สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์ นิยาย บท 444

เย่‍จิ่ง‍อวี้ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “น้ำที่สุดยอดเช่นนี้ เกรงว่าคงหามาได้ไม่ง่าย เสวียน‍เอ๋อร์ต้องทุ่มเทไปไม่น้อย ข้าไม่อยากบังคับนาง”

“ฝ่าบาทตรัสถูกต้องแล้ว เป็นกระหม่อมที่คิดมักง่าย เพียงแต่...”

เย่จั้นหยุดชั่วครู่แล้วพูดว่า “กระหม่อมรู้สึกว่าหวงกุ้ยเฟยที่อยู่ตรงหน้า แตกต่างจากลูกสาวที่อินจ้งกล่าวบรรยายไว้...”

เย่จั้นรู้ว่าอินชิงเสวียนไม่ใช่คนเลว ดูจากเรื่องที่นางยอมช่วยเหลือตัวเองและเย่‍จิ่ง‍อวี้ ก็พอจะมองออกได้บ้าง

อย่างไรก็ตาม ความสงสัยในใจถูกซ่อนไว้มานานแล้ว อดรำพึงรำพันออกไปไม่ได้จริงๆ

เย่‍จิ่ง‍อวี้มองไปยังเย่จั้น แล้วยิ้มบางๆ

“ข้าไม่สนใจว่านางเป็นใคร ตราบใดที่นางไม่ทำร้ายข้า ไม่ทำร้ายราษฎรในแผ่นดิน นางยังคงเป็นกุ้ยเฟยของข้าเช่นเดิม”

น้ำเสียงของเขาเนิบช้า เขากล่าวเสริมอีกว่า “ข้าก็เคยสงสัยเรื่องนี้มาก่อน นางดูแตกต่างจากอินชิงเสวียนคนก่อนอยู่จริง ต่อมาข้าก็คิดได้ บางทีสิ่งที่ดึงดูดข้า อาจเป็นความฉลาดมีไหวพริบมีคุณธรรมนำใจ และความรักอันยิ่งใหญ่ของนาง”

เย่จั้นพยักหน้าและกล่าวว่า “ในเมื่อฝ่าบาทคิดอย่างถี่ถ้วนแล้ว กระหม่อมก็ไม่พูดมากกว่านี้”

หลังจากกลับมาเมืองหลวงเป็นเวลานาน เย่จั้นได้เห็นทุกสิ่งที่อินชิงเสวียนกระทำหมดแลว นางเป็นสตรีที่เฉลียวฉลาด ลำพังแค่การพัฒนาดินปืนเพียงอย่างเดียว ก็เพียงพอให้นางอยู่ในหน้าประวัติศาสตร์ของต้าโจวได้แล้ว เย่จั้นไม่เคยสงสัยในคุณูปการของอินชิงเสวียนเลย เขาเพียงแต่มีข้อกังขาบ้างเท่านั้น

หลังจากฟังคำพูดของเย่‍จิ่ง‍อวี้แล้ว เย่จั้นก็เข้าใจ

ไม่สำคัญว่าอินชิงเสวียนจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร สิ่งสำคัญที่สุดคือนางทำสิ่งใด

เนื่องจากสิ่งที่นางกระทำล้วนเป็นประโยชน์ต่อต้าโจวและราษฎร นางจะเป็นใครแล้วจะสำคัญอย่างไร

เย่‍จิ่ง‍อวี้วางมือบนไหล่ของเย่จั้น แล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่ชัดเจนว่า “ข้ารู้ว่าเสด็จอาเป็นห่วงข้า วันนี้ข้าไม่ใช่เด็กที่ถูกหลอกด้วยขนมเพียงชิ้นเดียวอีกต่อไปแล้ว ข้ามีความสามารถในการแยกแยะถูกผิด”

“เป็นกระหม่อมที่กังวลมากเกินไป”

“เอาล่ะ เราจะไม่พูดถึงเรื่องนี้อีกแล้ว พวกเราไปลิ้มลองรสชาติของเนื้อเสียบไม้กันดีกว่า”

ครั้นแล้วสองอาหลานก็เงยหน้ารับแสงตะวันชิงพลบ เดินออกจากสำนักหมอหลวง

ที่ตำหนักจินหวู

เหล่าขันทีนางกำนัลกำลังเสียบเนื้อในไม้

เสี่ยวอานจื่อนำไม้เสียบออกมา แล้วก่อไฟเผาถ่านจนเป็นสีแดงกล้า

“พระสนม ถ่านไฟติดแล้ว”

“ข้าจะไปย่างเดี๋ยวนี้แหละ”

อินชิงเสวียนถือพัดเดินมาถึงตระแกรงที่วางไม้ไว้

บางครั้งการลงมือทำเองก็สนุกดี โดยเฉพาะการย่างเนื้อเสียบไม้ ซึ่งให้ความรู้สึกถึงความสำเร็จ

วางเนื้อที่เสียบไม้แล้วไว้บนตะแกรง โรยด้วยยี่หร่า งา และพริกป่น แล้วกลิ่นหอมของเนื้อโชยกรุ่นไปไกล

ซึ่งเวลานี้สองอาหลานได้มาถึงประตูแล้ว

เย่จั้นอดไม่ได้ที่จะสูดดม

“หอมจัง”

เย่‍จิ่ง‍อวี้กระตุกมุมปากขึ้น

“นี่คือกลิ่นหอมของเนื้อเสียบไม้”

เย่จั้นรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย

“ใส่ส่วนผสมอะไรถึงมีกลิ่นหอมขนาดนี้”

“เสด็จอาไปดูแล้วจะรู้เอง”

หลังจากที่เย่‍จิ่ง‍อวี้พูดจบ เขาก็แทบรอไม่ไหวที่จะเข้าไปในตำหนัก

อินชิงเสวียนย่างเนื้อเสียบไม้ไว้แล้วยี่สิบไม้ เมื่อมองดูสีสดใสและได้กลิ่นหอมแล้ว เย่‍จิ่ง‍อวี้ก็ยกนิ้วชี้ขึ้นอย่างอดไม่ได้

“ทักษะการย่างเนื้อเสียบไม้ของเสวียน‍เอ๋อร์ดูเหมือนจะดีขึ้นกว่าเมื่อหลายวันก่อนมาก”

อินชิงเสวียนยื่นเนื้อเสียบไม้ให้เขา และพูดอย่างอารมณ์ดี “ทำครั้งแรกยังไม่คุ้น ครั้งที่สองก็เข้ามือแล้ว ฝ่าบาทกับท่านอ๋องรีบมากินตอนที่ยังร้อนๆ อยู่เร็วเข้า”

เย่จั้นรับมากัดเข้าปากคำหนึ่ง รู้สึกถึงความหอมอร่อยที่ยังคงอบอวลอยู่ในปาก อดไม่ได้ที่จะพยักหน้าซ้ำๆ

ถ้าไม่ใช่เพราะการบาดเจ็บในคราวนี้ เขาคงไม่ได้ลิ้มรสอาหารอร่อยๆ แบบนี้ นับว่าคุ้มค่าแล้ว

“ข้าอยากนอนกับเจ้า”

จูบของเย่‍จิ่ง‍อวี้ประทับลงบนหน้าผากของอินชิงเสวียน จากนั้นค่อยๆ เลื่อนลงมาที่สันจมูกของนาง และปิดผนึกริมฝีปากอันอ่อนนุ่ม

ปลายลิ้นประดุจปลาที่แหวกว่ายอย่างคล่องแคล่ว และในไม่ช้าก็เข้าไปพัวพันกับลมหายใจของนาง

จูบที่เร่าร้อนอย่างกะทันหันนี้ ทำให้อินชิงเสวียนมึนงงไปชั่วขณะ

“ฝ่าบาท...ฮึก...”

การประท้วงของอินชิงเสวียนถูกระงับไว้ในลำคอของนาง เสียงเบาๆ กลับกลายเป็นเสียงครางอันน่าอับอาย

มือใหญ่ของเย่‍จิ่ง‍อวี้เลื่อนไปตามชุดลื่น ผิวเนื้อที่บอบบางราวกับผ้าแพรไหมเนื้อนิ่ม เย่‍จิ่ง‍อวี้อดไม่ได้ที่จะอุทานด้วยความพึงพอใจ

“เสวียน‍เอ๋อร์...”

เขาเรียกชื่อของอินชิงเสวียนเบาๆ เสียงที่ไพเราะเจือด้วยเสียงแหบกระเส่าที่เย้ายวนใจ และก็เหมือนกับปีศาจที่กระซิบข้างหู ทำให้ไม่อาจต้านทานได้

อินชิงเสวียนยังง่วงนอน แต่เมื่อถูกเย่‍จิ่ง‍อวี้สัมผัสเรือนกาย นางก็ตื่นขึ้นมาทันที

นางคิดว่าเย่‍จิ่ง‍อวี้จะไม่มา ดังนั้นนางจึงปล่อยอารมณ์ไปตามสบาย

เมื่อร่างกายส่วนบอบบางถูกครอบครองไว้ใต้ฝ่ามือ แล้วลูบไล้เบาๆ อินชิงเสวียนก็หายใจกระชั้นถี่อย่างอดไม่ได้ ปลายเท้าเกี่ยวกระหวัดขอบเตียงไว้แน่น

“อย่า...”

“ไม่ต้องกลัว ข้าจะอ่อนโยนกับเจ้าให้มากๆ”

เย่‍จิ่ง‍อวี้พยายามระงับความต้องการอันพลุ่งพล่าน จุมพิตกระดูกไหปลาร้าของนางอย่างอ่อนโยน

ความอบอุ่นของลมหายใจเป่ารดต้นคอของอินชิงเสวียน ราวกับไฟฟ้าดูด ซึ่งทำให้นางรู้สึกชาและไร้เรี่ยวแรง ตัวอ่อนปวกเปียกไปทั้งร่าง

ความรู้สึกนี้เป็นความรู้สึกที่แปลกทว่าเย้ายวนใจ อินชิงเสวียนไม่รู้ว่าจะจัดการอย่างไร นางงอตัวโดยไม่รู้ตัว ราวกับว่ากำลังปฏิเสธ แต่ก็ดูเหมือนปรารถนาการปลอบประโลมมากขึ้น

เย่‍จิ่ง‍อวี้ฉวยโอกาสนี้คว้าเอวบางของนางเข้ามา ปลดเปลื้องชั้นผ้าไหมที่น่ารำคาญออก

ร่างกายอันร้อนผ่าวทาบทับเรือนร่างอรชรที่เย็นชื้น ทันใดนั้นพลันเกิดอสุนีบาตทำให้ธรณีเกิดเพลิงลุกโชน ไม่อาจต้านทานได้...

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: สนมร้างรักขอทวงบัลลังก์