมเช่นกัน นางรู้ว่าคนชุดดำมีวรยุทธ์สูง พลังมิติไม่สามารถจัดการกับคนผู้นั้นได้เลย ดังนั้นนางจึงแลกทักษะห้าสิบห้าสิบมาโดยไม่ต้องคิด
ทันใดนั้น ทั้งสองก็ก้าวเท้าจังหวะเดียวกัน ปะทะฝ่ามือออกไปพร้อมกัน
มีเสียงดังเปรี้ยง ฝ่ามือทั้งสองที่ปะทะกันทำให้ฝุ่นฟุ้งกระจายคลุ้งลานบ้าน
ทั้งสองต่างถอยกลับไปสามก้าว แต่คนชุดดำก็หยุดเคลื่อนไหวอีกครั้ง
“เจ้าเป็นใครกันแน่” คนผู้นั้นถามด้วยน้ำเสียงอึมครึม
อินชิงเสวียนก็มองเขาด้วยสายตาที่เย็นชาเช่นกัน
“แล้วเจ้าเป็นใคร เหตุใดถึงพยายามแย่งชิงพิณการเวกไป”
คนชุดดำพูดอย่างเย็นชา “เดิมทีการเวกเป็นของสำนักเรา และหลี่เฟิงอี๋ก็เป็นคนในสำนักของเรา ถ้าคืนพิณการเวกมา รับรองว่าทั้งครอบครัวของเจ้าจะปลอดภัย”
แววตาของอินชิงเสวียนเยียบเย็นลงเล็กน้อย สิ่งที่นางเกลียดมากที่สุดคือการข่มขู่จากผู้อื่น
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อนางเพิ่งมีครอบครัว
“ผู้ใดสามารถพิสูจน์ได้ว่าพิณการเวกเป็นของสำนักเจ้า แล้วเจ้ามาจากสำนักใด เท่าที่ข้ารู้ก็คือ พิณโยราณนี้เป็นของที่ระลึกของภรรยาผู้ล่วงลับของผู้อาวุโสลิ่น เจ้าอาศัยเพียงลมปาก ก็จะมาแย่งชิงพิณไป ช่างเหลวไหลสิ้นดี”
เห็นได้ชัดว่าคนชุดดำไม่ต้องการพูดอะไร แค่นเสียงหึอย่างเย็นชา และโจมตีอินชิงเสวียนอีกครั้ง
อินชิงเสวียนเคลื่อนไหวเท้าและออกท่าเพลงยุทธ์ที่เหมือนกันทุกประการ ทั้งสองคนแลกฝ่ามือกันสามครั้งติดต่อกัน แต่ก็ไม่มีใครได้เปรียบหรือเสียเปรียบ
คนชุดดำอดไม่ได้ที่จะรู้สึกหวาดกลัว “เหตุใดเจ้าถึงใช้วรยุทธ์ของสำนักเราได้”
อินปู้อวี่ตกใจเช่นกัน
น้องหญิงใหญ่ชื่นชอบพิณกลอนมาแต่ไหนแต่ไร เคยฝึกวรยุทธ์ที่ไหน เพลงยุทธ์และฝ่ามือของนางนั้นยอดเยี่ยมมาก ไม่ใช่การบรรลุได้ในชั่วข้ามคืนแน่นอน นี่มันเกิดอะไรขึ้น
อินชิงเสวียนจงใจแค่นเสียงหึอย่างดูหมิ่นเหยียดหยาม
“ทักษะวรยุทธ์โง่ๆ ของพวกเจ้าจะไปยากอะไร”
คนชุดดำอดไม่ได้ที่จะโกรธ “ในเมื่อเจ้ารนหาที่ตายเอง เช่นนั้นก็อย่ามาโทษว่าข้าโหดเหี้ยม”
ทันใดนั้นเขาก็หยิบขลุ่ยออกมาจากอกเสื้อ แล้วก็เริ่มเป่าเสียงโหยหวน
เสียงนั้นรุนแรงมากจนอินชิงเสวียนเริ่มเวียนหัว
อินปู้อวี่ยังรู้สึกปวดหัวอย่างรุนแรง เซและล้มลงกับพื้น
ครั้นแล้วอินชิงเสวียนก็นึกถึงพิณการเวกทันที เพลงใจหินผาอันไพเราะมั่นคงน่าจะสามารถต้านทานเสียงขลุ่ยได้ แต่ถ้านำออกมา ก็จะทำให้เกิดปัญหามากมายอย่างแน่นอน
ถ้าคนนี้ชิงไปไม่ได้ ไม่แน่ว่าอาจจะเรียกคนอื่นมาช่วยแย่งไปก็ได้
ตอนนี้จู่ๆ ลิ่นเซียวก็มาหายตัวไปอีก ทักษะห้าสิบห้าสิบของนางสามารถรับมือกับคนเพียงคนเดียวได้ แต่ถ้ามีคนมากกว่านี้ ก็ยากที่จะคาดเดาได้
นางต้องหาทางอื่นเพื่อเอาชนะศัตรู แต่นางไม่เป่าขลุ่ยไม่เป็น และดูเหมือนว่าทักษะห้าสิบห้าสิบจะไม่สามารถช่วยให้นางเรียนรู้การเล่นเครื่องดนตรีได้ ด้วยความกระวนกระวายใจ จู่ๆ นางก็นึกถึงขลุ่ยดินเผาในมิติ
จึงรีบแลกมาทันที และเริ่มเล่นทำนองเพลงใจหินผา
อินปู้อวี่รู้สึกถึงความอบอุ่นที่แว่วกระทบโสต สมองเริ่มปลอดโปร่ง
ในไม่ช้าเสียงขลุ่ยอันไพเราะก็ระงับเสียงของขลุ่ยนั้นไปได้
คนชุดดำตกใจ รีบวางขลุ่ยลง
ถามเสียงทุ้มต่ำว่า “ใครสอนทำนองเพลงนี้ให้กับเจ้า”
อินชิงเสวียนลดขลุ่ยดินเผาลง แล้วพูดเบาๆ “ผู้อาวุโสลิ่น ลิ่นเซียว”
อินชิงเสวียนขมวดคิ้ว รู้สึกอย่างคลุมเครือว่าคนชุดดำรู้อะไรบางอย่าง
นางเกิดความรู้สึกเสียดาย ถ้าแลกพิณการเวกกับความลับนี้ ไม่รู้ว่าคนชุดดำจะบอกหรือไม่
แต่หลังจากคิดทบทวนอีกครั้ง คำพูดของเย่จิ่งอวี้ก็ดูมีเหตุผล
ลิ่นเซียวสอนพิณให้นาง ด้วยความหวังว่าจะได้พบผู้ที่มีโชคชะตาแท้จริง แม้ว่าส่งให้คนอื่น นางก็ยังต้องได้รับคำอนุญาตจากลิ่นเซียวก่อนยู่ดี
ถึงอย่างไรคนผู้นั้นก็บอกว่าจะไปตามหาลิ่นเซียว ดังนั้นรอจนกว่าจะหาเขาเจอก่อนแล้วค่อยว่ากันใหม่เถอะ
ขณะที่กำลังครุ่นคิดอยู่นั้น อินปู้อวี่ก็ถามว่า “น้องหญิงใหญ่ เจ้าฝึกวรยุทธ์ตั้งแต่เมื่อไหร่”
อินชิงเสวียนไอแห้งๆ แล้วพูดว่า “จริงๆ แล้วข้าไม่เป็นวรยุทธ์เลย แค่มองวิชาฝ่ามือของอีกฝ่ายออกเท่านั้น จึงได้เลียนแบบ อีกอย่างก็เป็นเพราะข้าพบหนังสือแปลกๆ เล่มหนึ่งตอนที่อยู่ในวังเย็น ข้าถึงเรียนรู้ความสามารถนี้ได้”
อินปู้อวี่ถามด้วยความประหลาดใจ “มีความสามารถเช่นนี้ในโลกนี้ด้วยงั้นหรือ”
อินชิงเสวียนพูดอย่างลึกลับ “โลกใหญ่ไพศาล ไร้พิสดารไม่มี มีหลายสิ่งที่เรานึกไม่ถึง แต่ความจริงอล้วมันมีอยู่จริง”
อินปู้อวี่ยังคงไม่เชื่อ จู่ๆ ก็สะบัดฝ่ามือเข้าใส่
ซึ่งทักษะห้าสิบห้าสิบของอินชิงเสวียนก็ครบเวลาพอดี ฝ่ามือนั้นกระแทกนางจนล้มลง ได้รสคาวเลือดในปาก จนแทบจะกระอักเลือดออกมา
อินปู้อวี่ตกใจ รีบช่วยประคองอินชิงเสวียนลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว
“น้องหญิงใหญ่ เจ้าเป็นอะไรหรือไม่ พี่รองแค่อยากลองดูเท่านั้น”
อินชิงเสวียนหายใจเข้าลึกๆ คิดในใจว่าพี่รองนี้ดูไม่ค่อยฉลาดจริงๆ ถึงตัวเองไม่ได้ตายด้วยน้ำมือของคนอื่น แต่เกือบถูกฝ่ามือเขาเกือบตาย
“ความสามารถของข้ามีจำกัดเวลา มากสุดก็ประมาณสิบห้านาที ตอนนี้หมดเวลาแล้ว แค่กๆ”
อินชิงเสวียนรู้สึกจุกอก ไอสองครั้ง
อินปู้อวี่รีบตบหลังของอินชิงเสวียนทันที ซึ่งเรี่ยวแรงที่ตบลงมานั้นแรงมาก จนทำให้อินชิงเสวียนหลังแทบหัก
“ไม่ ไม่ต้องตบแล้ว ข้าไม่เป็นไร”
นางหายใจเข้าช้าๆ แล้วพูดว่า “เรื่องนี้อย่าเพิ่งบอกท่านพ่อ เขากำลังมุ่งเป้ามาที่ข้า ตราบใดที่ข้าอยู่ห่างจากตระกูลอิน เขาจะไม่มาหาเรื่องพวกท่านแน่นอน”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์
น่าจะต้องมีเล่มต่อรึเปล่าคะ เหมือนยังไม่จบเพราะตอนสุดท้ายเห็นว่ามีชนเผ่ามาเยือนโดยไม่ได้นัดหมาย...
สนุกมากค่ะ ขอบคุณที่ลงจนจบค่ะ❤️❤️...
แย่จิ่งหลานเอ๋ย ในมิติไม่มียาสลบหรือ เอามาแทงคอตอนเผลออะไรอย่างนี้ให้หลับไป...
ขอบคุณแอดมากๆค่ะที่อัพจนจบ 🙏👍สนุกมากเรื่องนี้ happy ending สุขสันต์วันสงกรานต์ หยุดพักผ่อนได้แล้วนะแอด555 ยังไงเรื่องถัดไปขอเรื่องฮองเฮาสุดที่รักด้วยนะคะ...
รออัพต่อนะคะ ใกล้จะจบแล้ว...
เศร้าเลย แอดมินไม่มาต่อ พลีสสสส...
รอๆๆ กลับมาอัพต่อค่ะ น่าจะใกล้จบแล้ว...
ไม่อัพต่อแล้วเหรอคะ กำลังสนุกเลย อินชิงเสวียนถูกจับแบบนี้จะมีใครมาช่วยได้บ้าง...
ตัวโกงเก่งกว่าคนดีแถมคนชั่วร้ายก็มีอยู่มากมายทั้งนอกทั้งในแบบนี้จะสู้ศึกไหวเหรอ...
มันเป็นพวกไหนกันแน่นะที่บ่อนทำลายชาติ ที่สำคัญจะเป็นคุณชายใหญ่ตระกูลอินด้วยหรือเปล่า...