สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์ นิยาย บท 443

อินชิงเสวียนยกมือขึ้นปิดหน้าผาก เบิกตากว้างด้วยสีหน้าไร้เดียงสา

“ไม่มีเพคะ”

เย่‍จิ่ง‍อวี้หัวเราะเบาๆ พูดอย่างมีความสุข “ไม่ก็ไม่ ถือว่าข้าเดาผิดไปเอง”

เขาเอื้อมมือออกไปอุ้มเสี่ยว‍หนาน‍เฟิงขึ้นมา เสี่ยวหนานเฟิงก็รีบชี้ไปที่ตู้หนังสือทันที

“เด็กขนาดนี้ก็อยากเรียนหนังสือแล้วรึ”

เย่‍จิ่ง‍อวี้หยิบพู่กันออกมา แล้วส่งให้เสี่ยว‍หนาน‍เฟิง

เสี่ยว‍หนาน‍เฟิงอ้าปากจะกัด แต่อินชิงเสวียนรีบแย่งออกไปก่อน

พูดอย่างค้อนๆ “ฝ่าบาทตามใจเขามากเกินไปแล้ว”

เย่‍จิ่ง‍อวี้กล่าวด้วยรอยยิ้ม “ไม่เป็นไร ถึงอย่างไรต่อจากนี้ไปทั้งหมดนี้ก็จะเป็นของเขา”

เสี่ยว‍หนาน‍เฟิงที่ถูกแย่งพู่กันไป แสดงสีหน้าไม่มีความสุข คิ้วเล็กจ้อยขมวดมุ่นทันที

“เอา~”

เขายื่นมือป้อมๆ ออกมา แล้วกระดกปากสีชมพูนุ่มนิ่มขึ้น ใบหน้าเล็กๆ เต็มไปด้วยความจริงจัง

อินชิงเสวียนตีหลังมือของเขาเบาๆ

“ห้ามเอาแต่ใจ”

ทันใดนั้นเสี่ยว‍หนาน‍เฟิงก็รู้สึกเสียใจ มุมปากคว่ำลงทันที ขอบตาแดงก่ำจากการกลั้นน้ำตา

เมื่อเห็นว่าลูกชายเสียใจ เย่‍จิ่ง‍อวี้ก็หยิบพู่กันอีกด้ามออกมา

กล่าวด้วยสีหน้ารักใคร่ลุ่มหลงว่า “เล่นได้สิ แต่กัดไม่ได้ เข้าใจหรือไม่”

เสี่ยว‍หนาน‍เฟิงยิ้มร่าทันที มือน้อยถือพู่กันโบกไปมา

“บิน~บิน~”

อินชิงเสวียนอ่อนอกอ่อนใจ มีพ่อที่ตามใจลูกเช่นนี้ ลูกจะโตมาเป็นคนอย่างไร

นางต้องหาโอกาสอธิบายเหตุผลกับเย่‍จิ่ง‍อวี้ เด็กเป็นเพียงต้นกล้า ต้องอบรมบ่มเพาะให้ดี ถึงจะเติบโตได้ตรงไม่นอกลู่นอกทาง

แต่พอมาคิดดูอีกที เสี่ยว‍หนาน‍เฟิงก็อายุเพียงไม่กี่เดือน ต่อให้ต้องอบรม แต่ก็ต้องให้อายุถึงห้าขวบก่อน ถึงพอจะเข้าใจได้บ้าง

เมื่อคิดว่าในอนาคตลูกชายต้องเป็นเหมือนเย่‍จิ่ง‍อวี้ ที่ต้องตื่นมาตรวจฎีกาตั้งแต่ไก่ยังไม่ขัน จู่ๆ อินชิงเสวียนก็รู้สึกเศร้าใจ

แต่ถ้าหากไม่เป็นฮ่องเต้ ก็จะตกเป็นเป้าหมายของคนอื่น เมื่อชั่งน้ำหนักดูทั้งสองเรื่องแล้ว การมีอำนาจอยู่ในมือย่อมดีกว่า

เมื่อเห็นอินชิงเสวียนหรี่ตาครุ่นคิด เย่‍จิ่ง‍อวี้ก็ถามอย่างสงสัย “เสวียน‍เอ๋อร์คิดอะไรอยู่รึ”

อินชิงเสวียนไม่กล้าพูดว่าอนาคตนางต้องการให้ลูกชายเป็นฮ่องเต้ เพราะการพูดเช่นนั้นก็เท่ากับเป็นกบฏ

นางไอแห้งๆ แล้วพูดว่า “หม่อมฉันกำลังคิดจะเรื่องการทำกระดาษอยู่เพคะ ไม่รู้ว่าเป็นอย่างไรบ้างแล้ว”

เย่‍จิ่ง‍อวี้จูบแก้มเล็กๆ ของลูกชายและพูดด้วยน้ำเสียงผ่อนคลาย “ข้าให้เสนาบดีกรมโยธาดูแลงานนี้แล้ว การทำกระดาษใช้วัสดุที่เรียบง่าย วิธีการก็ไม่ซับซ้อน น่าจะง่ายกว่าการทำดินปืนมาก”

อินชิงเสวียนพยักหน้า

“เรื่องดินปืนไม่อาจล่าช้าได้ แม้ว่าจะยึดเจียงวูคืนมาได้ ก็ไม่ได้หมายความว่าที่อื่นจะสงบสุขด้วย มีเก็บไว้บ้างก็สามารถใช้เป็นอำนาจต่อรองได้”

“ข้าก็คิดอย่างนั้นเหมือนกัน พอมานับวันดูแล้ว รองแม่ทัพของเสด็จอาน่าจะไปเมืองซุ่ยหานแล้ว ไม่รู้ว่าสถานการณ์การรบที่นั่นเป็นอย่างไรบ้าง”

เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ เย่‍จิ่ง‍อวี้ก็ขมวดคิ้ว แสดงความกังวลเล็กน้อย

อินชิงเสวียนกล่าวด้วยความโล่งใจ “มีดินปืนช่วย ทุกอย่างจะเรียบร้อยดี อีกทั้งรองแม่ทัพของท่านอ๋องก็เป็นคนที่มีประสบการณ์การต่อสู้มาหลายสนาม ในเมืองซุ่ยหานไม่น่าจะมีเหตุร้ายอะไร ตอนนี้หม่อมฉันกังวลแค่เรื่องเจียงวูเท่านั้น ถ้าอา‍ซือ‍หลานกลับไปจริง จะต้องใช้กลอุบายอีกเป็นแน่”

“บิดาของเจ้าก็กริศึกมานาน ทั้งยังสู้รบกับเจียงวูมากกว่าหนึ่งครั้ง ข้ากลับไม่รู้สึกกังวลนัก สิ่งเดียวที่ทำให้ข้ากังวลคือพี่ใหญ่ของเสวียน‍เอ๋อร์ยังคงอยู่ในมือของพวกเขา สถานการณ์ตอนนี้ยังไม่ชัดเจน และจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป คาดเดาไม่ได้จริงๆ”

ครั้นได้ยินเช่นนี้ อินชิงเสวียนก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ

ไม่มีใครรู้ว่าสถานการณ์ของอินสิงอวิ๋นเป็นอย่างไร ทำได้เพียงรอให้เจียงวูส่งจดหมายกลับก่อน ถึงจะตัดสินใจได้

เมื่อเห็นอินชิงเสวียนรู้สึกย่ำแย่ เย่‍จิ่ง‍อวี้ก็ทนไม่ไหว

“อย่าคิดมาก ไปเยี่ยมเสด็จอากับข้าดีกว่า”

“เพคะ”

แล้วอินชิงเสวียนก็อุ้มเสี่ยว‍หนาน‍เฟิงเข้าไปนั่งในรถเข็นเด็ก

“เอ่อ...”

อินชิงเสวียนไม่รู้ว่าจะตอบอย่างไรมา

เย่จั้นเหมือนจะรู้ตัวว่าตัวเองถามมากเกินไปแล้ว จึงรีบพูด “เป็นข้าที่ล่วงเกินไปแล้ว กุ้ยเฟยไม่จำเป็นต้องตอบก็ได้”

อินชิงเสวียนยิ้มอย่างกระดากอาย “ที่มาของน้ำนี้ค่อนข้างซับซ้อนจริงๆ ขออภัยที่ตอนนี้ข้ายังบอกท่านอ๋องไม่ได้”

เย่จั้นยิ้มอย่างอบอุ่นและพูดว่า “ไม่เป็นไร กุ้ยเฟยเต็มใจสละน้ำนี้ให้ได้ ข้าก็ตื้นตันใจมากแล้ว”

เย่‍จิ่ง‍อวี้ก็สนใจใคร่รู้เช่นกัน แต่เขาไม่อยากบังคับอินชิงเสวียน เมื่อนางต้องการพูด นางคงจะบอกเขาเอง

จึงเปลี่ยนบทสนทนา ถามว่า “เสด็จอาเดินเหินได้แล้วหรือ”

เย่จั้นกล่าวว่า “นอกจากความเจ็บปวดเล็กน้อยที่บาดแผลแล้ว ทุกอย่างก็ไม่ต่างจากคนทั่วไป”

เย่‍จิ่ง‍อวี้พยักหน้า พูดด้วยรอยยิ้ม “ดีแล้ว เช่นนั้นก็ไปที่ตำหนักจินหวู ให้เสวียน‍เอ๋อร์ทำเนื้อเสียบไม้ให้เสด็จอากิน”

เย่จั้นงุนงง

“เนื้อเสียบไม้คืออะไร”

เย่‍จิ่ง‍อวี้กลืนน้ำลายเต็มปากแล้วพูดว่า “เป็นของอร่อย รับรองว่าถ้าเสด็จอาได้กินแล้วจะชมไม่ขาดปากเลยทีเดียว”

อินชิงเสวียนกลอกตามองเย่‍จิ่ง‍อวี้

เห็นได้ชัดว่าเขาอยากกินเอง วันนี้ตัวเองต้องเสียคะแนนไปเยอะอีกแล้ว

แต่กลับพูดด้วยรอยยิ้มว่า “หม่อมฉันจะกลับไปเตรียมตัวเดี๋ยวนี้”

“ดีมาก ข้ากับเสด็จอาจะตามไปภายหลัง”

เย่‍จิ่ง‍อวี้มองส่งอินชิงเสวียนไปจนสุดสายตา ก่อนที่จะหันไปหาเย่จั้น

“ถ้าข้าดูไม่ผิด วรยุทธ์ของเสด็จอาน่าจะเพิ่มขึ้นอีกขั้นแล้ว”

เย่จั้นยิ้มบางๆ

“ไม่สามารถปิดบังสายตาของฝ่าบาทได้จริงๆ หากไม่ลำบากพระสนมที่นำน้ำออกมา ฝ่าบาทสามารถให้องครักษ์เงาใช้ด้วยก็ดีเช่นกัน จะยิ่งเพิ่มความแข็งแกร่งของพวกเขาได้มากแน่นอน”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์