“เช่นนั้นก็ดีเพคะ หวังว่าครั้งนี้ดินปืนจะสามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้ถูกต้อง”
อินชิงเสวียนรินชาให้เย่จิ่งอวี้หนึ่งแก้ว และนั่งลงบนเบาะนุ่ม
เสี่ยวหนานเฟิงเอื้อมมือไปที่แก้วชาในทันที
ทำปากจู๋และพูดว่า “ดื่มๆ…”
อินชิงเสวียนสัมผัสแก้วชาเล็กน้อย และแกล้งดึงมือกลับด้วยความกลัว
“ร้อน ดื่มไม่ได้ เจ้าหิวแล้วใช่หรือไม่ แม่จะไปชงนมให้เจ้าดื่มนะ”
เสี่ยวหนานเฟิงประสานมือน้อยสองข้างไว้ด้วยกัน เลียนแบบท่าทางของไป๋เสวี่ย เพื่อทำความเคารพอินชิงเสวียนด้วยการประสานมือทั้งสองขึ้นในระดับหน้าอก ปากน้อยๆ ยังคงพูดพึมพำในสิ่งที่อินชิงเสวียนฟังไม่เข้าใจอีกมากมาย
อินชิงเสวียนหัวเราะในท่าทางใสซื่อของลูกชายทันที และลูบที่ศีรษะเล็กๆ ของเขาอย่างเบามือ
“เด็กดี รอก่อนนะ”
เมื่อเห็นเงาหลังที่อรชรอ้อนแอ้นของอินชิงเสวียน เย่จิ่งอวี้เม้มริมฝีปากแล้วยิ้ม
นี่คือชีวิตในแบบที่เขาต้องการ สงบสุขและสุขใจ
ไม่มีเรื่องแก่งแย่งชิงดีกันในวังหลัง และไม่ต้องกังวลใจกับแผนการห้ำหั่นกันของนางสนมนางกำนัล เชื่อว่านางสนมเหล่านั้นเข้าใจความคิดของเขาแล้ว
ช่วงนี้ไม่มีใครวิ่งไปที่ห้องหนังสืออีกแล้ว สบายหูมากขึ้นไม่น้อย
ในระหว่างที่คิด อินชิงเสวียนก็ถือขวดนมเดินเข้ามา
นางรับตัวเสี่ยวหนานเฟิงไป และวางเขาลงบนเตียง
เมื่อเห็นขวดนม เสี่ยวหนานเฟิงก็เตะเท้าด้วยความดีใจ จนมือเท้าเต้นระบำเริงร่า
ตอนนี้เสี่ยวหนานเฟิงอายุได้หกเดือนกว่าแล้ว และยังกินเก่งมากทีเดียว โดยปกติเขาจะกินนมหนึ่งถึงต่อสองวัน โชคดีที่ในมิติมีคะแนนสะสมค่อนข้างมาก มิเช่นนั้นคงจะเลี้ยงไม่ไหวจริงๆ
เสี่ยวหนานเฟิงถือขวดนมไว้ เท้าน้อยๆ โยกไปโยกมา เวลาได้กินอาหารดวงตาจะเบิกกว้าง รูม่านตาก็จะเปลี่ยนเป็นสีเข้มเพราะมีความสุข บางครั้งก็ยังพูดจาอู้ๆ อี้ๆ กับอินชิงเสวียนอยู่หลายคำทีเดียว
เย่จิ่งอวี้ก็ตามมานั่งที่ข้างเตียง พร้อมกับลูกที่ฝ่าเท้าเล็กๆ ที่อ้วนท้วนของลูกชาย ใบหน้าที่หล่อเหล่าเปี่ยมไปด้วยรอยยิ้มที่มีความสุข
เสี่ยวหนานเฟิงยกเท้าเล็กๆ ขึ้นมาในทันที และหยอกล้อกับเย่จิ่งอวี้
อินชิงเสวียนนั่งมองสองพ่อลูกอยู่ข้างๆ ในใจก็รู้สึกสงบอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน
เมื่อเห็นท่านแม่หัวเราะ เสี่ยวหนานเฟิงก็ยิ่งร่าเริง เขาคว้าผมของเย่จิ่งอวี้มาหนึ่งกำมือ ขาน้อยที่อ้วนท้วนกระโดดโลดเต้น เหยียบจนเย่จิ่งอวี้หน้าเบ้
สองพ่อลูกเล่นด้วยกันราวหนึ่งชั่วยาม ในที่สุดเสี่ยวหนานเฟิงก็ไม่อาจฝืนได้ไหว และเริ่มขยี้ตาเบาๆ
“ลูกรัก ได้เวลานอนแล้วนะ”
อินชิงเสวียนอุ้มเสี่ยวหนานเฟิงขึ้นมา แกว่งไปมาเบาๆ พร้อมกับฮัมเพลง
เสี่ยวหนานเฟิงกะพริบดวงตากลมโตที่ใสแป๋วและมองไปที่นาง ไม่นานก็นอนหลับไป
เย่จิ่งอวี้ถามด้วยความแปลกใจ
“เสวียนเอ๋อร์ฮัมเพลงอะไรกัน ทำไมถึงมีม้า และมีลูกศิษย์อยู่ในเพลงด้วย?”
อินชิงเสวียนวางลูกชายลงบนเตียง ยิ้มและพูดว่า “นับเป็นบทเพลงกล่อมเด็กเพคะ ตอนที่หม่อมฉันยังเด็กก็ได้ฟังเพลงนี้อยู่บ่อยๆ”
เย่จิ่งอวี้พยักหน้ารับ “เพลงนี้น่าแปลกทีเดียว จังหวะแตกต่างจากเพลงของต้าโจว แต่กลับไพเราะเป็นอย่างมาก”
เมื่อพูดเรื่องนี้ขึ้นมา เขาก็ชะงักไป และจู่ๆ ก็นึกถึงกระพรวนทองเส้นนั้น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์
น่าจะต้องมีเล่มต่อรึเปล่าคะ เหมือนยังไม่จบเพราะตอนสุดท้ายเห็นว่ามีชนเผ่ามาเยือนโดยไม่ได้นัดหมาย...
สนุกมากค่ะ ขอบคุณที่ลงจนจบค่ะ❤️❤️...
แย่จิ่งหลานเอ๋ย ในมิติไม่มียาสลบหรือ เอามาแทงคอตอนเผลออะไรอย่างนี้ให้หลับไป...
ขอบคุณแอดมากๆค่ะที่อัพจนจบ 🙏👍สนุกมากเรื่องนี้ happy ending สุขสันต์วันสงกรานต์ หยุดพักผ่อนได้แล้วนะแอด555 ยังไงเรื่องถัดไปขอเรื่องฮองเฮาสุดที่รักด้วยนะคะ...
รออัพต่อนะคะ ใกล้จะจบแล้ว...
เศร้าเลย แอดมินไม่มาต่อ พลีสสสส...
รอๆๆ กลับมาอัพต่อค่ะ น่าจะใกล้จบแล้ว...
ไม่อัพต่อแล้วเหรอคะ กำลังสนุกเลย อินชิงเสวียนถูกจับแบบนี้จะมีใครมาช่วยได้บ้าง...
ตัวโกงเก่งกว่าคนดีแถมคนชั่วร้ายก็มีอยู่มากมายทั้งนอกทั้งในแบบนี้จะสู้ศึกไหวเหรอ...
มันเป็นพวกไหนกันแน่นะที่บ่อนทำลายชาติ ที่สำคัญจะเป็นคุณชายใหญ่ตระกูลอินด้วยหรือเปล่า...